ตอนที่ 5 เพื่อนใหม่
[ปัง] ‘เสียงปิดประตู’
หลานปู่เดินออกมาพร้อมถือน้ำชาและขนม ผู้เฒ่าเชิญคนทั้งสองให้เยือนบ้านตน ผู้อาวุโสเปิดประตูรั่วไม้ ไซแนปเห็นได้จังหวะ รีบวิ่งเข้ารั่วทันที ผู้เฒ่ายังคงสะอื้นในลำคอ
“อย่าเสียใจนะคะ พวกหนูเชื่อมั่นพลังของหนุ่มสาวจะผลักดันให้หมู่บ้านเราก้าวไปข้างหน้าค่ะ”
ผู้เฒ่าได้ยินคำว่าซาร่าพูดหนุ่มสาว หยุดครางเสียงทันที แกกล่าวด้วยน้ำเสียงดุหมอกแดงฉายออกมารอบตัว โดยมีจุดดำเล็กบางจุดในหมอกนั้น
“คนแก่อย่างฉันไม่จำเป็นให้พวกเธอมาปลอบ ระดับฉันไม่หวั่นไหวกับเรื่องแค่นี้ พวกเธอต่างหากเตรียมตกงาน โฮ่ โฮ่ โฮ่” [เสียงหัวเราะ]
เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ ซาร่ารู้สึกอารมณ์ผู้เฒ่าแปรปรวนบ่อยเหลือเกิน สงสัยแกเป็นคนแก่ที่อารมณ์ขึ้นลงเร็วหรือเป็นโรคไบโพล่า
“จะยืนให้แดดมันส่องเล่นหรือครับปู่ เชิญพวกเขาเข้ามาได้แล้ว” เสียงเด็กหนุ่มตะโกนด้วยเสียงอย่างรู้สึกรำคาญ ตนกลัวน้ำชาจะเย็นจนหมดอร่อย
ผู้เฒ่าเห็นอัลดุลเฮดตะโกน นึกขึ้นได้ มั่วแต่ยืนคุยควรเชิญทั้งคู่เข้าบ้านดีกว่า
ผู้เฒ่ายืนหน้าไปทางสองสาวเอามือขวาป้องปาก พูดแนบหูซาร่าเหมือนกลัวใครสักคนได้ยิน “อย่าบอกเจ้าอัลดุลเฮดนะ ความจริงฉันจะไล่มันออก มันเป็นตัวเกะกะ ญาติส่งมันมาดูแล คงเห็นฉันเป็นคนแก่ แต่เจ้านี้เป็นตัวเกะกะ ปู่อย่างฉันรู้สึกอึดอัดเวลาเจ้านี้อยู่ในบ้าน”
“จะยืนอีกนานไหมปู่”
“มาแล้ว” [กริ๊ง กริ๊ง] ’ เสียงกระดิ่ง’ ผู้เฒ่ากระทุ้งไม้เท้าอีกครั้ง
“ปู่เลิกยั่วซิสแนปเปอร์ได้ไหม มันนึกว่าเป็นเวลาอาหาร” ตอนนี้รอบตัวอัมดุลเฮดเต็มไปด้วยสีแดง
“เห็นไหมเจ้านี้มันโกรธง่าย” ผู้เฒ่ากระซิบบอกมิสซู พร้อมแบมือออกโค้งอย่างสุภาพให้แขกหน้าใหม่
ทั้งคู่ย่อตัวลงขอบคุณ เดินเข้าไปข้างในตามด้วยผู้เฒ่าเดินตาม
“เพื่อนของเธอชื่ออะไรนะ ฉันเสียมารยาทเอาแต่คุยจนลืม”
“มิสซูค่ะ ท่านผู้เฒ่าอัลดุลล่า” เธอตอบชื่อเจ้าของฟาร์มได้อย่างคล่องแคลว เพราะท่านเป็นบุคคลที่อยู่มานาน ปู่เป็นคนเดียวที่เลี้ยงซิสแนปเปอร์ในหมู่บ้านนี้ คนในเมืองรู้จักท่านแทบทุกคน
ทั้งสามเดินเข้าบ้าน เมื่อพบกับอัลดุลเฮด “สวัสดีทุกคน ซาร่าเชิญครับ” หลานผู้เฒ่ากล่าวทั้งทาย
“คนนี้มิสซูเพื่อนฉันเอง เธออยู่ชมรมเดียวกัน”
ฉับพลันที่หนุ่มน้อยได้พบหน้าเพื่อนใหม่ ชายดังกล่าวพบความงามในแบบเธอ ความมั่นใจจากกริยาท่าทาง ผิวเข้มตัดในตาสีขาวอย่างเด่นชัด ในขณะที่ซาร่ากลับมีผิวขาวผมซอยสั้น ไม่ใช่แบบผมยาวทั่วไป
ส่วนมิสซูนอกจากเธอจะมีผิวคล่ำแดงแล้ว ผมดำราวกับหงส์แดงผิดกับซาร่าที่มีผิวขาวเหมือนหงส์ขาวว
“รู้ไหม พวกเธอเดินมาพร้อมกัน มองดูเหมือนนกหงส์แดงและหงส์ขาวกำลังร่ายรำ”
“นกหงส์แดงไม่มีนะ” ซาร่าแก้คำให้อัลดุลเฮด
มิสซูที่มองเพื่อนอย่างผิดหวัง “เธออย่าทำลายจินตนาการสิ” มิสซูพูดติดตลกพร้อมยักไหล่ให้กับเด็กหนุ่ม
“นกหงส์แดงไม่มีจริงนะ จินตนาการต้องอยู่บนพื้นฐานความจริงด้วย” ซาร่ากล่าวเชิงตำหนิ
“ถ้าเป็นหงษ์ดำ หงษ์ดำมีไหม” เจ้าบ้านถาม
“มี” ซาร่าตอบ
“ถ้างั้น...ฉันเอาหงษ์ดำก็ได้ พวกเธอเป็นดังหงษ์ดำหงษ์ขาวที่กำลังว่ายวนในสระน้ำขนาดใหญ่ ภายใต้ดวงอาทิตย์อัสดง แสงส่องทอดยาวผ่านคลื่นแก้ว กระทบเข้าหงษ์ทั้งสอง ช่างงดงานเสียนี่กระไร” หมอกเขียวปะปนด้วยชมพูชายหนุ่มทอดสายตาให้กับเพื่อนซาร่า
“ฉันขอบใจนะ แต่ฉันไม่ได้ชอบเธอ” มิสซูกล่าวตอบรับคำอย่างตรงไปตรงมา ตัวของเธอปล่อยแสงสีเทาออกมา กำลังบอกถึงความรู้สึกกำลังรู้สึกอึดอัดต่ออีกฝ่าย
“ว้า…..เธออาจจะเปลี่ยนใจสักวัน”
มิสซูรู้สึกชื่นใจขึ้นมาหน่อย เปล่งแสงสีเขียวอ่อน รู้สึกดีที่ชายหนุ่มไม่ตื้อ แม้นว่ารูปร่างชายหนุ่มดูสูงกำยำ ตามแบบฉบับเด็กอยู่ท้องทุ่งนา แต่เธอไม่ชอบการแต่งตัวที่ดูซอมซ่อ รองเท้าบูทเปื่อนโคลน เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยละอองฝุ่น เธอมั่นใจไม่มีวันเปลี่ยนใจ
ผู้เยี่ยมเยือนเข้าบ้านสังเกตุบ้านของผู้เฒ่าดูไม่เหมือนบ้านตามท้องนาลักษณะบ้านค่อนข้างใหญ่เป็นทรงกลมคล้ายฟองสบู่ที่ซ้อนทับไปมา
มิสซูรู้สึกตะลึงในความสวยของบ้านหลังนี้ แต่ไม่แปลกใจเท่าไร เพราะฟาร์มนี้เป็นศูนย์กลางซิสแนปเปอร์ มันมีความหมายต่อชีวิตของพวกเราทุกคน
“555555555” [เสียงหัวเราะทั้งสี่คน]
ทั้งสี่คนคุยกันอย่างออกรสในเก้าอี้ทรงกลมคล้ายลูกโป่งสีน้ำตาลยักษ์ เวลาหัวเราะทำให้ตัวขยับเอนไปมาตามแรงหัวเราะของคนทั้งสี่
“ฉันคุยกับเธอทีไรสนุกทุกที” ผู้เฒ่ากล่าวชมซาร่า
“นั้นสิ เห็นเธอชอบพูดอะไรดูจริงจัง แต่เธอเป็นคนคุยสนุก” อัลดุลเฮดเห็นด้วยกับปู่
“พรุ่งนี้มาอีกสิ” ผู้เฒ่ากล่าว
“พรุ่งนี้พวกเรามีเรียนค่ะ” ซาร่าปฏิเสธผู้เฒ่า
“ไม่ใช่ ๆ ฉันหมายถึงเธอสองคนกับเจ้านี้” เจ้าของบ้านชี้ไปทางหลานตน
“เอาเจ้านี้ออกไปสักคนก็ดี บ้านจะได้ดูโล่งหน่อย พรุ่งนี้ไอ้หลานชายเข้าเรียนวิทยาลัยเหมือนกัน โฮ่ โฮ่ โฮ่”
“ปูไล่ผมแบบนี้ก็แย่นะครับ ผมอุตส่าห์ตื่นตีสี่ช่วยงานทุกวัน”
“แกทำให้ฉันรู้สึกเบื่อ เหมือนไม่มีอะไรทำ”
“ท่านผู้เฒ่าอย่าว่าหลานตัวเองแบบนั้นสิค่ะ” มิสซูช่วยแก้ต่าง
ผู้เฒ่ารู้สึกตัวเองโดนรุม จึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“พวกเธอคิดว่าไง ภาพของชมรมเชียร์จะขายได้ไหม”
“ไม่ได้หรอก” มิสซูรู้สึกเกลียดพวกนั้น
“หนูไม่ชอบกลุ่มนั้น แต่อยากให้ภาพขายได้ พวกเราจะได้ปลอดภัย” แม่หญิงอวบมีความคิดเห็นแตกต่างจากเพื่อน
“ปลอดภัย” ผู้เฒ่าร้องเสียงหลง อารมณ์เปลี่ยนกะทันหัน ตอนนี้ร้องไห้ออกมา “ฮือ ฮือ พวกเราตายแน่นอน”
ผู้เฒ่าเอาแต่พร่ำเพ้อแต่เรื่องเดิม จนแขกทั้งสองคอยปลอบ ผู้เฒ่าจึงหยุดร้อง
“พวกเธออยู่ชมรมเชียร์ลีดเดอร์หรือเปล่า”
อับดุลเฮดได้ยินแล้วหัวเราะรวน
“ปู่ครับดูซาร่าก่อนสิ เคยเห็นเชียร์ลีดเดอร์แบบนี้เหรอ”
เก้าอี้กลมทรงโดนัทเด้งดึ้งไปมา หลังทั้งสามคนหัวเราะเรื่องแซวซาร่า ยิ่งทำให้เก้าอี้เด้งไปเด้งมา มีเพียงซาร่าคนเดียวที่เงียบมองทั้งสามไปมาด้วยหมอกสีแดง
“เฮ…ซาร่าเธอต้องหัวเราะด้วยสิ ไม่อย่างนั้นมันจะเสียสมดุล” อับดุลเฮดแซวซาร่า
“สมดุลเหรอ ม่ายยยยล่ะ ฉันไม่คิดแบบนั้น”
ซาร่าพยายามทรงตัวไม่ให้ตกจากเก้าอี้ แต่ทั้งสามสนุกกันใหญ่เพราะถ้ามีใครคนหนึ่งไม่หัวเราะจะทำให้การเด้งดึ้งของเก้าอี้เป็นระลอกคลื่นไม่สม่ำเสมอ แทนที่จะปลอบใจซาร่าให้หมอกจางหาย ทั้งสามกลับรู้สึกสนุก
มิสซูพูดโผงขึ้นมา
“ซาร่า เธอคิดว่าภาพของกลุ่มเชียร์จะขายได้ไหม”
เก้าอี้เริ่มสงบจากการหยุดหัวเราะของสหายทั้งสาม ลูกโป่งเก้าอี้บัดนี้กลับมาพองโป่งเป็นรูปแบบเดิม
“นั้นสิ” ซ่าราคิดในใจ
แขกสาวคิดว่าได้เวลากลับกันแล้ว เนื่องจากเป็นเวลาบ่ายและไม่ควรกลับจนเลยเวลา เพราะในป่าเป็นที่ไม่ปลอดภัยสำหรับหญิงทั้งสอง ทั้งคู่กล่าวลาและขอบคุณเจ้าบ้านกับการต้อนรับอันแสนน่ารัก
7.5 ตอนที่ 5 เรื่อง Meeting point นิยายดีที่อยากแนะนำ
หลานปู่เดินออกมาพร้อมถือน้ำชาและขนม ผู้เฒ่าเชิญคนทั้งสองให้เยือนบ้านตน ผู้อาวุโสเปิดประตูรั่วไม้ ไซแนปเห็นได้จังหวะ รีบวิ่งเข้ารั่วทันที ผู้เฒ่ายังคงสะอื้นในลำคอ
“อย่าเสียใจนะคะ พวกหนูเชื่อมั่นพลังของหนุ่มสาวจะผลักดันให้หมู่บ้านเราก้าวไปข้างหน้าค่ะ”
ผู้เฒ่าได้ยินคำว่าซาร่าพูดหนุ่มสาว หยุดครางเสียงทันที แกกล่าวด้วยน้ำเสียงดุหมอกแดงฉายออกมารอบตัว โดยมีจุดดำเล็กบางจุดในหมอกนั้น
“คนแก่อย่างฉันไม่จำเป็นให้พวกเธอมาปลอบ ระดับฉันไม่หวั่นไหวกับเรื่องแค่นี้ พวกเธอต่างหากเตรียมตกงาน โฮ่ โฮ่ โฮ่” [เสียงหัวเราะ]
เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ ซาร่ารู้สึกอารมณ์ผู้เฒ่าแปรปรวนบ่อยเหลือเกิน สงสัยแกเป็นคนแก่ที่อารมณ์ขึ้นลงเร็วหรือเป็นโรคไบโพล่า
“จะยืนให้แดดมันส่องเล่นหรือครับปู่ เชิญพวกเขาเข้ามาได้แล้ว” เสียงเด็กหนุ่มตะโกนด้วยเสียงอย่างรู้สึกรำคาญ ตนกลัวน้ำชาจะเย็นจนหมดอร่อย
ผู้เฒ่าเห็นอัลดุลเฮดตะโกน นึกขึ้นได้ มั่วแต่ยืนคุยควรเชิญทั้งคู่เข้าบ้านดีกว่า
ผู้เฒ่ายืนหน้าไปทางสองสาวเอามือขวาป้องปาก พูดแนบหูซาร่าเหมือนกลัวใครสักคนได้ยิน “อย่าบอกเจ้าอัลดุลเฮดนะ ความจริงฉันจะไล่มันออก มันเป็นตัวเกะกะ ญาติส่งมันมาดูแล คงเห็นฉันเป็นคนแก่ แต่เจ้านี้เป็นตัวเกะกะ ปู่อย่างฉันรู้สึกอึดอัดเวลาเจ้านี้อยู่ในบ้าน”
“จะยืนอีกนานไหมปู่”
“มาแล้ว” [กริ๊ง กริ๊ง] ’ เสียงกระดิ่ง’ ผู้เฒ่ากระทุ้งไม้เท้าอีกครั้ง
“ปู่เลิกยั่วซิสแนปเปอร์ได้ไหม มันนึกว่าเป็นเวลาอาหาร” ตอนนี้รอบตัวอัมดุลเฮดเต็มไปด้วยสีแดง
“เห็นไหมเจ้านี้มันโกรธง่าย” ผู้เฒ่ากระซิบบอกมิสซู พร้อมแบมือออกโค้งอย่างสุภาพให้แขกหน้าใหม่
ทั้งคู่ย่อตัวลงขอบคุณ เดินเข้าไปข้างในตามด้วยผู้เฒ่าเดินตาม
“เพื่อนของเธอชื่ออะไรนะ ฉันเสียมารยาทเอาแต่คุยจนลืม”
“มิสซูค่ะ ท่านผู้เฒ่าอัลดุลล่า” เธอตอบชื่อเจ้าของฟาร์มได้อย่างคล่องแคลว เพราะท่านเป็นบุคคลที่อยู่มานาน ปู่เป็นคนเดียวที่เลี้ยงซิสแนปเปอร์ในหมู่บ้านนี้ คนในเมืองรู้จักท่านแทบทุกคน
ทั้งสามเดินเข้าบ้าน เมื่อพบกับอัลดุลเฮด “สวัสดีทุกคน ซาร่าเชิญครับ” หลานผู้เฒ่ากล่าวทั้งทาย
“คนนี้มิสซูเพื่อนฉันเอง เธออยู่ชมรมเดียวกัน”
ฉับพลันที่หนุ่มน้อยได้พบหน้าเพื่อนใหม่ ชายดังกล่าวพบความงามในแบบเธอ ความมั่นใจจากกริยาท่าทาง ผิวเข้มตัดในตาสีขาวอย่างเด่นชัด ในขณะที่ซาร่ากลับมีผิวขาวผมซอยสั้น ไม่ใช่แบบผมยาวทั่วไป
ส่วนมิสซูนอกจากเธอจะมีผิวคล่ำแดงแล้ว ผมดำราวกับหงส์แดงผิดกับซาร่าที่มีผิวขาวเหมือนหงส์ขาวว
“รู้ไหม พวกเธอเดินมาพร้อมกัน มองดูเหมือนนกหงส์แดงและหงส์ขาวกำลังร่ายรำ”
“นกหงส์แดงไม่มีนะ” ซาร่าแก้คำให้อัลดุลเฮด
มิสซูที่มองเพื่อนอย่างผิดหวัง “เธออย่าทำลายจินตนาการสิ” มิสซูพูดติดตลกพร้อมยักไหล่ให้กับเด็กหนุ่ม
“นกหงส์แดงไม่มีจริงนะ จินตนาการต้องอยู่บนพื้นฐานความจริงด้วย” ซาร่ากล่าวเชิงตำหนิ
“ถ้าเป็นหงษ์ดำ หงษ์ดำมีไหม” เจ้าบ้านถาม
“มี” ซาร่าตอบ
“ถ้างั้น...ฉันเอาหงษ์ดำก็ได้ พวกเธอเป็นดังหงษ์ดำหงษ์ขาวที่กำลังว่ายวนในสระน้ำขนาดใหญ่ ภายใต้ดวงอาทิตย์อัสดง แสงส่องทอดยาวผ่านคลื่นแก้ว กระทบเข้าหงษ์ทั้งสอง ช่างงดงานเสียนี่กระไร” หมอกเขียวปะปนด้วยชมพูชายหนุ่มทอดสายตาให้กับเพื่อนซาร่า
“ฉันขอบใจนะ แต่ฉันไม่ได้ชอบเธอ” มิสซูกล่าวตอบรับคำอย่างตรงไปตรงมา ตัวของเธอปล่อยแสงสีเทาออกมา กำลังบอกถึงความรู้สึกกำลังรู้สึกอึดอัดต่ออีกฝ่าย
“ว้า…..เธออาจจะเปลี่ยนใจสักวัน”
มิสซูรู้สึกชื่นใจขึ้นมาหน่อย เปล่งแสงสีเขียวอ่อน รู้สึกดีที่ชายหนุ่มไม่ตื้อ แม้นว่ารูปร่างชายหนุ่มดูสูงกำยำ ตามแบบฉบับเด็กอยู่ท้องทุ่งนา แต่เธอไม่ชอบการแต่งตัวที่ดูซอมซ่อ รองเท้าบูทเปื่อนโคลน เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยละอองฝุ่น เธอมั่นใจไม่มีวันเปลี่ยนใจ
ผู้เยี่ยมเยือนเข้าบ้านสังเกตุบ้านของผู้เฒ่าดูไม่เหมือนบ้านตามท้องนาลักษณะบ้านค่อนข้างใหญ่เป็นทรงกลมคล้ายฟองสบู่ที่ซ้อนทับไปมา
มิสซูรู้สึกตะลึงในความสวยของบ้านหลังนี้ แต่ไม่แปลกใจเท่าไร เพราะฟาร์มนี้เป็นศูนย์กลางซิสแนปเปอร์ มันมีความหมายต่อชีวิตของพวกเราทุกคน
“555555555” [เสียงหัวเราะทั้งสี่คน]
ทั้งสี่คนคุยกันอย่างออกรสในเก้าอี้ทรงกลมคล้ายลูกโป่งสีน้ำตาลยักษ์ เวลาหัวเราะทำให้ตัวขยับเอนไปมาตามแรงหัวเราะของคนทั้งสี่
“ฉันคุยกับเธอทีไรสนุกทุกที” ผู้เฒ่ากล่าวชมซาร่า
“นั้นสิ เห็นเธอชอบพูดอะไรดูจริงจัง แต่เธอเป็นคนคุยสนุก” อัลดุลเฮดเห็นด้วยกับปู่
“พรุ่งนี้มาอีกสิ” ผู้เฒ่ากล่าว
“พรุ่งนี้พวกเรามีเรียนค่ะ” ซาร่าปฏิเสธผู้เฒ่า
“ไม่ใช่ ๆ ฉันหมายถึงเธอสองคนกับเจ้านี้” เจ้าของบ้านชี้ไปทางหลานตน
“เอาเจ้านี้ออกไปสักคนก็ดี บ้านจะได้ดูโล่งหน่อย พรุ่งนี้ไอ้หลานชายเข้าเรียนวิทยาลัยเหมือนกัน โฮ่ โฮ่ โฮ่”
“ปูไล่ผมแบบนี้ก็แย่นะครับ ผมอุตส่าห์ตื่นตีสี่ช่วยงานทุกวัน”
“แกทำให้ฉันรู้สึกเบื่อ เหมือนไม่มีอะไรทำ”
“ท่านผู้เฒ่าอย่าว่าหลานตัวเองแบบนั้นสิค่ะ” มิสซูช่วยแก้ต่าง
ผู้เฒ่ารู้สึกตัวเองโดนรุม จึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“พวกเธอคิดว่าไง ภาพของชมรมเชียร์จะขายได้ไหม”
“ไม่ได้หรอก” มิสซูรู้สึกเกลียดพวกนั้น
“หนูไม่ชอบกลุ่มนั้น แต่อยากให้ภาพขายได้ พวกเราจะได้ปลอดภัย” แม่หญิงอวบมีความคิดเห็นแตกต่างจากเพื่อน
“ปลอดภัย” ผู้เฒ่าร้องเสียงหลง อารมณ์เปลี่ยนกะทันหัน ตอนนี้ร้องไห้ออกมา “ฮือ ฮือ พวกเราตายแน่นอน”
ผู้เฒ่าเอาแต่พร่ำเพ้อแต่เรื่องเดิม จนแขกทั้งสองคอยปลอบ ผู้เฒ่าจึงหยุดร้อง
“พวกเธออยู่ชมรมเชียร์ลีดเดอร์หรือเปล่า”
อับดุลเฮดได้ยินแล้วหัวเราะรวน
“ปู่ครับดูซาร่าก่อนสิ เคยเห็นเชียร์ลีดเดอร์แบบนี้เหรอ”
เก้าอี้กลมทรงโดนัทเด้งดึ้งไปมา หลังทั้งสามคนหัวเราะเรื่องแซวซาร่า ยิ่งทำให้เก้าอี้เด้งไปเด้งมา มีเพียงซาร่าคนเดียวที่เงียบมองทั้งสามไปมาด้วยหมอกสีแดง
“เฮ…ซาร่าเธอต้องหัวเราะด้วยสิ ไม่อย่างนั้นมันจะเสียสมดุล” อับดุลเฮดแซวซาร่า
“สมดุลเหรอ ม่ายยยยล่ะ ฉันไม่คิดแบบนั้น”
ซาร่าพยายามทรงตัวไม่ให้ตกจากเก้าอี้ แต่ทั้งสามสนุกกันใหญ่เพราะถ้ามีใครคนหนึ่งไม่หัวเราะจะทำให้การเด้งดึ้งของเก้าอี้เป็นระลอกคลื่นไม่สม่ำเสมอ แทนที่จะปลอบใจซาร่าให้หมอกจางหาย ทั้งสามกลับรู้สึกสนุก
มิสซูพูดโผงขึ้นมา
“ซาร่า เธอคิดว่าภาพของกลุ่มเชียร์จะขายได้ไหม”
เก้าอี้เริ่มสงบจากการหยุดหัวเราะของสหายทั้งสาม ลูกโป่งเก้าอี้บัดนี้กลับมาพองโป่งเป็นรูปแบบเดิม
“นั้นสิ” ซ่าราคิดในใจ
แขกสาวคิดว่าได้เวลากลับกันแล้ว เนื่องจากเป็นเวลาบ่ายและไม่ควรกลับจนเลยเวลา เพราะในป่าเป็นที่ไม่ปลอดภัยสำหรับหญิงทั้งสอง ทั้งคู่กล่าวลาและขอบคุณเจ้าบ้านกับการต้อนรับอันแสนน่ารัก