== กั๊กกะกาวน์ (2004) เราทุกคน..ล้วนมีความเหงาในจิตใจ ==



ป่าน (พัชรา บูรณะวิมลวรรณ) นศ.แพทย์ ชั้นปี 4 แต่ละวันของเธอคือการไปเรียน 
ซึ่งนอกจากอ่านหนังสือแล้ว ป่านก็ไม่มีอะไรให้ทำอีก แม้ว่าเธอจะมีเพื่อนที่ดีแต่วันคืนที่ผ่านไป 
ป่านก็รู้สึกว่าชีวิตของตัวเธอเองนั้นช่างว่างเปล่าเหลือเกิน...



นิค (ศรุต ชัชวาล) ช่างภาพอิสระที่กำลังมีงานแสดงภาพถ่ายของตัวเอง 
ชายหนุ่มกำลังสับสนกับความสัมพันธ์ของตัวเองกับแฟนสาว เขายังไม่อยากจะถูกผูกมัด 
การถ่ายรูปเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกว่าได้อยู่กับตัวเองและเป็นอิสระ 



คนทั้งคู่ที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด ไม่น่ามีอะไรที่จะมาพบเจอกันได้..



แม้ว่าที่ผ่านมาคนทั้งสองจะพบกันแบบบังเอิญมาเสมอ ทั้งจากการที่อยู่ห้องพักตรงกันข้ามกัน 
มาซักผ้าก็เจอกันเสมอเพียงแค่ไม่ได้สังเกต รวมถึงในร้านสะดวกซื้อ 
ทุกอย่างเป็นไปแบบคนที่ผ่านมา...ไม่ได้มีสิ่งใดให้น่าจดจำ 



แต่แล้วด้วยบางอย่าง นิคและป่านต้องมาทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นงานของป้าป่านที่ต้องการคนมาถ่ายรูปสวนที่เธอดูแลเพื่อทำการโปรโมต 
นิคเป็นช่างภาพคนนั้นและป่านต้องมาประสานงานแทนป้าของเธอที่ไปผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา... 
และจากจุดเริ่มต้นนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเริ่มก่อตัวภายในใจ...อย่างเงียบๆ



กั๊กกะกาวน์ หรือในอีกชื่อว่า My Space เป็นผลงานการกำกับของวิทิต คำสระแก้ว, ฤทธิชัย สิริประสิทธิ์พงศ์ 
มี นิหน่า - สุฐิตา เรืองรองหิรัญญา ในฐานะนักร้องดังเวลานั้นรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ 
จากจุดเริ่มต้นของหนังสั้นของนักศึกษาชั้นปี 4 คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
จนไปเข้าตาปรัชญา ปิ่นแก้ว ที่ช่วยมาเป็นที่ปรึกษา สนับสนุนงานด้านโปรดัคชั่น 
และกลายเป็นหนังใหญ่ที่เข้าฉายในเครือสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ท่ามกลางกระแสหนังที่พูดถึงกันอย่างมากทั้งแบบปากต่อปาก 
และเว็บบอร์ดต่างๆ ณ เวลานั้น (แน่นอนว่า pantip กระทู้เยอะมาก)....



นอกจากพระนางแล้วยังมีคู่ของ แบงค์ (วรดร สัตยกมลฉัตร) และนุช (ฐิตาพันธ์ หาญฤทธิ์รงค์) สองคนนี้เป็นเพื่อนของป่าน 
ซึ่งพาร์ทของคนคู่นี้ไม่เป็นรองคู่เอกเลยครับ (รู้สึกว่ามันเหมือนผมกำลังรีวิวคู่มวยไทยยังไงพิกล) 
คือแบงค์เนี่ยเป็นผู้ชายจับจดไม่ค่อยเอาอ่าว ส่วนนุชนั้นเป็นสาวน้อยตัวเล็กที่คอยจ้ำจี้จ้ำไชแบงค์ในทุกเรื่องเสมอๆ 
คู่นี้น่ารักดีครับโผล่มาทีไรเรียกรอยยิ้มได้ทุกที ซึ่งเส้นเรื่องของคู่นี้สามารถขยายทำเป็นหนังได้อีกเรื่องแบบสบายๆเลยทีเดียว 



แม้ว่าดารานำทั้ง 4 คนที่ผมเอ่ยถึงจะไม่มีผลงานในวงการบันเทิงอีกแล้วก็ตาม
แต่กับคนนี้ นักแสดงที่สร้างสีสันได้มากที่สุด หนีไม่พ้นเผือกครับ ใช่แล้ว เผือกที่เรารู้จักกันดี พงศธร จงวิลาส ดาราขาประจำของ GDH  
นี่คือผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาด้วยความที่ศึกษาอยู่ในคณะวารสารฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้เขาเป็นส่วนนึงในโปรเจ็คต์นี้  
ซึ่งคุณเผือกฉายแสงในความกวนและยียวนอย่างยิ่ง ก่อนที่จะมาดังเปรี้ยงในอีก 4 ปีต่อมากับเรื่อง 4 แพร่ง..
รวมถึงสมชาย ศักดิกุล ก็มาแจมในหนังเรื่องนี้เช่นกันในบทของอาจารย์พิเศษสุดกวน
ซึ่งถึงแม้จะบทไม่เยอะ แต่ก็เอาคนดูอยู่หมัดตามสไตล์แก



นี่คือหนังที่ใช้ความเหงาเป็นตัวเดินเรื่อง เหงาแบบมีความหว่อง (หมายถึงหว่องกาไว โลกนี้มิมีเทียบเทียม) 
แต่เป็นความหว่องในภาคกลางวันครับ 55 บวกกับความสดใสของตัวป่านนางเอกของเรื่องในระดับที่ผมดูไปใจละลายไป 
โอยยยย แม่คุณเอ๊ย... วัวตายควายล้ม...จะน่ารักไปถึงไหนเนี่ยยย (ถูกใจคนในสมาคม สสวท.ยิ่งนัก) 
ซึ่งดูแล้วผมให้ความรู้สึกคล้ายกับหนังของชุนจิ อิวาอิ .. และยังรวมไปถึงความความเป็นมังงะในแบบอาจารย์มิตสึรุ อาดาจิ 
 ..คือที่ว่ามาเนี่ย ทุกอย่างเอามาผสมผสานจนกลายเป็นความเหงาในรูปแบบนักศึกษาแพทย์กับหนุ่มช่างภาพที่ดูแล้วละมุนตายิ่ง...



การลำดับภาพตัดต่อทำออกมาได้ดีครับ ชอบเวลากล้องที่ชอบตัดไปมาระหว่างพระเอกและนางเอกซึ่งแต่ละคนพูดกับคนอื่นอยู่
แต่กล้องตัดมาแล้วทำเหมือนว่าทั้งคู่กำลังคุยกันเอง แม้ว่าจุดอ่อนของหนังคือเรื่องของความคมชัดที่แม้จะด้อยไปมาก(จริงๆ) ก็ตามที
แต่ด้วยบรรยากาศของหนังที่ดูอบอุ่นก็พอทำให้ทุกอย่างยังพอไหลลื่นไปได้



โดยรวมกั๊กกะกาวน์ เป็นเหมือนภาพยนตร์แนวทดลองอีกเรื่องที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับความรักในหัวใจของเราๆทั้งหลาย 
ที่ดำรงชีวิตกันอยู่ด้วยความเหงา ซึ่งจริงๆเนื้อหาอาจจะเหมาะกับคนในยุคนี้ที่ใช้โซเชี่ยลนำทางกัน 
(ในยุคนั้นมันยังไม่มี มีแต่เว็บบอร์ด pantip ตอนนั้นกำลังฮิตเลยล่ะ) 
ถือเป็นหนังรักที่ดูแล้วสบายๆ ปล่อยใจให้ล่องลอยไปเรื่อยกับเพลงประกอบอย่าง จะเก็บเธออยู่ในใจเสมอ
ของพี่บอยด์ โกสิยพงษ์ที่ได้ เค้ก B5 มาร่วมร้องให้ (เค้กก็เรียนวารสารฯ มธ.เช่นกัน)
ทั้งหมดทำให้กั๊กกะกาวน์ กลมกล่อม แม้ว่าด้วยงานโปรดัคชั่นที่อาจจะดูไปไม่สุดด้วยข้อจำกัดบางอย่าง
แต่เมื่อดูจบความรู้สึกอินและดีต่อใจกับหนังเรื่องนี้มันยังล่องลอยอยู่ในห้วงคำนึง..
กว่าที่ตัวผมจะเปิดใจให้กับหนังเรื่องอื่นได้ต้องใช้เวลามากพอสมควร..



ถ้าถามว่าเพราะอะไร.. ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน.. 
เพราะความที่เราชอบอะไรนั้น ..บางครั้งมันก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล.... จริงมั้ยครับ

แด่ความทรงจำครบรอบ 19 ปี My Space...

=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร 
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่