ยอมไม่เรียนต่อ ทั้งที่มีทุนซัพพอร์ทให้ เพราะยังมีด้านอื่นในชีวิตสำคัญกว่า

แชร์ประสบการณ์ระหว่างคุยกับเพื่อนครับ ในขณะที่ผมกำลังว้าวุ่น อยากเรียนต่อปริญญาอีกสักใบ อยากหาอะไรรีสกิล (แต่ติดที่ยังไม่มีเวลาว่าง ได้แค่บ่นให้เพื่อนฟัง) เพื่อนผมก็เล่าประสบการณ์ตัวเองมาบ้าง

เพื่อนผมกำลังไปได้ดีในอาชีพตัวเอง จบ ป.โท แล้ว การงานไปได้ดี เจ้านายหนุนให้ไปเรียนต่อ ป.เอก ต่างประเทศ พร้อมมีทุนให้ด้วย (ไม่ได้หนุนให้ทั้งหมด แต่ถือว่าช่วยทุ่นค่าใช้จ่ายได้เยอะพอควร) สามารถพาครอบครัวไปได้ด้วย (ตอนนั้นเพื่อนผมเพิ่งแต่งงาน) เรียกได้ว่าช่วงนั้นกราฟชีวิตพุ่งสุด ๆ เลย

ทั้งคู่พยายามมีลูก และหวังว่าลูกจะมาในช่วงที่กราฟพุ่งนี่แหละ ชีวิตจะได้ลงตัวซะที แฟนสุขภาพไม่ค่อยดี ลูกก็ติดยากหน่อย และอาจเสี่ยงแท้งได้ แต่เขาก็ไม่ลดละความพยายาม คอยหาคอนเนคชันจากเจ้านาย หมอที่ไหนในเมืองที่เขาอยู่ที่ว่าดี เขาก็พยายามไปหาให้ได้ ช่วงนั้นชีวิตจะหนักหนาแค่ไหน นอนน้อย พักผ่อนไม่พอ ต้องดูแลทั้งแฟน ทั้งเรียนไปด้วยก็ยอม ที่ผ่านมาพยายามหลายเรื่องจนเป็นสำเร็จมานักต่อนักแล้ว ก็หวังว่าเรื่องนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี

แต่แล้วฟ้าผ่ากลางใจ นัดหาหมออีกครั้งก็พบว่า แฟนไม่สามารถมีลูกได้จริง ๆ เพราะถ้ายังฝืน แฟนอาจเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต หรือถ้าคลอดก็เสี่ยงพิการ

นี่เป็นครั้งแรกที่เพื่อนผมยอมแพ้ในสิ่งที่พยายามมาตลอดครับ เขายอมให้หมอยุติการตั้งครรภ์ ปล่อยเด็กไป เพราะสงสารถ้าเขาต้องมาทรมานไปตลอดชีวิต ไว้วันหน้าฟ้าใหม่ ค่อยมีลูกก็ได้

ประกอบกับช่วงนั้น สถานการณ์บ้านเมืองในประเทศที่เขาเรียนต่อ การเมืองไม่ค่อยดีนัก ค่าครองชีพเริ่มสูงขึ้น ชนิดที่ว่าต้องเริ่มอยู่กันแบบเกือบจะอดอยาก เขาเริ่มทบทวนชีวิตแล้วว่า จะพาแฟนมาลำบากทำไมอีก แล้วจะเรียนต่อไปเพื่ออะไรอีก ในเมื่อตอนนี้หน้าที่การงานก็ไม่ได้แย่เลย เขาถึงยอมหยุดแค่นั้น พากันกลับประเทศ มาเริ่มต้นกันใหม่

บางทีชีวิตคนเรา มีจุดเปลี่ยนให้ตัดสินใจง่ายขึ้นได้จริงครับ จากตอนแรกที่ลังเล และคิดว่านี่คืออาจเป็นใบเบิกทางอีกใบก็ได้ ชีวิตคนเราอะไรก็ไม่แน่นอนจริง ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่