Edinburgh หรือ เอดินบะระ หลายๆ คนอาจจะออกเสียงว่าอิเดนเบิร์ก แต่จริงๆ ถ้าจะออกเสียงแบบอังกฤษ หรือสก๊อตแลนด์ จะอ่านว่า เอดินบะระ (edɪnbrə) แต่ถ้าจะอ่านแบบอเมริกันก็จะออกเสียงว่าอิเดนเบอร์กค่ะ เพราะฉะนั้นหากเราจะไปเที่ยวเมืองเค้าก็ควรอ่านตามเสียงของคนท้องถิ่นนะคะ
"เอดินบะระ" เป็นเมืองหลวงของสก๊อตแลนด์ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ หากนั่งรถไฟจาก Heathrow London จะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง แต่ถ้าขับรถเองก็อาจจะใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมงค่ะ หลายๆคนจึงอาจเลือกใช้วิธีการพักระหว่างทางก่อนถึงขึ้นมาที่เอดินบะระ หรือเลือกจะนั่งเครื่องมาลงที่เอดินบะระ แล้วค่อยเที่ยวแบบขาลงจนไปถึง London ก็แล้วแต่จะวางแผนกันนะคะ
ส่วนเราเลือกขับรถยิงยาวจาก Heathrow London มุ่งตรงมา Edinburgh จาก google map บอกว่าใช้เวลา 6 ชั่วโมงกว่าๆ ค่ะ ระหว่างทางขอบอกเลยว่าบรรยากาศสวยมาก ยิ่งเข้าเขตสก๊อตแลนด์จะเห็นเทือกเขาสวยงามมากค่ะ
หากพูดถึงสถานที่สำคัญของเอดินบะระ คงจะหนีไปพ้น Edinburgh Castle หลังจากที่ได้ไปสอบถามคุณวิกิแล้วก็พบว่าปราสาทนี้เป็นปราสาทที่เก่าแก่มาก สร้างขึ้นบนภูเขาหิน ตั้งแต่สมัยของพระเจ้าเดวิดที่ 1(ศวรรษที่ 11) ซึ่งในช่วงแรกใช้เป็นพระราชวัง และมีการสืบทอดต่อๆ กันมา จนประมาณ ศตวรรษที่ 17 ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้ใช้เป็นป้อมปราการ ซึ่งน่าจะเหมาะสมมากเพราะตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอดเขาหินสูง ซึ่งทำให้เห็นทัศนียภาพของเมืองได้โดยรอบ หากศัตรูเข้ามารุกรานก็เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีในการปกป้องเมือง ที่นี่ต้องเสียค่าเข้านะคะ แล้วก็ควรจองมาล่วงหน้าเพราะคิวซื้อหน้างานยาวมาก แต่ข้อเสียของการจองมาก่อนคือต้องระบุวันและเวลาที่ชัดเจน หากใครแผนไม่แน่นอนก็อาจจะลำบากหน่อยนะคะ
ถัดจาก Edinburg Castle ให้เดินมาตรงถนน Royal Mile ซึ่งเป็นถนนเก่าแก่ที่สมัยก่อนเป็นเส้นทางหลักสำหรับการเดินทางของราชวงศ์ เพราะต้นทางมาจาก Edinburgh Castle สู่ปลายทางคือ Palace of Holyroodhouse หรือจะเรียกว่า Holyrood Palace or Holyroodhouse ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกที่หนึ่งคือเหมือนเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งควีนอลิซาเบธที่ 2 ก็มักจะมาประทับที่ Holyrood Palace แห่งนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะเข้าฤดูร้อน ทำให้ถนนเส้นนี้เป็นถนนสายสำคัญของเมืองเอดินบะระเลยก็ว่าได้
ระหว่างทางก็มีสถานที่สำคัญอื่นๆ อีก เช่น St. Giles Cathedral เป็นโบสถ์สไตล์โกธิคที่สวยงาม (คำว่า gothic มาจากคำว่า goth ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบยอดประตูหน้าต่างโค้งแหลม) แต่จะมีอีกคำคือคำว่ายุคโกธิค หรือแฟชั่นสไตล์โกธิคนั้น จะหมายถึง แนวลึกลึบ อะไรที่ดูมืดๆ ยุคมืด ด้านมืด เป็นต้น ซึ่งโบสถ์นี้สามารถเข้าชมได้ฟรีนะคะ
เดินต่อมายาวๆ ที่ Calton Hill ค่ะ เนินเขาที่สามารถมองเมืองเอดินบะระได้อย่างรอบทิศทางกันเลยละค่ะ ที่นี่วิวดีมากๆ นะคะ และยังมีอนุสรณ์สถานอีกหลายชิ้นเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็น National Monument of Scotland ที่รูปร่างจะเหมือนวิหารเพนธีออนของกรุงเอเธนส์ ปล. แต่ยังสร้างไม่เสร็จ (เขาเล่าว่าเพราะเงินหมด.....เขาคือใคร ไม่รู้???) แต่เราไปไม่ถึงนะคะ แอบเสียดายเหมือนกัน
หาของอร่อยๆ กินกันค่ะ ร้านที่แนะนำคือ Elephant ร้านกาแฟที่ JK.rolling มาใช้นั่งเขียนหนังสือนะคะ แต่เนาก็ไม่ได้ไปเช่นกัน 😅 ระหว่างทางของ Royal mile มีร้านค้ามากมาย ร้านขนม ร้านอาหารเยอะแยะ เลือกชิมได้เลยเพราะดูจากคนแล้ว เยอะทุกร้าน
ส่วนที่พักของเรา เราพักที่ Ibis budget Edinburgh park อยู่ห่างจากตัวเมืองมาหน่อย แต่ข้อดีคือ มีที่จอดรถ
เมือง Edinburgh เป็นเมืองที่สวยงามมากค่ะ มีมนต์เสน่ห์ที่มาแล้ว ก็อยากจะมาอีกค่ะ 😍😍😍
รูปภาพและบทความทั้งหมด By Psychiartist
พาเที่ยว Edinburgh
Edinburgh หรือ เอดินบะระ หลายๆ คนอาจจะออกเสียงว่าอิเดนเบิร์ก แต่จริงๆ ถ้าจะออกเสียงแบบอังกฤษ หรือสก๊อตแลนด์ จะอ่านว่า เอดินบะระ (edɪnbrə) แต่ถ้าจะอ่านแบบอเมริกันก็จะออกเสียงว่าอิเดนเบอร์กค่ะ เพราะฉะนั้นหากเราจะไปเที่ยวเมืองเค้าก็ควรอ่านตามเสียงของคนท้องถิ่นนะคะ
"เอดินบะระ" เป็นเมืองหลวงของสก๊อตแลนด์ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ หากนั่งรถไฟจาก Heathrow London จะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง แต่ถ้าขับรถเองก็อาจจะใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมงค่ะ หลายๆคนจึงอาจเลือกใช้วิธีการพักระหว่างทางก่อนถึงขึ้นมาที่เอดินบะระ หรือเลือกจะนั่งเครื่องมาลงที่เอดินบะระ แล้วค่อยเที่ยวแบบขาลงจนไปถึง London ก็แล้วแต่จะวางแผนกันนะคะ
ส่วนเราเลือกขับรถยิงยาวจาก Heathrow London มุ่งตรงมา Edinburgh จาก google map บอกว่าใช้เวลา 6 ชั่วโมงกว่าๆ ค่ะ ระหว่างทางขอบอกเลยว่าบรรยากาศสวยมาก ยิ่งเข้าเขตสก๊อตแลนด์จะเห็นเทือกเขาสวยงามมากค่ะ
หากพูดถึงสถานที่สำคัญของเอดินบะระ คงจะหนีไปพ้น Edinburgh Castle หลังจากที่ได้ไปสอบถามคุณวิกิแล้วก็พบว่าปราสาทนี้เป็นปราสาทที่เก่าแก่มาก สร้างขึ้นบนภูเขาหิน ตั้งแต่สมัยของพระเจ้าเดวิดที่ 1(ศวรรษที่ 11) ซึ่งในช่วงแรกใช้เป็นพระราชวัง และมีการสืบทอดต่อๆ กันมา จนประมาณ ศตวรรษที่ 17 ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้ใช้เป็นป้อมปราการ ซึ่งน่าจะเหมาะสมมากเพราะตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอดเขาหินสูง ซึ่งทำให้เห็นทัศนียภาพของเมืองได้โดยรอบ หากศัตรูเข้ามารุกรานก็เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีในการปกป้องเมือง ที่นี่ต้องเสียค่าเข้านะคะ แล้วก็ควรจองมาล่วงหน้าเพราะคิวซื้อหน้างานยาวมาก แต่ข้อเสียของการจองมาก่อนคือต้องระบุวันและเวลาที่ชัดเจน หากใครแผนไม่แน่นอนก็อาจจะลำบากหน่อยนะคะ
ถัดจาก Edinburg Castle ให้เดินมาตรงถนน Royal Mile ซึ่งเป็นถนนเก่าแก่ที่สมัยก่อนเป็นเส้นทางหลักสำหรับการเดินทางของราชวงศ์ เพราะต้นทางมาจาก Edinburgh Castle สู่ปลายทางคือ Palace of Holyroodhouse หรือจะเรียกว่า Holyrood Palace or Holyroodhouse ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกที่หนึ่งคือเหมือนเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งควีนอลิซาเบธที่ 2 ก็มักจะมาประทับที่ Holyrood Palace แห่งนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะเข้าฤดูร้อน ทำให้ถนนเส้นนี้เป็นถนนสายสำคัญของเมืองเอดินบะระเลยก็ว่าได้
ระหว่างทางก็มีสถานที่สำคัญอื่นๆ อีก เช่น St. Giles Cathedral เป็นโบสถ์สไตล์โกธิคที่สวยงาม (คำว่า gothic มาจากคำว่า goth ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบยอดประตูหน้าต่างโค้งแหลม) แต่จะมีอีกคำคือคำว่ายุคโกธิค หรือแฟชั่นสไตล์โกธิคนั้น จะหมายถึง แนวลึกลึบ อะไรที่ดูมืดๆ ยุคมืด ด้านมืด เป็นต้น ซึ่งโบสถ์นี้สามารถเข้าชมได้ฟรีนะคะ
เดินต่อมายาวๆ ที่ Calton Hill ค่ะ เนินเขาที่สามารถมองเมืองเอดินบะระได้อย่างรอบทิศทางกันเลยละค่ะ ที่นี่วิวดีมากๆ นะคะ และยังมีอนุสรณ์สถานอีกหลายชิ้นเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็น National Monument of Scotland ที่รูปร่างจะเหมือนวิหารเพนธีออนของกรุงเอเธนส์ ปล. แต่ยังสร้างไม่เสร็จ (เขาเล่าว่าเพราะเงินหมด.....เขาคือใคร ไม่รู้???) แต่เราไปไม่ถึงนะคะ แอบเสียดายเหมือนกัน
หาของอร่อยๆ กินกันค่ะ ร้านที่แนะนำคือ Elephant ร้านกาแฟที่ JK.rolling มาใช้นั่งเขียนหนังสือนะคะ แต่เนาก็ไม่ได้ไปเช่นกัน 😅 ระหว่างทางของ Royal mile มีร้านค้ามากมาย ร้านขนม ร้านอาหารเยอะแยะ เลือกชิมได้เลยเพราะดูจากคนแล้ว เยอะทุกร้าน
ส่วนที่พักของเรา เราพักที่ Ibis budget Edinburgh park อยู่ห่างจากตัวเมืองมาหน่อย แต่ข้อดีคือ มีที่จอดรถ
เมือง Edinburgh เป็นเมืองที่สวยงามมากค่ะ มีมนต์เสน่ห์ที่มาแล้ว ก็อยากจะมาอีกค่ะ 😍😍😍
รูปภาพและบทความทั้งหมด By Psychiartist