The Beatles: Now and Then – บทส่งท้ายรสหวานปนขม



เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่วง The Beatles ซึ่งแยกวงไปตั้งแต่ปี 1974 และมีผลงานขึ้นอันดับหนึ่งครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1969 (เพลง The Ballad of John and Yoko) จะสามารถมีผลงาน “ใหม่” ขึ้นถึงอันดับหนึ่งบนบอร์ด Billboard Digital Song Sales เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2023 แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือ พวกเขาทำสำเร็จหลังจากสูญเสียสมาชิกคนสำคัญสองคนไปตั้งแต่ปี 1980 (John Lennon โดนลอบยิง) และปี 2001 (George Harrison ด้วยโรคมะเร็ง)
 
เลยต้องขอนำเรื่องราวน่าสนใจของเพลงนี้ซึ่งน่าจะเป็นเพลงสุดท้ายของวงดนตรีจากอดีตที่อยู่ยงคงกระพันและดูเหมือนจะอยู่เหนือกาลเวลานี้มาเล่าสู่กันฟังพร้อมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยตามธรรมเนียมครับ
 
ที่มาของเพลงนี้เกิดจากการที่สมาชิกที่เหลือของวง (ซึ่งในตอนปี 1995 นั้น George Harrison ยังมีชีวิตอยู่) เคยคิดจะนำเดโมเทปเพลง Now and Then ที่ John Lennon อัดเอาไว้มาทำเป็นซิงเกิ้ลบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของดีวีดีชุด Anthology 3 แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีในสมัยนั้นทำให้ไม่สามารถแยกเสียงร้องของ John ออกจากเสียงเปียโนที่เขาร้องคลอไปด้วยได้ ต้องรอมาเกือบ 30 ปีจนสามารถใช้ AI ยุคนี้ในการแยกเสียงร้องออกมาได้
 
จะว่าไปแล้ว นี่คงไม่ถือเป็นเพลงใหม่ของ The Beatles ได้ 100% เพราะเป็นเพลงที่ John แต่งไว้หลังจากแยกวงเป็นศิลปินเดี่ยวแล้ว น่าจะเรียกว่าเป็นการนำเพลงของ John มาเพิ่ม contributions ของสมาชิก The Beatles คนอื่นเข้าไปมากกว่า เช่นเดียวกับที่เคยทำมาแล้วใน  Anthology 1 ด้วยเพลง Free as a Bird และ Anthology 2 ด้วยเพลง Real Love ทั้งสองเพลงก็ทำจากเดโมเทปที่ John อัดไว้หลังแยกวงแล้วเช่นกัน
 
น่าสังเกตว่า Paul ตัดสินใจที่จะไม่แต่งท่อนแยก (middle eight เพราะมักจะมี 8 bars หรือห้องดนตรี) เพิ่มเข้าไป แต่เลือกที่จะเพิ่มกีตาร์โซโลเข้าไปแทน โดย Paul เป็นคนเล่นโซโลแบบ slide guitar เพิ่มเติมจากที่ George เคยเล่นทิ้งไว้แต่ไม่สมบูรณ์เมื่อตอนที่พยายามทำเพลงนี้ในครั้งแรกระหว่างผลิตดีวีดี Anthology 3 แต่ไม่สำเร็จ
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Giles Martin ลูกชายของ George Martin และเป็น co-producer ของซิงเกิ้ลนี้ให้สัมภาษณ์ว่าการเพิ่มแบคกราวนด์เสียงเครื่องสายเข้าไป เขาใช้แนวทางการเรียบเรียงเดียวกับที่พ่อของเขาใช้ในเพลงของ The Beatles ที่มีเสียงเครื่องสาย เช่น Yesterday, Eleanor Rigby, Strawberry Fields Forever นักดนตรีวงออเคสตร้าที่มาร่วมบรรเลงในเพลงนี้ถูกหลอกให้เข้าใจผิดว่านี่เป็นเพลงของ Paul เนื่องจากสตูดิโอต้องการปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับระหว่างช่วงของการผลิต
 
นอกจากซิงเกิ้ลนี้แล้ว ยังมี remix ของอัลบั้มรวมเพลง The Red (1962-1966) และ The Blue Albums (1967-1970) ออกมาพร้อมกัน ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้ประโยชน์จาก AI ในการแยกและผสมเสียงใหม่เพื่อเป็นการอัปเดตคุณภาพเสียงให้เหมาะกับระบบ surround sound สมัยใหม่ โดยเฉพาะระบบเสียง Dolby Atmos นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเพลงบางเพลง โดยเฉพาะเพลงของ George Harrison ซึ่งไม่อยู่ในอัลบั้มรวมเพลงเดิมเข้าไปด้วย
 
นี่นับเป็นความชาญฉลาดในเชิงพาณิชย์ เพราะแนวโน้มการฟังเพลงของคนรุ่นใหม่มักจะสร้าง playlist ของเพลงที่ตัวเองชอบขึ้นมาเอง โดยเลือกดาวน์โหลดเฉพาะเพลงใน playlist และส่วนใหญ่จะเลือกเพลงที่มีการ remix เสียงใหม่แล้ว เพราะการแยกเสียงที่คมชัดเหมาะกับการฟังผ่านหูฟังคุณภาพดีมากกว่า เช่น เพลง Here Comes the Sun ซึ่งครองอันดับเพลงของ The Beatles ที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุด
 
อัลบั้มรีมิกซ์ The Red และ The Blue Albums จึงเปรียบเเหมือนการสร้าง playlists พร้อมให้ดาวน์โหลดไว้แล้ว เนื่องจากสองอัลบั้มนี้ไม่ได้บรรจุไว้เฉพาะเพลงอันดับหนึ่ง Greatest Hits แบบอัลบั้ม “1” เท่านั้น แต่ยังเพิ่มเพลงอื่นๆของ The Beatles ซึ่งอยู่ในความสนใจของผู้ฟังด้วย
 
เนื่องจากก่อนที่สองอัลบั้มนี้จะออกมา นักวิจารณ์ส่วนใหญ่คาดเดากันว่าอัลบั้ม Rubber Soul น่าจะเป็นอัลบั้มถัดจาก Revolver ที่จะมีการรีมิกซ์ แต่เมื่อเพลงครึ่งหนึ่งของอัลบั้ม Rubber Soul รวมอยู่ในอัลบั้มรีมิกซ์ The Red และ The Blue Albums แล้ว ยังจะมีการรีมิกซ์นี้อีกหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไปครับ
 
 
 
ขอเสริมเรื่องนี้ด้วยบทส่งท้ายหน่อยครับ
 
ในคำให้สัมภาษณ์ของ Giles Martin ลูกชายของ George Martin และทำหน้าที่เป็น co-producer ของเพลง Now and Then เขาเชื่อว่า Paul McCartney ไม่ได้ต้องการทำเพลงนี้ในเชิงธุรกิจ (คงเป็นเพราะรวยมากแล้วและยังจะรวยขึ้นๆไปอีกจากค่าลิขสิทธิ์เพลงและรายได้จากอัลบั้มและเพลงทั้งในแบบ physical และการดาวน์โหลดเพลงของ The Beatles ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ)
 
ตามข้อสังเกตของ Giles เขาคิดว่า Paul น่าจะทำเพลงนี้เพราะคงรู้สึกคาใจที่ยังไม่สามารถนำเพลงสุดท้ายของ John มาทำให้สำเร็จได้ และลึกๆลงไปแล้ว Giles เชื่อว่า Paul “คิดถึง” เพื่อนและคู่หูนักแต่งเพลงเพราะบ่อยครั้งในการให้สัมภาษณ์ Paul มักจะพูดถึงช่วงเวลาที่เขาเกิดเจอทางตัน หรืออาการ mental block ในการแต่งเพลงในขณะเป็นศิลปินเดี่ยว และมักจะเกิดความคิดแล่นเข้ามาในหัวว่า ถ้าเป็น John เขาน่าจะทำอย่างไร
 
นอกจากนี้ ความสำเร็จของเพลง Now and Then ช่วยตอกย้ำสัจธรรมที่ว่า สำหรับคู่หูนักแต่งเพลงคู่นี้ หนึ่งบวกหนึ่งมากกว่าสอง
 
เพราะไม่ว่าผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยวของทั้งคู่จะยอดเยี่ยมระดับ masterpiece เพียงใด ก็ไม่สามารถเทียบได้กับผลงานที่ Lennon-McCartney ร่วมกันสร้างขึ้นมา
 
ดังนั้น หากเพลง Now and Then จะเป็นฉากจบที่สวยงามของ The Beatles ก็ต้องถือว่าเป็นการปิดฉากรสหวานปนขม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่