แรงเงาภาค 2 กับ พรหมลิขิต ละครภาคต่อจากภาคแรกที่ดังเป็น talk of the town เรื่องไหนพินาศกว่ากัน

ทั้งสองเรื่องมีจุดที่เหมือนกันอย่างนึง คือภาคแรกปังมาก จนคนดูตั้งหน้าตั้งตารอ อยากเห็นภาคต่อ แต่ภาคต่อทั้งสองเรื่องคือปังมากกกกก หมายถึง ปังพินาศนะคะ เพราะทั้งสองเรื่องบทคือที่สุดของความบ้งของละครไทยเลยก็ว่าได้ อย่างแรงเงา 2 แต่ละคนนึกว่าหลุดออกมาจากโรงพยาบาลโรคประสาท ทั้งมุนินทร์ วีกิจ นพนภา ฤทัย รัชนก ต่อ ต้อม แข่งกันบ้าทั้งเรื่อง แถมช่วงท้ายๆยังเป็นการเฉลยว่าที่เห็นแต่ละคนดูบ้าๆ เป็นการจัดฉากเท่านั้น แต่บทก็บ้งจนโดนตัดจบเหลือแค่ 10 ตอน ส่วนพรหมลิขิต ที่หลายคนตั้งหน้าตั้งตอรอดูยิ่งกว่านั้น เพราะภาคแรกองค์ประกอบปังจนกลายเป็นละครเรตติ้งสูงสุดในยุคดิจิตอล พอมาภาคนี้ ขนกองทัพนักแสดงระดับพระเอกนางเอกมาประชันกันแทบจะยกช่อง แต่ผลที่ออกมากลายเป็นยำใหญ่ใส่สารพัด บทแต่ละคนคือบ้งมาก ไม่ว่าจะเป็นพระนางที่เอาแต่พ่อแง่ แม่ งอนกันเกินค่อนเรื่องไปแล้ว แต่ที่หนักที่สุดก็คือบทอีกลิ่น ที่ได้ระดับน้ำตาล พิจักขณา นางเอกลูกรักเบอร์ต้นๆ ของค่ายนี้มาพลิกบทบาทเป็นนางร้ายเรื่องแรก แต่เป็นนางร้ายแบบละครน้ำเน่ายุงชุมค่ายดีด้ามากๆ คือบทจะร้ายก็ร้ายแบบไม่มีที่มาที่ไป นอกจากเป็นเจ้ากรรมนายเวรของนางเอก แต่ชีก็ร้ายไปทั่วไม่ว่าจะกับใครหน้าไหน แม้แต่ยายตัวเองก็ตาม ไหนจะคุณหญิงจำปาที่ภาคนี้ นึกว่าเจ้าสำเภางาม ที่จอมบงการไปแทบจะทุกเรื่อง แทนที่จะเป็นคุณย่าใจดี อบอุ่น แต่ไฉน ดูถูกว่าที่หลานสะใภ้ต่างๆนานา ว่าเป็นแค่แม่ค้านั่งตลาด หรือจะนังแม่หญิงแพรจีนที่ torlae จนน่ารำคาญมากๆ หรือตัวละครอื่นๆก็มีทัศนคติที่บ้งไม่แพ้กัน คือบทบ้งจนเสียชื่อละครอันดับหนึ่งในยุคดิจิตอลไปเลยค่ะ ถ้าเทียบกันแล้ว ละครบทบ้งๆที่ผ่านมา เช่น แค้น มัดหัวใจยัยซุปตาร์ ซุปตาร์ 2550 หรือจะเป็นละครภาคต่อบ้งๆอย่างวาสนารัก ที่ต่อจากทุ่งเสน่หา ยังมีบทที่สนุกและน่าติดตามกว่านี้เยอะ แล้วเรื่องนี้บทผ่านไปแล้วเกินครึ่งเรื่องยังไม่ค่อยจะคืบหน้าอะไรเลย น่าเสียดายมากที่ในนิยายคือเขียนดีมากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ภาคแรก เนื้อหาก็โอเคกว่าละคร ซึ่งในละครคือไม่มีความเคารพในบทประพันธ์เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าสร้างตามบทประพันธ์ได้ละครจะสนุกสมกับเป็นภาคต่อมากกว่านี้เยอะค่ะ