ยิ่งลักษณ์ โพสต์ถึงส้ม พืชเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ส่งเสริมปลูกสร้างรายได้แม้อยู่ห่างไกล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7970817
ยิ่งลักษณ์ โพสต์ถึงส้ม พืชเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ส่งเสริมปลูกสร้างรายได้แม้อยู่ห่างไกล บ้านไหนปลูกส้มอย่างน้อย 2 ต้น มีเงินส่งเสียลูกเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ ได้เลย
วันที่ 19 พ.ย.66 น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก
Yingluck Shinawatra โพสต์ภาพกับไร่ส้ม พร้อมระบุว่า
“
ส้มเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศเกาหลีใต้ค่ะ สมัยก่อนรัฐบาลเกาหลีส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนปลูกส้ม เพราะเป็นพืชที่สร้างรายได้ดีให้กับประชาชน เขาเลยพูดกันว่า แม้เชจูจะเป็นเมืองที่อยู่ไกล แต่ถ้าบ้านไหนที่ปลูกส้มอย่างน้อย 2 ต้น สามารถมีเงินส่งเสียลูกเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ ในเมืองได้เลยทีเดียวค่ะ”
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/pfbid034DnXWepQwb5wCWiG9mJxZ9wdUTZzDbjn8T3jDFDFPuFj9FTC8VAQafcNSve9jGZil
"ครูธัญ" แนะความเท่าเทียมทางเพศ ในความหลากหลาย ต้องบรรจุใน รธน.
https://www.thairath.co.th/news/politic/2741748
"ธัญวัจน์" สส.ก้าวไกล ปลื้มนายกฯ เตรียมดัน ก.ม.สมรสเท่าเทียม ผ่านสภา แนะความเท่าเทียมในความหลากหลายเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.66 นาย
ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า มั่นใจกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะผ่านสภา พร้อมพูดถึงเป้าหมายพร้อมเสนอให้กรุงเทพฯเป็นเจ้าภาพ "Word Pride 2028" ว่า ตนมีความยินดีมากที่ในวันนี้เราทุกคนพูดสิ่งเดียวกัน ความหลากหลาย และความเท่าเทียม ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ #สมรสเท่าเทียม ของพรรคก้าวไกลนั้นได้รับฟังความคิดเห็นเรียบร้อยและบรรจุวาระแล้ว และในการประชุมสมัยหน้า ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ก็อยากให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) นำเข้าสู่การพิจารณาได้เลย ส่วนในร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศคำนำหน้า และคุ้มครองผู้มีความหลากหลายทางเพศ #คำนำหน้าตามสมัครใจ ของพรรคก้าวไกลก็รับฟังความคิดเห็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอการบรรจุ และหวังว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จะเข้าสู่การพิจารณาในเร็ววันเช่นกัน
"
ตนขอฝาก นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าความเท่าเทียมและความหลากหลายนั้น ต้องถูกบัญญัติในรัฐธรรมนูญเช่นกัน ซึ่งข้อเสนอ คือ การบัญญัติผู้มีความหลากหลายทางเพศ เพศสภาพ เพศวิถี และอัตลักษณ์ทางเพศ ลงในรัฐธรรมนูญมาตรา 27 เพื่อให้การตรากฎหมายในอนาคตต้องให้สิทธิ เสรีภาพ ในการดำเนินชีวิตของคนทุกเพศตามเจตจำนง และเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายต่างๆ รวมถึงกฎระเบียบที่ต้องสอดคล้องกับเพศสภาพ และสวัสดิการ การดูแลสุขภาพ ที่แต่ละเพศมีความหลากหลาย และต้นทุนที่ต่างกัน" นาย
ธัญวัจน์ กล่าว
นาย
ธัญวัจน์ กล่าวต่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทางรัฐบาลกำลังดำเนินการ โดย นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กำลังตั้งอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นในขณะนี้ ความหมายของความเท่าเทียมคงไม่ใช่เพียงความหลากหลายทางเพศเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายประเด็นที่ทางพรรคก้าวไกลเสนอ รวมถึงการกระจายอำนาจ ก็เป็นความเท่าเทียมของคนทุกเพศ และต้องแก้ไข เพราะการถือธงสีรุ้งโอบรับความหลากหลาย ไม่ใช่การให้ความสำคัญเพียงความหลากหลาย แต่นั้นหมายถึงความสำคัญของทุกความเท่าเทียม ทั้งสิทธิ เศรษฐกิจ และ โอกาส ที่ต้องกำหนดในรัฐธรรมนูญ นี่คือความจริงใจในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เพื่อความเท่าเทียม
ไทยสร้างไทย หวั่นเงิน 10,000 ร้านค้ารายย่อยผวารัฐรีดภาษี ทำคนหนีไม่ร่วมโครงการ สุดท้ายเงินเข้ารายใหญ่ ไม่เกิดหมุนเวียนเศรษฐกิจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4289936
ไทยสร้างไทย หวั่นเงิน 10,000 ร้านค้ารายย่อยผวารัฐรีดภาษี ทำคนหนีไม่ร่วมโครงการ สุดท้ายเงินเข้ารายใหญ่ ไม่เกิดหมุนเวียนเศรษฐกิจ
นาย
รณกาจ ชินสำราญ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย เห็นด้วยกับการ กระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งพี่น้องประชาชนจะได้ประโยชน์จากมาตรการของรัฐ แต่ก็มีประเด็นที่ต้องแสดงความกังวล นั่นคือการออก พ.ร.บ.เงินกู้ วงเงิน 500,000 ล้านบาทเพื่อระดมทุนมาแจกในโครงการนี้ สุดท้ายแล้วอาจไม่มีใครได้เงินแม้แต่บาทเดียว เพราะเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 140 และขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 ที่ระบุว่า หากใช้เงินที่ไม่ได้เป็นไปตามงบประมาณปกติ จะทำได้กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น แต่วันนี้ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาด้วยความรอบคอบ
ตนเห็นว่า การที่รัฐบาลจะกู้เงินมาแจกโดยออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน น่าจะเป็นการซื้อเวลามากกว่า หรือไม่ เพราะจำเป็นต้องสร้างภาพให้ดูดีว่ากำลังทำตามนโยบายที่พรรคของตนเคยหาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้งเท่านั้น แต่ผลกระทบที่ตามมากลับไม่ได้นำมาพิจารณาอย่างรอบคอบ กล่าวคือ คนไทยทั้งประเทศต้องมาร่วมกันแบกรับหนี้ดังกล่าวในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลายคนมองว่า โครงการนี้เดิมทีได้โปรโมทว่า จะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ให้แก่ประเทศ อันจะทำให้พัฒนาสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบก้าวกระโดด แต่ดูเหมือนว่าพอนานไป หลังจากมีการออกมาชี้แจง ทำให้เห็นได้ชัดว่าโปรโมชันดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่โครงการมีสภาพเป็นเพียงการใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นการอุปโภคบริโภคแบบพื้นๆ เท่านั้น
ไม่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในมิติของการหารายได้ ตรงกันข้ามอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมา นอกจากจะเป็นเพิ่มหนี้สาธารณะ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาวแล้ว ยังอาจจะเป็นปัจจัยให้เกิดเงินเฟ้อสูงขึ้นมาอีก ตอนนี้มีคนไปร้องเรียนแล้วว่าโครงการนี้เป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายมุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง ไม่ได้พัฒนาประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างที่มีการหาเสียงไว้
ประเด็นที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่มีคนตั้งข้อสงสัยกันไว้มาก ก็คือ โครงการนี้สุดท้ายแล้ว อาจเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มากกว่า ร้านค้าปลีกขนาดเล็กจะมีปัญหา เพราะในอดีตเมื่อเคยเข้าร่วมโครงการในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ปรากฏว่าบางรายถูกประเมินภาษีเพิ่มขึ้น จึงอาจเป็นอุปสรรคที่ร้านค้าขนาดเล็กจะเข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ โครงการดังกล่าว ได้ตัดพ่อค้ารายย่อยตามหัวมุมถนน เปิดท้ายรถ พ่อค้าแม่ขายเท้าเปล่าในตลาดข้างบ้าน ออกไปโดยสิ้นเชิง โครงการนี้ทำไปทำมาก็จะไปเอื้อประโยชน์แก่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มากกว่า เท่ากับเป็นการเพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยมากยิ่งขึ้น
สำหรับพรรคไทยสร้างไทย เรามองว่าปัญหาที่สำคัญของประเทศในระยะใกล้นี้ ก็คือการที่ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ประเทศเราเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงวัยสูงที่สุดในโลก และโชคร้ายยิ่งกว่าคือคนแก่ไทยส่วนใหญ่ “แก่ก่อนรวย” คือมีฐานะยากจน และสุขภาพไม่ดี เราจะปล่อยให้ประเทศไทยเต็มไปด้วยคนแก่ที่ยากจน และสุขภาพไม่ดีไม่ได้
เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ประเทศเราคงจะพัฒนาต่อไปไม่ได้อย่างแน่นอน นอกจากจะมีปัญหาคนในวัยทำงานลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ เรายังต้องเผชิญกับปัญหาการที่รัฐต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากไปกับการดูแลรักษาพยาบาลผู้สูงวัย การเตรียมตัวในเรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็น ภาระการใช้จ่ายทางด้านสวัสดิการและสาธารณสุขจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก รัฐบาลจึงควรจัดสรรงบประมาณอย่างมีคุณภาพ และให้ความสำคัญในเรื่องมาตรการรองรับสังคมผู้สูงวัย ให้เป็นนโยบายในระดับต้นๆ
ดังนั้นการดำเนินการของรัฐบาลจึงขอให้ทำอย่างรอบคอบ และรับฟังเสียงของผู้เห็นต่างเพื่อนำมาพิจารณา ปรับปรุงแก้ไขนโยบายให้การกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้เงินภาษีของประชาชนมหาศาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
JJNY : ยิ่งลักษณ์โพสต์ถึงส้ม│"ครูธัญ"แนะเท่าเทียมทางเพศต้องบรรจุในรธน.│ไทยสร้างไทยหวั่นร้านรายย่อย│จับตา20พ.ย.เปิดตัวเลข
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7970817
ยิ่งลักษณ์ โพสต์ถึงส้ม พืชเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ส่งเสริมปลูกสร้างรายได้แม้อยู่ห่างไกล บ้านไหนปลูกส้มอย่างน้อย 2 ต้น มีเงินส่งเสียลูกเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ ได้เลย
วันที่ 19 พ.ย.66 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra โพสต์ภาพกับไร่ส้ม พร้อมระบุว่า
“ส้มเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศเกาหลีใต้ค่ะ สมัยก่อนรัฐบาลเกาหลีส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนปลูกส้ม เพราะเป็นพืชที่สร้างรายได้ดีให้กับประชาชน เขาเลยพูดกันว่า แม้เชจูจะเป็นเมืองที่อยู่ไกล แต่ถ้าบ้านไหนที่ปลูกส้มอย่างน้อย 2 ต้น สามารถมีเงินส่งเสียลูกเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ ในเมืองได้เลยทีเดียวค่ะ”
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/pfbid034DnXWepQwb5wCWiG9mJxZ9wdUTZzDbjn8T3jDFDFPuFj9FTC8VAQafcNSve9jGZil
"ครูธัญ" แนะความเท่าเทียมทางเพศ ในความหลากหลาย ต้องบรรจุใน รธน.
https://www.thairath.co.th/news/politic/2741748
"ธัญวัจน์" สส.ก้าวไกล ปลื้มนายกฯ เตรียมดัน ก.ม.สมรสเท่าเทียม ผ่านสภา แนะความเท่าเทียมในความหลากหลายเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.66 นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า มั่นใจกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะผ่านสภา พร้อมพูดถึงเป้าหมายพร้อมเสนอให้กรุงเทพฯเป็นเจ้าภาพ "Word Pride 2028" ว่า ตนมีความยินดีมากที่ในวันนี้เราทุกคนพูดสิ่งเดียวกัน ความหลากหลาย และความเท่าเทียม ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ #สมรสเท่าเทียม ของพรรคก้าวไกลนั้นได้รับฟังความคิดเห็นเรียบร้อยและบรรจุวาระแล้ว และในการประชุมสมัยหน้า ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ก็อยากให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) นำเข้าสู่การพิจารณาได้เลย ส่วนในร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศคำนำหน้า และคุ้มครองผู้มีความหลากหลายทางเพศ #คำนำหน้าตามสมัครใจ ของพรรคก้าวไกลก็รับฟังความคิดเห็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอการบรรจุ และหวังว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จะเข้าสู่การพิจารณาในเร็ววันเช่นกัน
"ตนขอฝาก นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าความเท่าเทียมและความหลากหลายนั้น ต้องถูกบัญญัติในรัฐธรรมนูญเช่นกัน ซึ่งข้อเสนอ คือ การบัญญัติผู้มีความหลากหลายทางเพศ เพศสภาพ เพศวิถี และอัตลักษณ์ทางเพศ ลงในรัฐธรรมนูญมาตรา 27 เพื่อให้การตรากฎหมายในอนาคตต้องให้สิทธิ เสรีภาพ ในการดำเนินชีวิตของคนทุกเพศตามเจตจำนง และเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายต่างๆ รวมถึงกฎระเบียบที่ต้องสอดคล้องกับเพศสภาพ และสวัสดิการ การดูแลสุขภาพ ที่แต่ละเพศมีความหลากหลาย และต้นทุนที่ต่างกัน" นายธัญวัจน์ กล่าว
นายธัญวัจน์ กล่าวต่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทางรัฐบาลกำลังดำเนินการ โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กำลังตั้งอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นในขณะนี้ ความหมายของความเท่าเทียมคงไม่ใช่เพียงความหลากหลายทางเพศเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายประเด็นที่ทางพรรคก้าวไกลเสนอ รวมถึงการกระจายอำนาจ ก็เป็นความเท่าเทียมของคนทุกเพศ และต้องแก้ไข เพราะการถือธงสีรุ้งโอบรับความหลากหลาย ไม่ใช่การให้ความสำคัญเพียงความหลากหลาย แต่นั้นหมายถึงความสำคัญของทุกความเท่าเทียม ทั้งสิทธิ เศรษฐกิจ และ โอกาส ที่ต้องกำหนดในรัฐธรรมนูญ นี่คือความจริงใจในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เพื่อความเท่าเทียม
ไทยสร้างไทย หวั่นเงิน 10,000 ร้านค้ารายย่อยผวารัฐรีดภาษี ทำคนหนีไม่ร่วมโครงการ สุดท้ายเงินเข้ารายใหญ่ ไม่เกิดหมุนเวียนเศรษฐกิจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4289936
ไทยสร้างไทย หวั่นเงิน 10,000 ร้านค้ารายย่อยผวารัฐรีดภาษี ทำคนหนีไม่ร่วมโครงการ สุดท้ายเงินเข้ารายใหญ่ ไม่เกิดหมุนเวียนเศรษฐกิจ
นายรณกาจ ชินสำราญ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย เห็นด้วยกับการ กระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งพี่น้องประชาชนจะได้ประโยชน์จากมาตรการของรัฐ แต่ก็มีประเด็นที่ต้องแสดงความกังวล นั่นคือการออก พ.ร.บ.เงินกู้ วงเงิน 500,000 ล้านบาทเพื่อระดมทุนมาแจกในโครงการนี้ สุดท้ายแล้วอาจไม่มีใครได้เงินแม้แต่บาทเดียว เพราะเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 140 และขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 ที่ระบุว่า หากใช้เงินที่ไม่ได้เป็นไปตามงบประมาณปกติ จะทำได้กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น แต่วันนี้ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาด้วยความรอบคอบ
ตนเห็นว่า การที่รัฐบาลจะกู้เงินมาแจกโดยออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน น่าจะเป็นการซื้อเวลามากกว่า หรือไม่ เพราะจำเป็นต้องสร้างภาพให้ดูดีว่ากำลังทำตามนโยบายที่พรรคของตนเคยหาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้งเท่านั้น แต่ผลกระทบที่ตามมากลับไม่ได้นำมาพิจารณาอย่างรอบคอบ กล่าวคือ คนไทยทั้งประเทศต้องมาร่วมกันแบกรับหนี้ดังกล่าวในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลายคนมองว่า โครงการนี้เดิมทีได้โปรโมทว่า จะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ให้แก่ประเทศ อันจะทำให้พัฒนาสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบก้าวกระโดด แต่ดูเหมือนว่าพอนานไป หลังจากมีการออกมาชี้แจง ทำให้เห็นได้ชัดว่าโปรโมชันดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่โครงการมีสภาพเป็นเพียงการใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นการอุปโภคบริโภคแบบพื้นๆ เท่านั้น
ไม่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในมิติของการหารายได้ ตรงกันข้ามอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมา นอกจากจะเป็นเพิ่มหนี้สาธารณะ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาวแล้ว ยังอาจจะเป็นปัจจัยให้เกิดเงินเฟ้อสูงขึ้นมาอีก ตอนนี้มีคนไปร้องเรียนแล้วว่าโครงการนี้เป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายมุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง ไม่ได้พัฒนาประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างที่มีการหาเสียงไว้
ประเด็นที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่มีคนตั้งข้อสงสัยกันไว้มาก ก็คือ โครงการนี้สุดท้ายแล้ว อาจเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มากกว่า ร้านค้าปลีกขนาดเล็กจะมีปัญหา เพราะในอดีตเมื่อเคยเข้าร่วมโครงการในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ปรากฏว่าบางรายถูกประเมินภาษีเพิ่มขึ้น จึงอาจเป็นอุปสรรคที่ร้านค้าขนาดเล็กจะเข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ โครงการดังกล่าว ได้ตัดพ่อค้ารายย่อยตามหัวมุมถนน เปิดท้ายรถ พ่อค้าแม่ขายเท้าเปล่าในตลาดข้างบ้าน ออกไปโดยสิ้นเชิง โครงการนี้ทำไปทำมาก็จะไปเอื้อประโยชน์แก่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มากกว่า เท่ากับเป็นการเพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยมากยิ่งขึ้น
สำหรับพรรคไทยสร้างไทย เรามองว่าปัญหาที่สำคัญของประเทศในระยะใกล้นี้ ก็คือการที่ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ประเทศเราเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงวัยสูงที่สุดในโลก และโชคร้ายยิ่งกว่าคือคนแก่ไทยส่วนใหญ่ “แก่ก่อนรวย” คือมีฐานะยากจน และสุขภาพไม่ดี เราจะปล่อยให้ประเทศไทยเต็มไปด้วยคนแก่ที่ยากจน และสุขภาพไม่ดีไม่ได้
เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ประเทศเราคงจะพัฒนาต่อไปไม่ได้อย่างแน่นอน นอกจากจะมีปัญหาคนในวัยทำงานลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ เรายังต้องเผชิญกับปัญหาการที่รัฐต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากไปกับการดูแลรักษาพยาบาลผู้สูงวัย การเตรียมตัวในเรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็น ภาระการใช้จ่ายทางด้านสวัสดิการและสาธารณสุขจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก รัฐบาลจึงควรจัดสรรงบประมาณอย่างมีคุณภาพ และให้ความสำคัญในเรื่องมาตรการรองรับสังคมผู้สูงวัย ให้เป็นนโยบายในระดับต้นๆ
ดังนั้นการดำเนินการของรัฐบาลจึงขอให้ทำอย่างรอบคอบ และรับฟังเสียงของผู้เห็นต่างเพื่อนำมาพิจารณา ปรับปรุงแก้ไขนโยบายให้การกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้เงินภาษีของประชาชนมหาศาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด