“ คุณหนูมัจฉา ” ชลธีจับมือของมัจฉาเอาไว้พร้อมกับหันหลังกลับไป รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนใบหน้าแต่สีหน้าและแววตาไม่ค่อยสู้ดีนัก ชลธีเดาได้ไม่ยากรับรู้ถึงความรู้สึกของมัจฉาได้เป็นอย่างดี ชลธีจับมือของมัจฉาแนบไว้ระหว่างอกพร้อมกับสวมกอด
“ แกทะเลาะกับป้าเพ็ญมาอีกแล้วใช่ไหม ” มัจฉาพยักหน้า
“ วันนี้ฉันต้องไปสมัครเรียนกับคุณนายแต่ฉันเลือกที่จะไปรายงานตัวเข้าเรียนที่วิทยาลัยประมง คุณนายโกรธฉันมาก ” ชลธีสัมผัสได้ถึงความทุกข์ภายในใจของมัจฉา เขากุมมือของมัจฉาเอาไว้ทั้งสองคนเดินจูงมือกันหยุดยืนมองกอบัวอยู่ตรงริมตลิ่ง ต้นบัวจำนวนมากเจริญเติบโตอยู่ภายในบึง กอบัวบางหย่อมกำลังออกดอก บางหย่อมดอกกำลังบานสะพรั่ง ชลธีชวนมัจฉาไปพายเรือเล่น
“ เมื่อไหร่คุณนายจะยอมฟังฉันเลิกบังคับให้ฉันทำตามที่ใจต้องการสักที ” ชลธีพยักหน้า
“ ป้าเพ็ญรู้หรือเปล่าว่าแกมาหาฉัน ” มัจฉาส่ายหน้า
“ วันนี้ฉันขอหยุดพักเรื่องของคุณนายไว้สักหนึ่งวัน ฉันเหนื่อย ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าคุณนายไม่เคยรักฉัน คุณนายรักพี่พุดคนเดียวทั้ง ๆ ที่ฉันก็เป็นหลานของคนนายเหมือนกัน ทำไมคุณนายทำกับฉันเหมือนกับฉันเป็นคนอื่น ”
“ ทำไมป้าเพ็ญจะไม่รักแกละ บางทีคนเราอาจมีวิธีการแสดงความรักที่แตกต่างกัน รักแต่ไม่แสดงออก เคยได้ยินคำนี้ไหม ”
“ อือ ”
“ แกเป็นคนที่สำคัญในชีวิตของฉัน แกเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรักรองจากแม่ แกรู้ไหมฉันทั้งรักและเป็นหวง คุณหมอชลธีรักคุณหนูมัจฉา ” ชลธีตะโกนเสียงดัง มัจฉาแอบยิ้ม
“ รักฉันทำไมไม่ให้พ่อกับแม่ยกขันหมากมาขอสักทีละ ฉันอยากย้ายบ้านมาอยู่กับแกที่นี้ ” ชลธียิ้ม
“ แกก็รู้อยู่แกใจว่าฉันชอบผู้ชาย ฉันรักแกในสถานะของเพื่อนไม่ได้รักแกในเชิงชู้สาว x bgh6w2errrrrrrrrrrrrrrrrrr
มัจฉาลุกขึ้นกระโดดลงในบ่อว่ายน้ำมาเกาะขอบเรือ
“ ไอ้มัจแกทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันตกใจหมดเลย คราวหลังแกอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ ”
ชลธีพามัจฉากลับมาเปลี่ยนเสื้อที่บ้าน ชลธีและสมรกำลังช่วยกันเตรียมอาหารเย็นอยู่ตรงระเบียงบ้าน มัจฉานั่งลง ชลธีตักข้าวใส่จานยื่นให้มัจฉา
“ วันนี้มีคะน้าหมูกรอบของชอบแกด้วย ” ชลธีตักคะน้าหมูกรอบใส่จานข้าว มัจฉายิ้มให้ชลธี
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ชลธีชวนมัจฉามานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินตรงท้ายสวน มัจฉาโน้มตัวลงนอนหนุนตักของชลธี เขาใช้มือลูบผมของมัจฉาเบา ๆ แสงสีส้มของพระอาทิตย์ค่อย ๆ เลื่อน ๆ หายไป ชลธีขับรถมาส่งมัจฉาที่บ้าน มัจฉาหยุดยืนมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าเดินอ้อมไปทางหลังบ้านไม่ต้องการเจอเพ็ญจันทร์
“ ไอ้เด็กคนนี้ดื้อจริง ๆ ฉันห้ามอะไรไม่เคยฟัง ” เพ็ญจันทร์พูดกับตนเอง
หน้าวิทยาลัยประมงในตอนเช้า นักศึกษาชายหญิงทยอยเดินเข้ามาภายในวิทยาลัย แนวต้นสนทอดยาวทั้งสองฝากทางเข้า มองเห็นลานเสาธงอยู่ไกล ๆ ระหว่างทางเดินมีคูน้ำเล็ก ๆ บรรยากาศภายในวิทยาลัยร่มรื่น มัจฉาสวมชุดช๊อปยืนรอเพื่อน ๆ อยู่ตรงศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย
“ ไอ้มัจ ! แกทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยังวะ ขอลอกกหน่อยดิ ฉันยังไม่ทำ ”
“ เสร็จแล้ววะ เชิญคุณหนูจอยลดาลอกได้ตามสบายเลยคะ ” มัจฉาเปิดกระเป๋าหยิบสมุดให้จอยลดา จอยลดารีบเปิดสมุดการบ้านของมัจฉานั่งลอกการบ้านระหว่างเพื่อนคนอื่น ๆ ที่กำลังมา
“ ใกล้ถึงเวลาเข้าแถวแล้วเมื่อไหร่ไอ้กุ้ง ไอ้อีส ไอ้เอ้ ไอ้เดซี่ คุณนายสายเสมอ ” รถเมล์จอดเทียบฟุตบาท กุ้งทิพย์ อีสรา เอกชัย และ เดซี่เดินลงมาจากรถทั้งหมดรีบวิ่งมาหามัจฉากับจอยลดาที่ศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย เสียงเพลงเคารพธงชาติดังขึ้น นักศึกษาชายหญิงเตรียมตัวทยอยกันเดินไปลานเสาธงเตรียมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติ กลุ่มของมัจฉายังนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย ทุกคนรีบวิ่งเข้ามาภายในวิทยาลัย
“ ไม่ทันแล้ว ” เสียงเพลงเคารพธงชาติเงียบลง กิจกรรมหน้าเสาธงสิ้นสุดลงกลุ่มของมัจฉายังเดินมาถึงลานเสาธง
สุปราณีย์เป็นครูประจำชั้นของมัจฉาและยังเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง ความดุและเจ้าระเบียบของสุปราณีย์เป็นที่รู้จักกันดี
“ เจ๊เบียบมาโน้นแล้ว วันนี้ไม่ใช่วันพระฉันไม่อยากฟังเทศ ” เสียงบ่นของอีตทำให้ทุกคนทำหน้าเซ็งเหมือนกับคนเบื่อโลก
“ พวกเธอทั้งหมดหยุดอยู่ตรงนั้น จัดแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง ” มัจฉาและทุกคนเคลื่อนตัวจัดแถวตามคำสั่งของสุปราณีย์ด้วยความรวดเร็ว
“ ที่บ้านไม่มีนาฬิกาหรือว่ามีแล้วไม่สนใจถึงได้มาเรียนสายกันทุกวันแบบนี้ นี่ต้องให้ครูรอจนถึงน้ำท่วมหลังเต่าก่อนใช่ไหมพวกเธอถึงได้มาเรียนตรงเวลากันได้ ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้วอย่ามัวเถลไถลอยู่อีกละ รีบเข้าโรงเรียน ”
“ รับทราบ ”
อาคารหนึ่งชั้นสองชั่วโมงเรียนวิชาชีววิทยาปลา นักศึกษาทุกคนกำลังศึกษาดูโครงกระดูกของปลาชนิดต่าง ๆ ภายในห้องเรียนมีโครงกระดูกปลาวางไว้โต๊ะจำนวนหลายสิบตัวอย่าง นักศึกษากำลังศึกดูรายละเอียดพร้อมทั้งซักถามรายละเอียดต่าง ๆ กับอาจารย์ผู้สอน มัจฉาเลือกเรียนสาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและในตอนนี้เธอกำลังวาดรูปโครงกระดูกของปลาแต่ละโต๊ะด้วยความชำนาญ กลุ่มของมัจฉาไม่กินเส้นกับกลุ่มของน้ำหวานทำให้ทั้งสองกลุ่มมีเรื่องให้ต้องกระทบกระทั่งเกือบทุกครั้งที่เจอกัน
“ เกะกะมายืนอะไรตรงนี้ ” น้ำหวานพูดกระแทกมัจฉาที่กำลังวาดรูปแต่วันนี้มัจฉาไม่สนใจในคำพูดของน้ำหวานเพราะกำลังเพลินอยู่กับการวาดรูป
“ มีทางให้เดินตั้งเยอะทำไมไม่เดิน ทำไมมาเดินทางนี้ ”
“ ฉันพอใจที่จะเดินทางนี้ แกจะทำไม ”
“ ไอ้จอย แกอย่าเสียเวลาไปพูดกับสัตว์หน้าขน สัตว์ก็คือสัตว์ไม่มีวันเข้าใจภาษามนุษย์ได้หรอก ”
“ อีมัจแกว่าใคร ”
“ ไม่ได้ว่าใครพูดลอย ๆ ” น้ำหวานโกรธมากกำลังเปิดศึกมีเรื่องกับมัจฉา สุปราณีย์เดินเข้ามาพอดีทำให้ทั้งคู่เลิกแล้วต่อกันไปพักหนึ่ง
“ ใครมีอะไรสงสัยหรือไม่เข้าใจตรงไหนบ้าง ยกมือถามครูได้นะคะ ”
“ มัจฉาค่ะอาจารย์ ” น้ำหวานตะโกนโพล่งออกมาพร้อมกับแลบลิ้นใส่มัจฉานั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ ไม่มีคำถามค่ะอาจารย์ ”
“ จ๊ะ ถ้าหากมัจมีคำถามหรือว่ามีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนถามครูได้ตลอด วันนี้พอแค่นี้ ”
โรงอาหารก่อสร้างด้วย มุงด้วยกระเบื้อง ทาสีอย่างง่าย ๆ ภายในเป็นพื้นที่โล่งกว้างมีร้านขายอาหารและเครื่องดื่มจำนวนไม่มากนักแต่เพียงพอสำหรับนักศึกษาทั้งหมดในวิทยาลัย นักศึกษาชายหญิงทยอยเดินเข้ามาภายในโรงอาหาร บรรยากาศในโรงอาหารในช่วงกลางวันมีแต่เสียงพูดคุย นักศึกษาบางกลุ่มจับกลุ่มกันนั่งกินข้าว บางกลุ่มยืนเข้าแถวรออาหารจากแม่ค้า มัจฉาพร้อมกับเพื่อน ๆ เข้ามาภายในโรงอาหารเดินไปวางสัมภาระโต๊ะประจำตรงประตูทางหลังเข้าโรงอาหาร วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของมัจฉา
“ สุขสันต์วันเกิด พวกเราขออวยพรให้แกมีความสุขมาก ๆ คิดอะไรสมปรารถนาทุกเรื่องและขอให้แกเก็บความลับไม่ให้อาจารย์สุปราณีย์รู้ความจริงได้จนกระทั่งแกเรียนจบ ” มัจฉายิ้มเพื่อนทุกคนโผเข้ากอด
“ ขอบใจพวกแกมาก ” ทุกคนพร้อมใจกันจัดงานวันเกิด เค้กถูกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แจกให้กับทุกคนจนครบ บนโต๊ะมีเครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยววางอยู่บนโต๊ะจำนวนมาก ทุกคนกำลังสนุก ความสนุกกำลังเลือนหายไปเมื่อกลุ่มของน้ำหวานเดินเข้ามา ทุกคนมองหน้ากันรับรู้ถึงการมาของน้ำหวาน
“ เมื่อตะกี้ฉันได้ยินว่า วันนี้เป็นวันตายของใคร อุ้ย ! ไม่ใช้สิ วันเกิดของใคร ”
“ วันตายของแก อีน้ำเน่า อิทังเมญตินัง โหตุ สุขิตา โหตุ ญาตะโย จงเป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรต่อกันเลย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแกพวกสัมเภวี เปรตทั้งหลายด้วยเทอญ ” มัจฉาสาดน้ำใส่หน้าน้ำหวานจนหมดแก้ว น้ำหวานร้องกรี๊ดออกมาอย่างไม่พอใจ
“ อีมัจ ! ฉันยังไม่ตายและไม่ต้องการเศษบุญจากแก ”
“ มัจ ! ใจเย็น อย่ามีเรื่องกันเลย ” กุ้งทิพย์เขย่าแขนมัจฉาเบา ๆ มัจฉาเงียบ
“ อีลูกกำพร้า อีลูกกรรมกรน้ำหน้าอย่างแกเป็นได้แค่เด็กล้างจานในร้านหมูกะทะ ขาดพ่อไร้แม่ชาตินี้คงเป็นได้แค่นี้ ” มัจฉาชกหน้าของน้ำหวานอย่างแรงจนเลือดกลบปาก น้ำหวานเอามือแตะตรงมุมปาก มัจฉายิ้มตรงมุมปาก
“ หงส์ปีกหักอย่างแกต้องโดนแบบนี้ถึงจะได้หุบปาก อีน้ำเน่า ! แกหยุดเห่าสักทีได้ไหม ฉันรำคาญเสียงของแกมาก ” มัจฉาตบหน้าน้ำหวานพร้อมทั้งเอาขนมปังยัดใส่ปากพร้อมทั้งหยิบแก้วน้ำน้ำอัดลมราดใส่หัว น้ำหวานกรี๊ดออกมาด้วยความโกรธ ในขณะที่จอยลดา กุ้งทิพย์ เดซี่ และเอกชัยช่วยมัจฉาจัดการพวกของน้ำหวาน อาหาร เครื่องดื่มที่วางไว้บนโต๊ะถูกหยิบขึ้นมาเป็นอาวุธทำร้ายฝ่ายตรงข้ามต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายไปหมด มาริษาเดินผ่านเข้ามาเหตุการณ์พอดีรีบเดินไปหาสุปราณีย์ที่ห้องปกครอง
“ อาเกิดเรื่องใหญ่แล้ว มัจฉากับน้ำหวานมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันที่โรงอาหาร ” สุปราณีย์พร้อมกับมาริษารีบเดินไปโรงอาหารในทันที ในขณะที่กลุ่มของมัจฉาและกลุ่มของน้ำหวานกำลังมีเรื่องทะเลาะกันโดยไม่ได้สังเกตว่าสุปราณีย์กับมาริษายืนมองอยู่
“ หยุดเดี๋ยวนี้ ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นมีใครอธิบายให้ครูฟังได้บ้าง ทุกคนไปพบครูที่ห้องปกครอง ” หลังจากเหตุการณ์สงบลงทุกคนไปหาสุปราณีย์ที่ห้องปกครอง บรรยากาศภายในห้องดูตึงเครียดเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ สุปราณีย์ยืนกอดอกมองลูกศิษย์ของตัวเองด้วยความไม่พอใจ
“ พอจะมีใครตอบครูได้ไหมว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเธอถึงได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ” ทุกคนเงียบไม่มีใครตอบคำถามของสุปราณีย์แม้แต่คนเดียว ความเงียบของทุกคนยิ่งทำให้สุปราณีย์โกรธ
“ มัจฉา ! ตอบครูมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”
“ อย่างที่ครูเห็นละคะ ”
“ โรงอาหารกลายเป็นสนามรบ วิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถานศึกษาไม่ใช่สถานที่ที่พวกเธอจะมายกพวกตีกันแบบนี้ พึงระลึกไว้ว่าตัวเองเป็นนักศึกษาไม่ใช่นักเลง ไอ้กุ้ยข้างถนนที่ใช้กำลังแก้ปัญหา วันพรุ่งนี้ครูขอพบผู้ปกครองของพวกเธอทุกคน ”
“ หมายความว่ายังไงคะ ” น้ำหวานเอ่ยถามสุปราณีย์เพื่อความแน่ใจ
“ หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละ วันพรุ่งนี้ครูเชิญผู้ปกครองพวกเธอทุกคนมารับทรายความประพฤติและครูขอสั่งห้ามเด็ดขาด ห้ามไปจ้างใครมาเป็นผู้ปกครองของเธอเด็ดขาด ” สุปราณีย์ยื่นจดหมายซองสีขาวให้กับทุกคน มัจฉาถอนหายใจกังวลใจกลัวสุปราณีย์โทรไปบอกเพ็ญจันทร์
“ ไอ้มัจ ! แกซวยแล้ว ความลับของแก นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้มันจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เรื่องในวันนี้ถ้าหากป้าของแกรู้เข้ารับรองงานนี้แกตายเป็นผีโดยไม่เผากลายเป็นผีไม่มีหลุมแน่นอน ”
“ ฉันจะให้คุณนายรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดถ้าไม่อย่างนั้นฉันกลับไปโดนไม้เรียวแน่ ” มัจฉาถึงหวั่นใจกังวลอยู่เหมือนกันกลัวเพ็ญจันทร์จะรู้เรื่อง มาริษาเดินมาหามัจฉาพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล
“ เป็นไงบ้างไอ้น้องรัก มีเรื่องไม่เว้นวันเลยนะ พี่ซื้อยามาให้ นั่งลงก่อนสิพี่ทำแผลให้ ”
“ แผลเล็กนิดเดียวเองไม่เห็นต้องซื้อยามาให้มัจเลยเปลืองเงินเปล่า ๆ ”
“ มัจจะจัดการปัญหาในวันนี้ยังไง รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องแบบนี้ป้าเพ็ญชอบยังจะทำอีกแล้ววันพรุ่งนี้มัจจะเอาใครมาเป็นผู้ปกครอง ”
“ มัจคงให้เข้มกับไอ้เบิ้มปลอมตัวเป็นผู้ปกครอง ครูสุจะได้ไม่สงสัยเพราะวันรายงานตัวมัจให้สองคนนั้นเป็นผู้ปกครองของมัจ ”
“ เจอกันที่บ้าน วันนี้พี่มีนัดกับพุด ”
“ มัจฝากจดหมายเชิญผู้ปกครองทิ้งลงถังขยะด้วยแล้วกัน วันนี้มีนัดอาจจะกลับค่ำหน่อย เจอกันที่บ้านนะคะพี่ษา ”
ชลธียืนรอก้องภพอยู่หน้าห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ก้องภพเป็นแฟนของชลธีทั้งคู่คบกันตั้งแต่เรียนมัธยมต้น ชลธีรักผู้ชายคนนี้มากทั้ง ๆ ก้องภพนิสัยไม่ดีสักเท่าไหร่ มัจฉาเคยเตือนให้ชลธีแต่เขาไม่เชื่ออยากที่มัจฉาบอก เพื่อน ๆ ของชลธีทุกคนไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วชลธีเป็นเกย์มีรสนิยมรักเพศเดียวกันมีเพียงมัจฉาคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
“ เลิกเรียนแล้ววันนี้เราไปดูกันไหม ”
“ วันนี้ฉันมีนัดกับมัจฉา ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ”
“ อีนางทอม อีนางมารขัดความสุข ” ก้องภพบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ เธอพูดว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยินไม้ถนัด ”
“ ฉันบอกว่า ตามสบายเลย เราค่อยไปวันหลังกันก็ได้ ”
“ ขอบใจมากนะก้อง ฉันขอตัวก่อน ” ก้องภพเป็นไม้เบื่อไม้เมากับมัจฉาทั้งสองคนไม่ถูกกันเอาเสียเลยต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งเป็นมิตรที่ดีต่อกันแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนกับหมา
เจ๊นุชลำซิ่งร้านอาหารอีสานประจำหมู่บ้านตั้งอยู่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน เข้ม
กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 1 ( ต่อ )
“ แกทะเลาะกับป้าเพ็ญมาอีกแล้วใช่ไหม ” มัจฉาพยักหน้า
“ วันนี้ฉันต้องไปสมัครเรียนกับคุณนายแต่ฉันเลือกที่จะไปรายงานตัวเข้าเรียนที่วิทยาลัยประมง คุณนายโกรธฉันมาก ” ชลธีสัมผัสได้ถึงความทุกข์ภายในใจของมัจฉา เขากุมมือของมัจฉาเอาไว้ทั้งสองคนเดินจูงมือกันหยุดยืนมองกอบัวอยู่ตรงริมตลิ่ง ต้นบัวจำนวนมากเจริญเติบโตอยู่ภายในบึง กอบัวบางหย่อมกำลังออกดอก บางหย่อมดอกกำลังบานสะพรั่ง ชลธีชวนมัจฉาไปพายเรือเล่น
“ เมื่อไหร่คุณนายจะยอมฟังฉันเลิกบังคับให้ฉันทำตามที่ใจต้องการสักที ” ชลธีพยักหน้า
“ ป้าเพ็ญรู้หรือเปล่าว่าแกมาหาฉัน ” มัจฉาส่ายหน้า
“ วันนี้ฉันขอหยุดพักเรื่องของคุณนายไว้สักหนึ่งวัน ฉันเหนื่อย ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าคุณนายไม่เคยรักฉัน คุณนายรักพี่พุดคนเดียวทั้ง ๆ ที่ฉันก็เป็นหลานของคนนายเหมือนกัน ทำไมคุณนายทำกับฉันเหมือนกับฉันเป็นคนอื่น ”
“ ทำไมป้าเพ็ญจะไม่รักแกละ บางทีคนเราอาจมีวิธีการแสดงความรักที่แตกต่างกัน รักแต่ไม่แสดงออก เคยได้ยินคำนี้ไหม ”
“ อือ ”
“ แกเป็นคนที่สำคัญในชีวิตของฉัน แกเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรักรองจากแม่ แกรู้ไหมฉันทั้งรักและเป็นหวง คุณหมอชลธีรักคุณหนูมัจฉา ” ชลธีตะโกนเสียงดัง มัจฉาแอบยิ้ม
“ รักฉันทำไมไม่ให้พ่อกับแม่ยกขันหมากมาขอสักทีละ ฉันอยากย้ายบ้านมาอยู่กับแกที่นี้ ” ชลธียิ้ม
“ แกก็รู้อยู่แกใจว่าฉันชอบผู้ชาย ฉันรักแกในสถานะของเพื่อนไม่ได้รักแกในเชิงชู้สาว x bgh6w2errrrrrrrrrrrrrrrrrr
มัจฉาลุกขึ้นกระโดดลงในบ่อว่ายน้ำมาเกาะขอบเรือ
“ ไอ้มัจแกทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันตกใจหมดเลย คราวหลังแกอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ ”
ชลธีพามัจฉากลับมาเปลี่ยนเสื้อที่บ้าน ชลธีและสมรกำลังช่วยกันเตรียมอาหารเย็นอยู่ตรงระเบียงบ้าน มัจฉานั่งลง ชลธีตักข้าวใส่จานยื่นให้มัจฉา
“ วันนี้มีคะน้าหมูกรอบของชอบแกด้วย ” ชลธีตักคะน้าหมูกรอบใส่จานข้าว มัจฉายิ้มให้ชลธี
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ชลธีชวนมัจฉามานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินตรงท้ายสวน มัจฉาโน้มตัวลงนอนหนุนตักของชลธี เขาใช้มือลูบผมของมัจฉาเบา ๆ แสงสีส้มของพระอาทิตย์ค่อย ๆ เลื่อน ๆ หายไป ชลธีขับรถมาส่งมัจฉาที่บ้าน มัจฉาหยุดยืนมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าเดินอ้อมไปทางหลังบ้านไม่ต้องการเจอเพ็ญจันทร์
“ ไอ้เด็กคนนี้ดื้อจริง ๆ ฉันห้ามอะไรไม่เคยฟัง ” เพ็ญจันทร์พูดกับตนเอง
หน้าวิทยาลัยประมงในตอนเช้า นักศึกษาชายหญิงทยอยเดินเข้ามาภายในวิทยาลัย แนวต้นสนทอดยาวทั้งสองฝากทางเข้า มองเห็นลานเสาธงอยู่ไกล ๆ ระหว่างทางเดินมีคูน้ำเล็ก ๆ บรรยากาศภายในวิทยาลัยร่มรื่น มัจฉาสวมชุดช๊อปยืนรอเพื่อน ๆ อยู่ตรงศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย
“ ไอ้มัจ ! แกทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยังวะ ขอลอกกหน่อยดิ ฉันยังไม่ทำ ”
“ เสร็จแล้ววะ เชิญคุณหนูจอยลดาลอกได้ตามสบายเลยคะ ” มัจฉาเปิดกระเป๋าหยิบสมุดให้จอยลดา จอยลดารีบเปิดสมุดการบ้านของมัจฉานั่งลอกการบ้านระหว่างเพื่อนคนอื่น ๆ ที่กำลังมา
“ ใกล้ถึงเวลาเข้าแถวแล้วเมื่อไหร่ไอ้กุ้ง ไอ้อีส ไอ้เอ้ ไอ้เดซี่ คุณนายสายเสมอ ” รถเมล์จอดเทียบฟุตบาท กุ้งทิพย์ อีสรา เอกชัย และ เดซี่เดินลงมาจากรถทั้งหมดรีบวิ่งมาหามัจฉากับจอยลดาที่ศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย เสียงเพลงเคารพธงชาติดังขึ้น นักศึกษาชายหญิงเตรียมตัวทยอยกันเดินไปลานเสาธงเตรียมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติ กลุ่มของมัจฉายังนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย ทุกคนรีบวิ่งเข้ามาภายในวิทยาลัย
“ ไม่ทันแล้ว ” เสียงเพลงเคารพธงชาติเงียบลง กิจกรรมหน้าเสาธงสิ้นสุดลงกลุ่มของมัจฉายังเดินมาถึงลานเสาธง
สุปราณีย์เป็นครูประจำชั้นของมัจฉาและยังเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง ความดุและเจ้าระเบียบของสุปราณีย์เป็นที่รู้จักกันดี
“ เจ๊เบียบมาโน้นแล้ว วันนี้ไม่ใช่วันพระฉันไม่อยากฟังเทศ ” เสียงบ่นของอีตทำให้ทุกคนทำหน้าเซ็งเหมือนกับคนเบื่อโลก
“ พวกเธอทั้งหมดหยุดอยู่ตรงนั้น จัดแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง ” มัจฉาและทุกคนเคลื่อนตัวจัดแถวตามคำสั่งของสุปราณีย์ด้วยความรวดเร็ว
“ ที่บ้านไม่มีนาฬิกาหรือว่ามีแล้วไม่สนใจถึงได้มาเรียนสายกันทุกวันแบบนี้ นี่ต้องให้ครูรอจนถึงน้ำท่วมหลังเต่าก่อนใช่ไหมพวกเธอถึงได้มาเรียนตรงเวลากันได้ ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้วอย่ามัวเถลไถลอยู่อีกละ รีบเข้าโรงเรียน ”
“ รับทราบ ”
อาคารหนึ่งชั้นสองชั่วโมงเรียนวิชาชีววิทยาปลา นักศึกษาทุกคนกำลังศึกษาดูโครงกระดูกของปลาชนิดต่าง ๆ ภายในห้องเรียนมีโครงกระดูกปลาวางไว้โต๊ะจำนวนหลายสิบตัวอย่าง นักศึกษากำลังศึกดูรายละเอียดพร้อมทั้งซักถามรายละเอียดต่าง ๆ กับอาจารย์ผู้สอน มัจฉาเลือกเรียนสาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและในตอนนี้เธอกำลังวาดรูปโครงกระดูกของปลาแต่ละโต๊ะด้วยความชำนาญ กลุ่มของมัจฉาไม่กินเส้นกับกลุ่มของน้ำหวานทำให้ทั้งสองกลุ่มมีเรื่องให้ต้องกระทบกระทั่งเกือบทุกครั้งที่เจอกัน
“ เกะกะมายืนอะไรตรงนี้ ” น้ำหวานพูดกระแทกมัจฉาที่กำลังวาดรูปแต่วันนี้มัจฉาไม่สนใจในคำพูดของน้ำหวานเพราะกำลังเพลินอยู่กับการวาดรูป
“ มีทางให้เดินตั้งเยอะทำไมไม่เดิน ทำไมมาเดินทางนี้ ”
“ ฉันพอใจที่จะเดินทางนี้ แกจะทำไม ”
“ ไอ้จอย แกอย่าเสียเวลาไปพูดกับสัตว์หน้าขน สัตว์ก็คือสัตว์ไม่มีวันเข้าใจภาษามนุษย์ได้หรอก ”
“ อีมัจแกว่าใคร ”
“ ไม่ได้ว่าใครพูดลอย ๆ ” น้ำหวานโกรธมากกำลังเปิดศึกมีเรื่องกับมัจฉา สุปราณีย์เดินเข้ามาพอดีทำให้ทั้งคู่เลิกแล้วต่อกันไปพักหนึ่ง
“ ใครมีอะไรสงสัยหรือไม่เข้าใจตรงไหนบ้าง ยกมือถามครูได้นะคะ ”
“ มัจฉาค่ะอาจารย์ ” น้ำหวานตะโกนโพล่งออกมาพร้อมกับแลบลิ้นใส่มัจฉานั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ ไม่มีคำถามค่ะอาจารย์ ”
“ จ๊ะ ถ้าหากมัจมีคำถามหรือว่ามีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนถามครูได้ตลอด วันนี้พอแค่นี้ ”
โรงอาหารก่อสร้างด้วย มุงด้วยกระเบื้อง ทาสีอย่างง่าย ๆ ภายในเป็นพื้นที่โล่งกว้างมีร้านขายอาหารและเครื่องดื่มจำนวนไม่มากนักแต่เพียงพอสำหรับนักศึกษาทั้งหมดในวิทยาลัย นักศึกษาชายหญิงทยอยเดินเข้ามาภายในโรงอาหาร บรรยากาศในโรงอาหารในช่วงกลางวันมีแต่เสียงพูดคุย นักศึกษาบางกลุ่มจับกลุ่มกันนั่งกินข้าว บางกลุ่มยืนเข้าแถวรออาหารจากแม่ค้า มัจฉาพร้อมกับเพื่อน ๆ เข้ามาภายในโรงอาหารเดินไปวางสัมภาระโต๊ะประจำตรงประตูทางหลังเข้าโรงอาหาร วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของมัจฉา
“ สุขสันต์วันเกิด พวกเราขออวยพรให้แกมีความสุขมาก ๆ คิดอะไรสมปรารถนาทุกเรื่องและขอให้แกเก็บความลับไม่ให้อาจารย์สุปราณีย์รู้ความจริงได้จนกระทั่งแกเรียนจบ ” มัจฉายิ้มเพื่อนทุกคนโผเข้ากอด
“ ขอบใจพวกแกมาก ” ทุกคนพร้อมใจกันจัดงานวันเกิด เค้กถูกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แจกให้กับทุกคนจนครบ บนโต๊ะมีเครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยววางอยู่บนโต๊ะจำนวนมาก ทุกคนกำลังสนุก ความสนุกกำลังเลือนหายไปเมื่อกลุ่มของน้ำหวานเดินเข้ามา ทุกคนมองหน้ากันรับรู้ถึงการมาของน้ำหวาน
“ เมื่อตะกี้ฉันได้ยินว่า วันนี้เป็นวันตายของใคร อุ้ย ! ไม่ใช้สิ วันเกิดของใคร ”
“ วันตายของแก อีน้ำเน่า อิทังเมญตินัง โหตุ สุขิตา โหตุ ญาตะโย จงเป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรต่อกันเลย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแกพวกสัมเภวี เปรตทั้งหลายด้วยเทอญ ” มัจฉาสาดน้ำใส่หน้าน้ำหวานจนหมดแก้ว น้ำหวานร้องกรี๊ดออกมาอย่างไม่พอใจ
“ อีมัจ ! ฉันยังไม่ตายและไม่ต้องการเศษบุญจากแก ”
“ มัจ ! ใจเย็น อย่ามีเรื่องกันเลย ” กุ้งทิพย์เขย่าแขนมัจฉาเบา ๆ มัจฉาเงียบ
“ อีลูกกำพร้า อีลูกกรรมกรน้ำหน้าอย่างแกเป็นได้แค่เด็กล้างจานในร้านหมูกะทะ ขาดพ่อไร้แม่ชาตินี้คงเป็นได้แค่นี้ ” มัจฉาชกหน้าของน้ำหวานอย่างแรงจนเลือดกลบปาก น้ำหวานเอามือแตะตรงมุมปาก มัจฉายิ้มตรงมุมปาก
“ หงส์ปีกหักอย่างแกต้องโดนแบบนี้ถึงจะได้หุบปาก อีน้ำเน่า ! แกหยุดเห่าสักทีได้ไหม ฉันรำคาญเสียงของแกมาก ” มัจฉาตบหน้าน้ำหวานพร้อมทั้งเอาขนมปังยัดใส่ปากพร้อมทั้งหยิบแก้วน้ำน้ำอัดลมราดใส่หัว น้ำหวานกรี๊ดออกมาด้วยความโกรธ ในขณะที่จอยลดา กุ้งทิพย์ เดซี่ และเอกชัยช่วยมัจฉาจัดการพวกของน้ำหวาน อาหาร เครื่องดื่มที่วางไว้บนโต๊ะถูกหยิบขึ้นมาเป็นอาวุธทำร้ายฝ่ายตรงข้ามต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายไปหมด มาริษาเดินผ่านเข้ามาเหตุการณ์พอดีรีบเดินไปหาสุปราณีย์ที่ห้องปกครอง
“ อาเกิดเรื่องใหญ่แล้ว มัจฉากับน้ำหวานมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันที่โรงอาหาร ” สุปราณีย์พร้อมกับมาริษารีบเดินไปโรงอาหารในทันที ในขณะที่กลุ่มของมัจฉาและกลุ่มของน้ำหวานกำลังมีเรื่องทะเลาะกันโดยไม่ได้สังเกตว่าสุปราณีย์กับมาริษายืนมองอยู่
“ หยุดเดี๋ยวนี้ ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นมีใครอธิบายให้ครูฟังได้บ้าง ทุกคนไปพบครูที่ห้องปกครอง ” หลังจากเหตุการณ์สงบลงทุกคนไปหาสุปราณีย์ที่ห้องปกครอง บรรยากาศภายในห้องดูตึงเครียดเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ สุปราณีย์ยืนกอดอกมองลูกศิษย์ของตัวเองด้วยความไม่พอใจ
“ พอจะมีใครตอบครูได้ไหมว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเธอถึงได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ” ทุกคนเงียบไม่มีใครตอบคำถามของสุปราณีย์แม้แต่คนเดียว ความเงียบของทุกคนยิ่งทำให้สุปราณีย์โกรธ
“ มัจฉา ! ตอบครูมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”
“ อย่างที่ครูเห็นละคะ ”
“ โรงอาหารกลายเป็นสนามรบ วิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถานศึกษาไม่ใช่สถานที่ที่พวกเธอจะมายกพวกตีกันแบบนี้ พึงระลึกไว้ว่าตัวเองเป็นนักศึกษาไม่ใช่นักเลง ไอ้กุ้ยข้างถนนที่ใช้กำลังแก้ปัญหา วันพรุ่งนี้ครูขอพบผู้ปกครองของพวกเธอทุกคน ”
“ หมายความว่ายังไงคะ ” น้ำหวานเอ่ยถามสุปราณีย์เพื่อความแน่ใจ
“ หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละ วันพรุ่งนี้ครูเชิญผู้ปกครองพวกเธอทุกคนมารับทรายความประพฤติและครูขอสั่งห้ามเด็ดขาด ห้ามไปจ้างใครมาเป็นผู้ปกครองของเธอเด็ดขาด ” สุปราณีย์ยื่นจดหมายซองสีขาวให้กับทุกคน มัจฉาถอนหายใจกังวลใจกลัวสุปราณีย์โทรไปบอกเพ็ญจันทร์
“ ไอ้มัจ ! แกซวยแล้ว ความลับของแก นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้มันจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เรื่องในวันนี้ถ้าหากป้าของแกรู้เข้ารับรองงานนี้แกตายเป็นผีโดยไม่เผากลายเป็นผีไม่มีหลุมแน่นอน ”
“ ฉันจะให้คุณนายรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดถ้าไม่อย่างนั้นฉันกลับไปโดนไม้เรียวแน่ ” มัจฉาถึงหวั่นใจกังวลอยู่เหมือนกันกลัวเพ็ญจันทร์จะรู้เรื่อง มาริษาเดินมาหามัจฉาพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล
“ เป็นไงบ้างไอ้น้องรัก มีเรื่องไม่เว้นวันเลยนะ พี่ซื้อยามาให้ นั่งลงก่อนสิพี่ทำแผลให้ ”
“ แผลเล็กนิดเดียวเองไม่เห็นต้องซื้อยามาให้มัจเลยเปลืองเงินเปล่า ๆ ”
“ มัจจะจัดการปัญหาในวันนี้ยังไง รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องแบบนี้ป้าเพ็ญชอบยังจะทำอีกแล้ววันพรุ่งนี้มัจจะเอาใครมาเป็นผู้ปกครอง ”
“ มัจคงให้เข้มกับไอ้เบิ้มปลอมตัวเป็นผู้ปกครอง ครูสุจะได้ไม่สงสัยเพราะวันรายงานตัวมัจให้สองคนนั้นเป็นผู้ปกครองของมัจ ”
“ เจอกันที่บ้าน วันนี้พี่มีนัดกับพุด ”
“ มัจฝากจดหมายเชิญผู้ปกครองทิ้งลงถังขยะด้วยแล้วกัน วันนี้มีนัดอาจจะกลับค่ำหน่อย เจอกันที่บ้านนะคะพี่ษา ”
ชลธียืนรอก้องภพอยู่หน้าห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ก้องภพเป็นแฟนของชลธีทั้งคู่คบกันตั้งแต่เรียนมัธยมต้น ชลธีรักผู้ชายคนนี้มากทั้ง ๆ ก้องภพนิสัยไม่ดีสักเท่าไหร่ มัจฉาเคยเตือนให้ชลธีแต่เขาไม่เชื่ออยากที่มัจฉาบอก เพื่อน ๆ ของชลธีทุกคนไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วชลธีเป็นเกย์มีรสนิยมรักเพศเดียวกันมีเพียงมัจฉาคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
“ เลิกเรียนแล้ววันนี้เราไปดูกันไหม ”
“ วันนี้ฉันมีนัดกับมัจฉา ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ”
“ อีนางทอม อีนางมารขัดความสุข ” ก้องภพบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ เธอพูดว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยินไม้ถนัด ”
“ ฉันบอกว่า ตามสบายเลย เราค่อยไปวันหลังกันก็ได้ ”
“ ขอบใจมากนะก้อง ฉันขอตัวก่อน ” ก้องภพเป็นไม้เบื่อไม้เมากับมัจฉาทั้งสองคนไม่ถูกกันเอาเสียเลยต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งเป็นมิตรที่ดีต่อกันแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนกับหมา
เจ๊นุชลำซิ่งร้านอาหารอีสานประจำหมู่บ้านตั้งอยู่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน เข้ม