พระสงฆ์ เปลี่ยน แพมเพิดให้แม่ ป่วยติดเตียงผิดพระวินัยไหม

กระทู้คำถาม
พระยอดกตัญญู วัย 22 ขออนุญาตเจ้าอาวาส-เจ้าคณะอำเภอ พาแม่ป่วยติดเตียงมาดูแลที่กุฎิ ต้องคอยให้อาหารทางสายยาง เปลี่ยนแพมเพิร์ส ที่วัดสุทธาวาส จ.ชลบุรี
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ภายในวัดสุทธาวาส ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับทราบ

เรื่องราวของพระมหากิตติพงษ์ วิสารโท อายุ 22 ปี พระลูกวัดสุทธาวาส
 ที่กตัญญูดูแลโยม แม่นางวันเพ็ญ เกตุชัย อายุ 62 ปี ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ภายในกุฎิ 
ไม่รับรู้และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มากว่า 2 ปี

พระมหากิตติพงษ์ วิสารโท เล่าว่า ก่อนหน้านี้จำพรรษาอยู่อำเภอเมืองชลบุรี ก่อนมาจำพรรษาที่วัดสุทธาวาส 
บวชมาแล้ว 3 พรรษา บวชตั้งแต่สมเณร และบุตรคนเดียว โยมพ่อเสียชีวิตก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่ง
โยมแม่ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรก คือภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง 
เลยต้องรับโยมแม่มาอยู่ด้วยเนื่องจากไม่มีใครดูแล

โดยช่วงแรกเช่าห้องพักให้โยมแม่อยู่ใกล้ๆวัด เพื่อจะได้คอยดูแล 
หลังออกบิณฑบาตทุกวันก็แบ่งอาหารที่ได้มาให้โยมแม่รับประทาน

เพื่อประทังชีวิตไปวันๆ ระยะแรกพูดคุยได้ ตนพาโยมแม่นั่งวิลแชร์มาวัดพบญาติโยมที่มาปฎิบัติธรรมเป็นประจำเพื่อให้โยมแม่คลายเหงา

กระทั่ง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ขาไม่มีแรง ไม่มีกำลังไปเฉยๆ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตนเลยขอเจ้าอาวาสวัดสุทธาวาส พระมหาฐาวร ฐานวโร เจ้าคณะอำเภอบางละมุง ขอนำโยมแม่มาอยู่ที่วัด ท่านก็เมตตาให้มาพักในกุฎิชั้นล่าง เพื่อง่ายต่อการดูแล ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างห้องเช่า กับ วัด อีกทั้งเป็นการลดค่าใช้จ่าย ค่าเช่าบ้าน-ค่าน้ำ-ไฟ คงเหลือรายจ่ายสิ้นเปลือง เช่น ค่าแพมเพิร์ส ค่าอาหารเหลว สำหรับผู้ป่วยที่เป็นรายจ่ายประจำเท่านั้น

พระมหากิตติพงษ์ วิสารโท ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า 

แต่ละวันหลังเสร็จจากกิจสงฆ์หรือไม่ได้ออกไปสอนธรรมให้เด็กนักเรียน 

ก็จะแวะเวียนมาดูแลโยมแม่ทุก 2 ชั่วโมง 

คอยให้อาหารเหลว น้ำ ยา เช็ดตัว

และเปลี่ยนแพมเพิร์ส พลิกตัวทุก ๆ 2 ชั่วโมง 

ซึ่งเจ้าอาวาส รวมทั้งพระรูปอื่นๆ ท่านเข้าใจความเป็นลูก

พระมหากิตติพงษ์ วิสารโท 

ยังกล่าวทิ้งท้ายเกี่ยวกับการดูแลโยมแม่ 

เหมือนมีคนเคยสงสัยโยมแม่เป็นผู้หญิง 

ตนเองเป็นพระมันจะดีหรือ

ซึ่งตนเองคิดว่า แม่ก็เปรียบเสมือนพระอรหันต์ 

ตนเองเป็นพระธรรมดาจะดูแลพระอรหันต์ไม่ได้หรือ 

ซึ่งในปัจุบันได้รับการช่วยเหลือจากทางเจ้าอาวาสเดือนละ 4,000 บาท ซึ่งตนเองมีหน้าที่สอนพระพุทธศาสนาให้กับสามเณรรวมถึงพระรูปอื่นๆ และได้ค่าสอนจาก รร.อีกเดือนละ 2,000 บาท ส่วนกิจนิมนต์พอมีบ้าง แต่ค่าดูแลโยมแม่ตอนนี้ตกเดือนละ 7,000 บาท ซึ่งตอนนี้โยมแม่ต้องกินอาหารเสริมทางสายยาง และใช้แพมเพิร์สผู้ใหญ่ หากผู้มีจิตใจบุญจะนำอาหารเสริมหรือแพมเพิร์สสามารถนำมาให้ที่วัดได้  (-009) 

https://www.naewna.com/likesara/771522
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ภิกษุผู้เลี้ยงมารดา

ในสมัยพุทธกาล​ บุตรของครอบครัวมีอันจะกินผู้หนึ่งเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ออกบวชเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้า
บวชแล้วก็จากบ้านเกิดเมืองนอนไปปฏิบัติธรรมในป่าเป็นเวลา 5 ปี หารู้ไม่ว่าครอบครัวของตนเกิดวิกฤติ​ ทรัพย์สินร่อยหรอลงไป บิดาตายพี่น้องแยกย้ายกันไป เหลือแต่โยมมารดาคนเดียว ต้องอยู่อย่างแร้นแค้น

ภิกษุหนุ่มทราบภายหลัง มีความวิตกกังวลถึงแม่ ตนเองปลีกเอาตัวรอดคนเดียวนั้นไม่สมควรอย่างยิ่ง

ยิ่งคิดมาก การปฏิบัติธรรมก็ไม่ก้าวหน้า จึงตัดสินใจจะสึกเพื่อดูแลแม่ ก่อนไปหาแม่ได้เข้ากราบทูลลาพระพุทธเจ้า


พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า

การเลี้ยงดูบิดามารดานั้น เป็นพระภิกษุก็เลี้ยงได้ไม่จำเป็นต้องลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์

ภิกษุหนุ่มดีใจที่ไม่ต้องสึก เวลาไปบิณฑบาต ได้ข้าวปลาอาหารที่มีผู้ใส่บาตร ท่านก็เอาไปให้มารดาแล้วก็กลับวัด

วันไหนได้ข้าวมาก็ให้โยมแม่มาก และตนเอาแต่น้อย แต่วันไหนได้น้อย ก็ให้โยมแม่หมด ตนเองก็อดฉัน

ได้ผ้าที่เขาถวายมา ก็นำไปให้โยมแม่เย็บทำผ้านุ่งผ้าห่ม ส่วนตนเองก็ใช้จีวรเก่าขาด จนกระทั่งร่างกายซูบผอมไป

พระภิกษุทั้งหลายเห็นท่านซูบผอม ผิวพรรณไม่ผ่องใส จึงถามว่าเป็นอะไร ท่านก็เล่าให้ฟัง

แทนที่ท่านเหล่านั้นจะยินดีด้วยกลับติเตียนท่านต่างๆ นานา หาว่าทำลายศรัทธาของชาวบ้าน
ชาวบ้านเขาใส่บาตรให้พระฉัน กลับเอาไปให้แม่กินจึงพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลให้ทรงทราบ

พระพุทธเจ้ารับสั่งให้ภิกษุหนุ่มมาเฝ้า ตรัสถามว่า เธอบิณฑบาตเอาข้าวไปเลี้ยงมารดาหรือ
ภิกษุหนุ่มกราบทูลว่า พระเจ้าข้า

พระพุทธองค์ประทานสาธุการ 3 ครั้งว่า

"สาธุ สาธุ สาธุ"

แล้วตรัสให้ได้ยินโดยทั่วกันว่า
"ดีแล้ว ภิกษุเธอได้ดำเนินตามมรรคที่ถูกต้องแล้ว ภิกษุทั้งหลาย
การเลี้ยงมารดาบิดาเป็น "วงศ์" (ธรรมเนียมที่พึงปฏิบัติ)ของบัณฑิตทั้งหลาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่