เกลื่อนกลางกรุง! ขอทานต่างด้าว นั่ง-นอน โกยเงินเพียบ อ้างงานสบายรายได้ดี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7973629
สืบ ตม.1 บูรณาการกำลังออกกวาดล้าง ขอทานต่างด้าว ชาวลาว-เขมร พบนั่ง-นอน ขอเงินย่านรถไฟฟ้านานา คลองเตย จำนวนมาก อ้างงานสบายได้เงินดี
เมื่อวันที่ 21 พ.ย.66 พล.ต.ท.
อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.สั่งการให้ พล.ต.ต.
ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.
ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.
กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 หลังรับเรื่องร้องเรียนและเบาะแส ทั้งช่องทางสายด่วน 1178 และโซเชี่ยลมีเดีย เกี่ยวกับการลักลอบเข้ามาขอทาน ของบุคคลต่างด้าว ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพมหานคร ตามที่ปรากฏในสื่อต่างๆนั้น
พ.ต.ท.
สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวนฯ นำกำลัง สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ออกตรวจบริเวณ ถนนสุขุมวิท พบว่าที่ริมถนนสุขุมวิทช่วงสถานีรถไฟฟ้านานา แขวงคลองเตย เขตคลองเตย มีบุคคลลักษณะต้องสงสัยคล้ายคนต่างด้าว จำนวนหลายราย กระจายกันนั่งหรือนอนอยู่ ในบริเวณดังกล่าว และมีพฤติกรรมในลักษณะขอทาน
บางกลุ่มนำเด็กมาร่วมขอทานด้วย ก่อนขอตรวจสอบเอกสารประจำตัว ทั้งนี้บุคคลต่างด้าวที่ถูกตรวจสอบ ไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทางและ/หรือเอกสารอื่นใดให้เจ้าหน้าที่ดูได้ เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวพบเป็นชาวลาว 2 ราย กัมพูชา 2 ราย สอบถามรับสารภาพว่า ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อมาขอทาน เนื่องจากเห็นว่า สบายและรายได้พอเพียงกับการใช้ชีวิต
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงยังไม่ปักใจเชื่อ จึงควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลถึงขบวนการนำพาคนต่างด้าวมาขอทานว่ามีผู้อื่นเกี่ยวข้องในการแสวงหาผลประโยชน์จากการขอทานของคนต่างด้าวกลุ่มนี้หรือไม่
จากนั้นแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลต่างด้าวจำนวน 4 ราย ว่าเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางอนุญาตตามกฎหมาย และการทำการอันเป็นการขอทาน จากนั้นแจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้ทราบเบื้องต้นฯ ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ฟังชัดๆ! ‘ช่อ’ เฉลย ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ คืออะไร? ย้ำมันไม่ใช่สิ่งของหรือสินค้า
https://www.dailynews.co.th/news/2921188/
"ช่อ พรรณิการ์" เปิดคอร์สอธิบายให้ฟังชัดๆ แบบเข้าใจง่าย! ซอฟต์พาวเวอร์ 101 คืออะไรกันแน่ ย้ำไม่ใช่สิ่งของหรือสินค้า
กลายเป็นอีกประเด็นที่หลายคนต่างให้ความสนใจอย่างมาก หลังมีการใช้คำว่า ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) บ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นสินค้า อาหาร ภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่งตัวบุคคลเอง ก็ต่างใช้คำนี้ ทำให้หลายคนต่างสงสัยว่า จริงๆ แล้วซอฟต์พาวเวอร์ คืออะไรกันแน่
ล่าสุด “
ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” แกนนำคณะก้าวหน้า ได้ออกมาโพสต์คลิปลงช่องทาง TikTok@pannika.chor พร้อมระบุข้อความว่า
“
มาค่ะทุกคน มาคุยเรื่อง soft power แบบจริงจัง 101 มาทำความเข้าใจกันตั้งแต่เริ่ม!”
ทั้งนี้ในคลิปได้มีการอธิบายคำว่า ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ว่าตกลงคืออะไร โดย
ช่อ-พรรณิการ์ กล่าวว่า ตนในฐานะที่เป็นนักเรียนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาก่อน ตนจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า ซอฟต์พาวเวอร์ไม่ใช่สินค้า แต่มันคือนโยบายต่างประเทศ การทหาร และความมั่นคง เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว มีแนวคิดจากนักทฤษฎีชาวอเมริกันที่รู้สึกว่าอำนาจที่เป็นแบบรถถัง เรือดำน้ำในโลกยุคปัจจุบัน มันเริ่มจะใช้ไม่ได้แล้ว มันขาดความชอบธรรม
แต่ในการเมืองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการทหาร มันยังจำเป็นที่จะต้องให้ประเทศเรามีอิทธิพลต่อประเทศอื่น ๆ อยู่ในการที่จะทำให้เกิดผลประโยชน์ของชาติ ดังนั้นการใช้อำนาจที่อ่อนนุ่มละมุนละไม ดูดีในสายตาชาวโลก แต่ยังสามารถทำให้ประเทศอื่น ๆ เขาทำตามเราได้ จะใช้อะไร จึงเป็นที่มาของคำว่า ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) แทนที่จะกดดันข่มขู่ ก็เป็นโน้มน้าว โน้มนำคำสอนให้คนอื่นทำตามเราได้
นอกจากนี้
ช่อ พรรณิการ์ ยังยกตัวอย่างหนังเรื่อง Oppenheimer ที่มีฉากเลือกทิ้งระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งชายอเมริกันนั่งคุยกันว่า จะทิ้งระเบิดที่ไหน ก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ไม่เอาเกียวโต เพราะเป็นที่ที่ผมกับภรรยาไปฮันนีมูนกันมา นั่นก็คือการโน้มน้าวจิตใจคนไปโดยอัตโนมัติว่า คุณอย่าทำลายเมืองนี้เลย เพราะมันมีคุณค่าเกินไป
หรือขนมญี่ปุ่นโตเกียวบานาน่า ก็ไม่ใช่ซอฟต์พาวเวอร์ แต่ซอฟต์พาวเวอร์ของญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับขนม คือความรู้สึกว่าขนมอะไรก็ตามที่คุณซื้อจากญี่ปุ่น มันคือสิ่งพรีเมียม อร่อย และคุณภาพดีแน่นอน ในการทำสิ่งที่เรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ จะไม่สามารถเรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ได้เลย ถ้าไม่ใช่การทำอย่างจัดวาง อย่างมียุทธศาสตร์โดยรัฐบาล
พูดง่าย ๆ คือต้องการมีพลังต่อรองในระดับโลก โดยไม่ต้องมีรถถัง เรือดำน้ำ แต่ว่าใช้ต้นทุนพลังทางสังคม วัฒนธรรมที่มีอยู่ ในการทำให้เกิดความรู้สึกว่าน่าทำตาม น่าเอาเป็นแบบอย่าง ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐ-อังกฤษ-ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีซอฟต์พาวเวอร์สูง เพราะเขาสั่งสมพลังซอฟต์พาวเวอร์จนกลายเป็นประเทศต้นแบบ เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะไปบอกว่า อะไรคือ ซอฟต์พาวเวอร์ จำไว้เสมอว่า
1. มันไม่ใช่สิ่งของหรือสินค้า แต่มันคือพลังอำนาจในการต่อรองของประเทศหนึ่ง ที่ไม่ต้องใช้การบังคับข่มขู่ แต่ใช้การโน้มน้าว
2. ไม่สามารถเรียกซอฟต์พาวเวอร์ได้เลย ถ้าปราศจากยุทธศาสตร์ที่คุณต้องการจะทำอะไรบางอย่าง เพื่อเจรจาต่อรองในระดับโลก เพื่อผลประโยชน์ของประเทศคุณ
ขอบคุณข้อมูล-ภาพ TikTok@pannika.chor
https://www.tiktok.com/@pannika.chor/video/7303366338804747526
เลขาฯกฤษฎีกา โอดโดนด่าเละ ทั้งที่ คลัง ยังไม่ส่งเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน ให้ตีความเลย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7973611
เลขาฯกฤษฎีกา โอดโดนด่าเละ เหตุตีความพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน แจง‘คลัง’ ยังไม่ส่งเรื่องถาม ยันเป็นนักกฎหมาย ไม่ใช่นักการเมือง ชี้ไม่ใช่หน้าที่บอกประเทศวิกฤตหรือไม่
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 พ.ย.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย
ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ตนได้พบและถามนาย
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ถึงกรณีรัฐบาล มีข้อสอบถามเรื่องการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน เพื่อนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 10,000 บาทว่า จะมีหนังสือมาถึงกฤษฎีกา ว่าสามารถทำได้หรือไม่ เมื่อไหร่ และได้คำตอบจากรัฐมนตรีว่า กำลังดูอยู่
นาย
ปกรณ์ กล่าวว่า ขออธิบายขั้นตอนในเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่า เมื่อคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ มีมติให้กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการ ถามมาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากพบเงื่อนไขจะสามารถกู้ได้หรือไม่เท่านั้น โดยมติมีเพียงแค่นั้น ยังไม่ได้ไปถึงขั้นตอนการยกร่างกฏหมาย
ขอย้ำว่าเป็นการให้ถามคำถามเท่านั้น เมื่อส่งคำถามมาแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามปกติโดยไม่มีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษ ทุกอย่างตรงไปตรงมา ถ้าเข้าเงื่อนไขก็ทำได้ ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขก็ทำไม่ได้ คำตอบมีเพียงเท่านั้น หากทำได้ก็จะเป็นการยกร่างกฏหมาย อีกขั้นตอนหนึ่ง
“
เมื่อเช้าผมทวงถามจากรัฐมนตรีเรื่องนี้ เพราะผมถูกด่าว่าทำงานช้า ทั้งที่เรื่องยังไม่ส่งมาถึงผม ทางสภาพัฒน์ก็รอ เพราะนึกว่าเรื่องได้ส่งมาที่ผมแล้ว ทุกคนคิดแบบนี้ แต่ปรากฏว่านักข่าวรู้มากกว่าผมอีก” นาย
ปกรณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสภาพัฒน์ฯบอกว่า ถ้าคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นมาว่า ถ้าครม.ไปต่อทางนี้ไม่ได้ อาจมีทางอื่นหรือไม่ นาย
ปกรณ์กล่าวว่า ไม่รู้ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องคิด ไม่ใช่เรื่องของตน และคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้คำแนะนำไม่ได้ เพราะไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นนักกฏหมาย
โดยกฎหมายที่จะนำมาพิจารณาประกอบ มีทั้งรัฐธรรมนูญ เรื่องการจ่ายเงินแผ่นดิน และยังมีกฏหมายหลายฉบับประกอบ เช่น กฎหมายงบประมาณ กฎหมายการเงินการคลัง กฎหมายหนี้สาธารณะ พ.ร.บ.เงินตรา จึงไม่สามารถตอบแทนได้ว่าวิกฤตหรือไม่วิกฤต
เมื่อถามว่ารัฐบาลฝากความหวังไว้ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ถ้าวิธีออกพ.ร.บ.กู้เงิน ไม่ได้ จะใช้ช่องทางใดได้บ้าง นาย
ปกรณ์ กล่าวว่า การจะเข้าเงื่อนไขหรือไม่ต้องดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งตนไม่รู้ไม่สามารถตอบแทนได้
เมื่อถามย้ำว่าเลขาธิการนายกฯ อยากจะขอคำแนะนำจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าจะทำอย่างไรถึงจะเดินหน้าโครงการได้ นาย
ปกรณ์ กล่าวว่า คำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทำได้ ไม่ควรมาถามเพราะไม่ใช่คนกำหนดนโยบาย ก็ไม่ใช่หน้าที่ ย้ำว่าเรื่องวิกฤตหรือไม่วิกฤตไม่ใช่หน้าที่ของกฤษฎีกา แต่เป็นหน้าที่ของครม.ที่จะหาข้อมูลมาสนับสนุน ที่โต้เถียงกันก็ไม่รู้
เมื่อถามกรณีนาย
ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ว่ารัฐบาลกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ นาย
ปกรณ์ กล่าวว่า เรื่องยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นการไปร้องล่วงหน้าก่อนหรือไม่ ก็ไม่ทราบ เพราะคณะกรรมการยังไม่มีมติ
JJNY : ขอทานต่างด้าวโกยเงินเพียบ│‘ช่อ’เฉลย‘ซอฟต์พาวเวอร์’คืออะไร?│เลขาฯกฤษฎีกาโอดโดนด่าเละ│โสมแดงแจ้งแผนปล่อยดาวเทียม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7973629
สืบ ตม.1 บูรณาการกำลังออกกวาดล้าง ขอทานต่างด้าว ชาวลาว-เขมร พบนั่ง-นอน ขอเงินย่านรถไฟฟ้านานา คลองเตย จำนวนมาก อ้างงานสบายได้เงินดี
เมื่อวันที่ 21 พ.ย.66 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 หลังรับเรื่องร้องเรียนและเบาะแส ทั้งช่องทางสายด่วน 1178 และโซเชี่ยลมีเดีย เกี่ยวกับการลักลอบเข้ามาขอทาน ของบุคคลต่างด้าว ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพมหานคร ตามที่ปรากฏในสื่อต่างๆนั้น
พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวนฯ นำกำลัง สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ออกตรวจบริเวณ ถนนสุขุมวิท พบว่าที่ริมถนนสุขุมวิทช่วงสถานีรถไฟฟ้านานา แขวงคลองเตย เขตคลองเตย มีบุคคลลักษณะต้องสงสัยคล้ายคนต่างด้าว จำนวนหลายราย กระจายกันนั่งหรือนอนอยู่ ในบริเวณดังกล่าว และมีพฤติกรรมในลักษณะขอทาน
บางกลุ่มนำเด็กมาร่วมขอทานด้วย ก่อนขอตรวจสอบเอกสารประจำตัว ทั้งนี้บุคคลต่างด้าวที่ถูกตรวจสอบ ไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทางและ/หรือเอกสารอื่นใดให้เจ้าหน้าที่ดูได้ เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวพบเป็นชาวลาว 2 ราย กัมพูชา 2 ราย สอบถามรับสารภาพว่า ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อมาขอทาน เนื่องจากเห็นว่า สบายและรายได้พอเพียงกับการใช้ชีวิต
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงยังไม่ปักใจเชื่อ จึงควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลถึงขบวนการนำพาคนต่างด้าวมาขอทานว่ามีผู้อื่นเกี่ยวข้องในการแสวงหาผลประโยชน์จากการขอทานของคนต่างด้าวกลุ่มนี้หรือไม่
จากนั้นแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลต่างด้าวจำนวน 4 ราย ว่าเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางอนุญาตตามกฎหมาย และการทำการอันเป็นการขอทาน จากนั้นแจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้ทราบเบื้องต้นฯ ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ฟังชัดๆ! ‘ช่อ’ เฉลย ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ คืออะไร? ย้ำมันไม่ใช่สิ่งของหรือสินค้า
https://www.dailynews.co.th/news/2921188/
"ช่อ พรรณิการ์" เปิดคอร์สอธิบายให้ฟังชัดๆ แบบเข้าใจง่าย! ซอฟต์พาวเวอร์ 101 คืออะไรกันแน่ ย้ำไม่ใช่สิ่งของหรือสินค้า
กลายเป็นอีกประเด็นที่หลายคนต่างให้ความสนใจอย่างมาก หลังมีการใช้คำว่า ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) บ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นสินค้า อาหาร ภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่งตัวบุคคลเอง ก็ต่างใช้คำนี้ ทำให้หลายคนต่างสงสัยว่า จริงๆ แล้วซอฟต์พาวเวอร์ คืออะไรกันแน่
ล่าสุด “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” แกนนำคณะก้าวหน้า ได้ออกมาโพสต์คลิปลงช่องทาง TikTok@pannika.chor พร้อมระบุข้อความว่า
“มาค่ะทุกคน มาคุยเรื่อง soft power แบบจริงจัง 101 มาทำความเข้าใจกันตั้งแต่เริ่ม!”
ทั้งนี้ในคลิปได้มีการอธิบายคำว่า ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ว่าตกลงคืออะไร โดย ช่อ-พรรณิการ์ กล่าวว่า ตนในฐานะที่เป็นนักเรียนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาก่อน ตนจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า ซอฟต์พาวเวอร์ไม่ใช่สินค้า แต่มันคือนโยบายต่างประเทศ การทหาร และความมั่นคง เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว มีแนวคิดจากนักทฤษฎีชาวอเมริกันที่รู้สึกว่าอำนาจที่เป็นแบบรถถัง เรือดำน้ำในโลกยุคปัจจุบัน มันเริ่มจะใช้ไม่ได้แล้ว มันขาดความชอบธรรม
แต่ในการเมืองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการทหาร มันยังจำเป็นที่จะต้องให้ประเทศเรามีอิทธิพลต่อประเทศอื่น ๆ อยู่ในการที่จะทำให้เกิดผลประโยชน์ของชาติ ดังนั้นการใช้อำนาจที่อ่อนนุ่มละมุนละไม ดูดีในสายตาชาวโลก แต่ยังสามารถทำให้ประเทศอื่น ๆ เขาทำตามเราได้ จะใช้อะไร จึงเป็นที่มาของคำว่า ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) แทนที่จะกดดันข่มขู่ ก็เป็นโน้มน้าว โน้มนำคำสอนให้คนอื่นทำตามเราได้
นอกจากนี้ ช่อ พรรณิการ์ ยังยกตัวอย่างหนังเรื่อง Oppenheimer ที่มีฉากเลือกทิ้งระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งชายอเมริกันนั่งคุยกันว่า จะทิ้งระเบิดที่ไหน ก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ไม่เอาเกียวโต เพราะเป็นที่ที่ผมกับภรรยาไปฮันนีมูนกันมา นั่นก็คือการโน้มน้าวจิตใจคนไปโดยอัตโนมัติว่า คุณอย่าทำลายเมืองนี้เลย เพราะมันมีคุณค่าเกินไป
หรือขนมญี่ปุ่นโตเกียวบานาน่า ก็ไม่ใช่ซอฟต์พาวเวอร์ แต่ซอฟต์พาวเวอร์ของญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับขนม คือความรู้สึกว่าขนมอะไรก็ตามที่คุณซื้อจากญี่ปุ่น มันคือสิ่งพรีเมียม อร่อย และคุณภาพดีแน่นอน ในการทำสิ่งที่เรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ จะไม่สามารถเรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ได้เลย ถ้าไม่ใช่การทำอย่างจัดวาง อย่างมียุทธศาสตร์โดยรัฐบาล
พูดง่าย ๆ คือต้องการมีพลังต่อรองในระดับโลก โดยไม่ต้องมีรถถัง เรือดำน้ำ แต่ว่าใช้ต้นทุนพลังทางสังคม วัฒนธรรมที่มีอยู่ ในการทำให้เกิดความรู้สึกว่าน่าทำตาม น่าเอาเป็นแบบอย่าง ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐ-อังกฤษ-ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีซอฟต์พาวเวอร์สูง เพราะเขาสั่งสมพลังซอฟต์พาวเวอร์จนกลายเป็นประเทศต้นแบบ เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะไปบอกว่า อะไรคือ ซอฟต์พาวเวอร์ จำไว้เสมอว่า
1. มันไม่ใช่สิ่งของหรือสินค้า แต่มันคือพลังอำนาจในการต่อรองของประเทศหนึ่ง ที่ไม่ต้องใช้การบังคับข่มขู่ แต่ใช้การโน้มน้าว
2. ไม่สามารถเรียกซอฟต์พาวเวอร์ได้เลย ถ้าปราศจากยุทธศาสตร์ที่คุณต้องการจะทำอะไรบางอย่าง เพื่อเจรจาต่อรองในระดับโลก เพื่อผลประโยชน์ของประเทศคุณ
ขอบคุณข้อมูล-ภาพ TikTok@pannika.chor
https://www.tiktok.com/@pannika.chor/video/7303366338804747526
เลขาฯกฤษฎีกา โอดโดนด่าเละ ทั้งที่ คลัง ยังไม่ส่งเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน ให้ตีความเลย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7973611
เลขาฯกฤษฎีกา โอดโดนด่าเละ เหตุตีความพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน แจง‘คลัง’ ยังไม่ส่งเรื่องถาม ยันเป็นนักกฎหมาย ไม่ใช่นักการเมือง ชี้ไม่ใช่หน้าที่บอกประเทศวิกฤตหรือไม่
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 พ.ย.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ตนได้พบและถามนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ถึงกรณีรัฐบาล มีข้อสอบถามเรื่องการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน เพื่อนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 10,000 บาทว่า จะมีหนังสือมาถึงกฤษฎีกา ว่าสามารถทำได้หรือไม่ เมื่อไหร่ และได้คำตอบจากรัฐมนตรีว่า กำลังดูอยู่
นายปกรณ์ กล่าวว่า ขออธิบายขั้นตอนในเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่า เมื่อคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ มีมติให้กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการ ถามมาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากพบเงื่อนไขจะสามารถกู้ได้หรือไม่เท่านั้น โดยมติมีเพียงแค่นั้น ยังไม่ได้ไปถึงขั้นตอนการยกร่างกฏหมาย
ขอย้ำว่าเป็นการให้ถามคำถามเท่านั้น เมื่อส่งคำถามมาแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามปกติโดยไม่มีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษ ทุกอย่างตรงไปตรงมา ถ้าเข้าเงื่อนไขก็ทำได้ ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขก็ทำไม่ได้ คำตอบมีเพียงเท่านั้น หากทำได้ก็จะเป็นการยกร่างกฏหมาย อีกขั้นตอนหนึ่ง
“เมื่อเช้าผมทวงถามจากรัฐมนตรีเรื่องนี้ เพราะผมถูกด่าว่าทำงานช้า ทั้งที่เรื่องยังไม่ส่งมาถึงผม ทางสภาพัฒน์ก็รอ เพราะนึกว่าเรื่องได้ส่งมาที่ผมแล้ว ทุกคนคิดแบบนี้ แต่ปรากฏว่านักข่าวรู้มากกว่าผมอีก” นายปกรณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสภาพัฒน์ฯบอกว่า ถ้าคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นมาว่า ถ้าครม.ไปต่อทางนี้ไม่ได้ อาจมีทางอื่นหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ไม่รู้ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องคิด ไม่ใช่เรื่องของตน และคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้คำแนะนำไม่ได้ เพราะไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นนักกฏหมาย
โดยกฎหมายที่จะนำมาพิจารณาประกอบ มีทั้งรัฐธรรมนูญ เรื่องการจ่ายเงินแผ่นดิน และยังมีกฏหมายหลายฉบับประกอบ เช่น กฎหมายงบประมาณ กฎหมายการเงินการคลัง กฎหมายหนี้สาธารณะ พ.ร.บ.เงินตรา จึงไม่สามารถตอบแทนได้ว่าวิกฤตหรือไม่วิกฤต
เมื่อถามว่ารัฐบาลฝากความหวังไว้ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ถ้าวิธีออกพ.ร.บ.กู้เงิน ไม่ได้ จะใช้ช่องทางใดได้บ้าง นายปกรณ์ กล่าวว่า การจะเข้าเงื่อนไขหรือไม่ต้องดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งตนไม่รู้ไม่สามารถตอบแทนได้
เมื่อถามย้ำว่าเลขาธิการนายกฯ อยากจะขอคำแนะนำจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าจะทำอย่างไรถึงจะเดินหน้าโครงการได้ นายปกรณ์ กล่าวว่า คำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทำได้ ไม่ควรมาถามเพราะไม่ใช่คนกำหนดนโยบาย ก็ไม่ใช่หน้าที่ ย้ำว่าเรื่องวิกฤตหรือไม่วิกฤตไม่ใช่หน้าที่ของกฤษฎีกา แต่เป็นหน้าที่ของครม.ที่จะหาข้อมูลมาสนับสนุน ที่โต้เถียงกันก็ไม่รู้
เมื่อถามกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ว่ารัฐบาลกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ นายปกรณ์ กล่าวว่า เรื่องยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นการไปร้องล่วงหน้าก่อนหรือไม่ ก็ไม่ทราบ เพราะคณะกรรมการยังไม่มีมติ