การแก้ไขกฎหมายควรคงไว้ซึ่งเจตนารมย์ในการออกกฎหมาย และไม่ควรโกหก บิดเบือน
ข่าวของคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติฯ ที่มีนายนิกร จำนง เป็นประธาน
กับ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ประธานกมธ.พัฒนาการเมืองฯ และพรรคก้าวไกล
ข้อกังวลหนึ่งที่เป็นประเด็นคือ กติกา “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” ตามมาตรา 13 พรบ.ประชามติฯ
พอมีข้อกังวลว่าจะ
ผ่านยาก หรือ ไม่ผ่าน ก็ออกมาโยนหินถามทางเรื่องการแก้กติกา
หลักการตามมาตรา 13 ไม่มีอะไรมาก
วัดจากจำนวนและเสียง ที่เกินกึ่งหนึ่ง ของทั้งผู้มีสิทธิ และผู้มาใช้สิทธิ
ตรงนี้มีความชัดเจนที่ว่า ใช้เสียงข้างมาก มาชี้วัดตัดสิน อย่างน้อยก็เป็นเสียงข้างมากของแต่ละส่วน
ความลำบาก เพื่อให้ผ่านกฎกติกานี้เป็นสิ่งที่สมควรทำให้ได้ มากกว่าแก้ไขลบล้างไปใช้กติกาใหม่ที่ตอบเจตนารมณ์ตรงนี้ไม่ได้
ผลลัพธ์ ขั้นต่ำต้องการเพียงร้อยละ 25+
ถ้าผู้มาใช้สิทธิเห็นชอบให้แก้ไขรธน.ยังหาได้ไม่เกินนี้ จะหาความชอบธรรมว่าเป็นเสียงประชามติได้อย่างไร
ไม่ได้มาจากเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ จะต่างอะไรกับพวกมากลากไป เอาเสียงมาย่อมหนึ่ง ใครเสียงดังชนะ?

หนึ่งในข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหานี้จากความคิดของนายพริษฐ์ คือ
ข้อกังวลที่ "คิดไปเอง" ว่าจะมีการกลั่นแกล้งจาก ผู้ที่ไม่เห็นชอบให้แก้ร่างรธน.ใหม่ ด้วยการรณรงค์ให้คนนอนหลับทับสิทธิ
ข้อเสนอของนายพริษฐ์ (ตามภาพ) พยายามบิดเบือน ข้อเท็จจริง
ทางเลือกของนายพริษฐ์บอกว่า "คงไว้ถึงเจตนารมณ์ของกติกา"
โดยทางเลือกนี้ยึดจาก "ผลลัพธ์ ขั้นต่ำ" ที่ได้จากกติกา ไม่ใช่เจตนารมณ์ของกติกา
"ผลลัพธ์ ขั้นต่ำ"
เกินกึ่งหนึ่งของ 100 = 51(50+)
เกินกึ่งหนึ่งของ 51 = 26(25+)
เขาเอาตัวเลขร้อยละ 25-26 ที่ได้จากผลลัพธ์เป็น "ตัวตั้ง" ในการหาความชอบธรรมของข้อเสนอ
บิดความหมายของเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งให้เป็น เสียงที่ชนะ
พยายามสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายที่ชนะ(เป็นอันดับหนึ่ง?) ให้เป็นเสียงข้างมาก
เป็นเรื่องที่ผิดฝาผิดตัว เจตนาบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมาย และความเป็นจริง
อยากได้รับการยอมรับ ไม่ควรเริ่มด้วยการ โกหก บิดเบือน
ปล.เคยแจ้งเขาตรงๆ ผ่านสื่อโซเชี่ยลของเขาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร
ไม่เห็นด้วย กับ แนวทางแก้พรบ.ประชามติของพริษฐ์
ข่าวของคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติฯ ที่มีนายนิกร จำนง เป็นประธาน
กับ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ประธานกมธ.พัฒนาการเมืองฯ และพรรคก้าวไกล
ข้อกังวลหนึ่งที่เป็นประเด็นคือ กติกา “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” ตามมาตรา 13 พรบ.ประชามติฯ
พอมีข้อกังวลว่าจะ ผ่านยาก หรือ ไม่ผ่าน ก็ออกมาโยนหินถามทางเรื่องการแก้กติกา
หลักการตามมาตรา 13 ไม่มีอะไรมาก
วัดจากจำนวนและเสียง ที่เกินกึ่งหนึ่ง ของทั้งผู้มีสิทธิ และผู้มาใช้สิทธิ
ตรงนี้มีความชัดเจนที่ว่า ใช้เสียงข้างมาก มาชี้วัดตัดสิน อย่างน้อยก็เป็นเสียงข้างมากของแต่ละส่วน
ความลำบาก เพื่อให้ผ่านกฎกติกานี้เป็นสิ่งที่สมควรทำให้ได้ มากกว่าแก้ไขลบล้างไปใช้กติกาใหม่ที่ตอบเจตนารมณ์ตรงนี้ไม่ได้
ผลลัพธ์ ขั้นต่ำต้องการเพียงร้อยละ 25+
ถ้าผู้มาใช้สิทธิเห็นชอบให้แก้ไขรธน.ยังหาได้ไม่เกินนี้ จะหาความชอบธรรมว่าเป็นเสียงประชามติได้อย่างไร
ไม่ได้มาจากเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ จะต่างอะไรกับพวกมากลากไป เอาเสียงมาย่อมหนึ่ง ใครเสียงดังชนะ?
หนึ่งในข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหานี้จากความคิดของนายพริษฐ์ คือ
ข้อกังวลที่ "คิดไปเอง" ว่าจะมีการกลั่นแกล้งจาก ผู้ที่ไม่เห็นชอบให้แก้ร่างรธน.ใหม่ ด้วยการรณรงค์ให้คนนอนหลับทับสิทธิ
ข้อเสนอของนายพริษฐ์ (ตามภาพ) พยายามบิดเบือน ข้อเท็จจริง
ทางเลือกของนายพริษฐ์บอกว่า "คงไว้ถึงเจตนารมณ์ของกติกา"
โดยทางเลือกนี้ยึดจาก "ผลลัพธ์ ขั้นต่ำ" ที่ได้จากกติกา ไม่ใช่เจตนารมณ์ของกติกา
"ผลลัพธ์ ขั้นต่ำ"
เกินกึ่งหนึ่งของ 100 = 51(50+)
เกินกึ่งหนึ่งของ 51 = 26(25+)
เขาเอาตัวเลขร้อยละ 25-26 ที่ได้จากผลลัพธ์เป็น "ตัวตั้ง" ในการหาความชอบธรรมของข้อเสนอ
บิดความหมายของเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งให้เป็น เสียงที่ชนะ
พยายามสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายที่ชนะ(เป็นอันดับหนึ่ง?) ให้เป็นเสียงข้างมาก
เป็นเรื่องที่ผิดฝาผิดตัว เจตนาบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมาย และความเป็นจริง
อยากได้รับการยอมรับ ไม่ควรเริ่มด้วยการ โกหก บิดเบือน
ปล.เคยแจ้งเขาตรงๆ ผ่านสื่อโซเชี่ยลของเขาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร