[CR] Fall in Korea NOV 2023 เที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง

6 DAYS 1st time in KOREA 
เพราะฉะนั้นที่เที่ยวอาจจะจำเจเบสิคหน่อย
SEOUL เมืองที่รายล้อมด้วยหุบเขา
FALLING LEAVE รอยต่อของสีสันและภาพแห้งแล้ง
เดินเที่ยว NaeJangSan National Park 
แสงสีเสียงสุดอลังการยามค่ำที่ SUWON
INCHEON วันที่อากาศไม่เป็นใจ
เปลี่ยนผ่านสู่เลขหลักเดียว
 
             ทริปเริ่มช่วงต้นเดือนพฤศจิยายน ออกเดินทางด้วยสภาพฝืดฝืน เนื่องจาก เพิ่งล้มหมอนนอนเสื่อจากการเป็นไข้ปวดศีรษะที่กินพาราทุก 4 ชั่วโมงแล้วไม่ดีขึ้นเป็นความรู้สึกที่ทรมานมาก เพราะจะหลับก็หลับไม่ลง  เกือบแล้วที่คิดว่า หรือเราต้องทิ้งทริปนี้ไป .....  แต่หลังจากได้ยาลดอักเสบ + นอนไป 1คืน ไข้ก็ลด แต่ยังคงเจ็บคอน้ำมูกไหลและมึนๆ อยู่  และตัดสินใจว่า เราไปได้!!! 

             บินไปกับสายการบินจินแอร์ LOW cost ของเกาหลี ไม่ให้เช็คอินล่วงหน้า เช็คหน้าเค้าเตอร์ก็ได้ที่นั่งริมทางเดิน หลับๆ ตื่นแบบทรมานเพราะเจ็บคอมาก น้ำมูกพอคุมได้หลังกินยาแก้แพ้
LANDING INCHEON ใช้เวลานานตรงรับกระเป๋า อาจจะเพราะเที่ยวบินนี้คนเกาหลีซะส่วนใหญ่ เดินลงไปชั้นล่างสุด จะพบทางเข้าของรถไฟสายสนามบิน AREX ที่จะพาเข้าไปยังเมืองหลวง ซึ่งทางเข้าของ ALL STOP กับ NON STOP แยกกัน ตู้ซื้อตั๋วบัสอยู่ใกล้ๆ กัน

เราเลือกเดินทางโดย ALL STOP ทีแรกพยายามเติมเงินบัตร T-money เพื่อจะใช้จ่าย แต่เติมตู้ตั๋วไม่ได้เลยต้องซื้อเงินสด บัตรจะออกมา มีค่ามัดจำซึ่งตอนเราเดินทางเสร็จถ้าไม่ใช้แล้วกดคืนที่ตู้เพื่อรับมัดจำคืนได้ 
-เดินทางไปยังที่พักเพื่อฝากกระเป๋าก่อน ที่สถานี Jonggak ความนรกอยู่ที่การลงจาก all stop train ที่ seoul station แล้วเปลี่ยนไปนั่ง line 1 ในช่วงเวลา 8-9 โมงเช้าเช่นนี้ เพราะว่ารถมันคนแน่นมากๆ เป็นทุนเดิม และเราก็มีกระเป๋าใบใหญ่มากพะรุงพะรัง เรียกว่าต้องเบียดเสียดยัดตัวเองเข้าไปให้ได้

อย่างที่สองที่อยากแนะนำสำหรับผู้มีสัมภาระขนาดใหญ่ ควรเดินทางด้วยบัสจะสะดวกกว่า เนื่องจาก subway -metro ของโซลนั้นส่วนมากเป็นบันได สมมติมีซัก 8-10 ทางออก จะมีลิฟต์อาจจะเพียง 1 ทางออก บันไดเลื่อนมีเฉพาะสถานีใหญ่ๆ  หนำซ้ำจะมีบันไดย่อย ให้แบกกระเป๋าขึ้นอยู๋ดี ภาพคนหิ้วกระเป๋าเดินทางยกขึ้นลงบันได พร้อมเสียงฮึบฮ่าานั้น พบได้ทั่วไป ...

แต่ก็มีเรื่องราวที่ประหลาดใจเกิดขึ้นกับเรา คือเรายกลงกระเป๋าลงบันไดอยู่นั้น มีคุณป้าท่านหนึ่ง ยื่นมือมาที่หูกระเป๋าของเรา และช่วยออกแรงในการยกลง !!!! เราบอกเขาว่าไม่เป็นไร (ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ค่อยหนักมาก แค่ใบใหญ่) แต่คุณป้ายังยืนยันจะช่วย และยกลงจนถึงพื้น โห first impressionมากก 

หลังฝากกระเป๋าเสร็จ ก็เริ่มเลยย 
 
DAY 1 Changdeokgung - HUWON, Gyeongbokgung - Gwanghwamun Gate, Namsan Seoul tower ,Namdaemun street food

จากสถานี Jonggak ที่พักดูแผนที่แล้วพบว่า เดินไปพระราชวังชางด็อกได้ไม่ไกลมาก เดินไปก็มองหาอะไรกินไป และแวะ CU mart ซื้อนมกล้วยมากินเติมพลังก่อน 
หวานเจี๊ยบบ 
ticket counter อยู่ด้านข้าง มีคนเข้าคิวยาวเฟื้อย แต่มีตู้ตั๋วอัตโนมัติ 3 ตู้ที่คิวไม่ยาวสามารถซื้อตั๋วเข้าวังได้ แต่ตั๋วของสวนลับถ้าจองออนไลน์มาแล้วมาออกตั๋วที่ตู้ได้  สาเหตุที่มาวังนี้ก่อนเนื่องจากจองตั๋วเข้าสวนลับฮูวอนมาในเช้าวันนี้นั่นเอง เว็บจองเปิดล่วงหน้า 6 วัน 

หลังได้ตั๋วก็ยื่นที่ทางเข้าแล้วเริ่มเดินชมวัง ณ ทางเข้ามีแผ่นพับแผนที่และป้าย qr สำหรับ eng audio guidetour ให้ถ้าสนใจ หากเดินชมด้วยตัวเองให้สังเกตป้ายสีเหลี่ยมๆ จะมีรายละเอียดของสถานที่และหมายเลขให้อ่าน

พระราชวังชางด็อก พระราชวังแห่งที่สร้างขึ้นเป็นแห่งที่สอง คนสร้างคือพระเจ้าแทจง (อีบังวอน)นั่นเอง 
ห้าพระราชวังเกาหลีส่วนมากถูกไฟไหม้ตำหนักออริจินัลไปหมด แล้วบูรณะใหม่ พระราชวังนี้สร้างอยู่ตีนเขา ข้อมูลบอกว่ามีพื้นที่ 300 กว่าไร่ แต่ 2 ใน 3 เป็นุพื้นที่สวนลับ นอกจากนั้น ส่วนที่ถูกบูรณะมาเพียง 30% 
Main hall (Injeongjeon) ที่ออกว่าราชการของพระราชา
ภายในโถงไม่ใหญ่มาก น่าจะเพราะให้ขุนนางยืนที่ลานหินข้างหน้าล่ะมั้ง
 Daejoeon ตำหนักราชินี ของเดิมถูกไฟไหม้ สร้างใหม่ด้วยวัสดุจากตำหนักของวังคยองบก
เรือนล้อมตำหนัก มีห้องเล็กๆ พื้นยกมีช่องสำหรับทำความร้อน 
Nakseonjae ตำหนักส่วนพระองค์สร้างสมัยพระเจ้าฮอนจง มีห้องสมุด ตำหนักพระสนมและพระพันปี

ก่อนรอบเวลาเข้าชมสวนลับ 10-15 นาที สามารถไปรอที่ปากทางเข้าสวนเลย ถ้าเลยเวลาแล้วก็จะไม่ได้เข้า ข้างกันมีทางเข้าพระราชวัง Changgyeonggung ด้วย ซึ่งเราไม่ได้เข้าชม
จากการยืนดูคิดว่า ป้ายบอกจำนวนตั๋วว่างในรอบชมสวนต่างๆ และใครที่ไม่ได้ซื้อล่วงหน้าสามารถมาซื้อจุดนี้ก็ได้ 
ไม่ต้องรอคิวหน้าวังที่ยาวมาก
เดินตามไกด์เช้าสู่สวน แต่สามารถเดินชมเองก็ได้ไม่ต้องรอไกด์ 
บ่อน้ำ-ศาลาหน้าหอตำรา Juhamnu Pavilion
ตำหนักเล่าเรียนขององค์ชาย
พื้นห้องนี้มีกระดาษปูต่างจากห้องที่เป็นพื้นไม้ เพราะอะไร ไปแล้วลองอ่านป้ายดู
Locationถ่ายทำ  the red sleeve ที่โบกอมเป็นพระเอก

พระเอกยืนมองนางเอกจากบนศาลา
  ในสวนที่ใครว่าใหญ่มาก หรือกลัวว่าเดินไม่มีไกด์แล้วจะหลง จะบอกว่าไม่เป็นไรเลย เพราะทางการเขากั้นประตู  กั้นทางไว้หมดแล้ว เดินตามทางท่องเที่ยวไป ถ้าไม่แวะนานอาจจะไม่เกิน 1 ชั่วโมง  เราไปกับกลุ่มทัวร์คนที่ไปกับไกด์รอบภาษาอังกฤษ บอกเลยว่าพูดเร็วมาก และมียิงมุกด้วย แต่เราจับความได้ 10-20 % เท่านั้น  

เอาจริงๆ เคยคิดภาพว่ามาวังแล้วเราน่าจะอินน่าจะได้บรรยากาศอะไรบ้าง แต่เรื่องจริงคือ ไม่ เพราะรูปแบบการนำเสนอของเขาคือ โชว์ตำหนัก แต่ไม่โชว์อะไรข้างใน ประตูส่วนมากปิดหมด ห้องยิบย่อยจะไม่มีป้าย 

ทางเดินในวังเป็นพื้นทราย บ้างมีปูด้วยพรมหญ้าถักสานดูแล้วสุดจะแห้งแล้ง ต้นพฤศจิกายนแบบนี้ คิดว่าจะหนาว แต่ก็ไม่เลยสักนิด แม้อุณหภูมิจะอยู่ที่ 23-24 องศาเซลเซียส แต่แดดเปรี้ยงจนร้อนศีรษะ

ต่อไป ได้เวลาไปยังคยองบกกุง สามารถเดินผ่านไปทางหมู่บ้านบุกชอนแบบไม่ขึ้นเขา เราเดินไปอีกเช่นเคย ด้วยความเจ็บคอทุกครั้งที่กลืนน้ำลายทำให้ ไม่อยากอาหารแห้งๆ เผ็ดๆ ร้อนๆ หรือทอดๆ 
เลือกยากเลยกินคิมบับเซเว่น มันจืดจริงหรือเราไม่สบาย?
ทะลุหน้าสวนโรงเรียน
 Gwanghwamun Gate

เราได้ไปเช่าชุดฮันบกมาใส่เพื่อเข้าฟรีจากข้างวังฝั่งขวา ซึ่งมีร้านรวมกันอยู่
ทางเข้าก็จะแบ่งเป็นฝั่งคนซื้อตั๋วกับคนใส่ฮันบกที่เข้าฟรีๆ  จริงๆ  ถ้าเช่าทั้งวัน ก็ไปเที่ยวได้ทัง 5 วังฟรีเลย 
วังตั้งหน้าเขา เก่าแก่ที่สุดใหญ่ที่สุดและถูกญี่ปุ่นทำลาย และบูรณะขึ้นมาใหม่
Geunjeongjeon Hall ท้องพระโรง
ชื่อสินค้า:   Korea Autumn 2023
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่