ความคาใจของชายคนหนึ่ง เรื่องเพศในเด็ก และ 18+ ก่อนวัยอันควร

เห็นหนัง"แฟนฉัน" ย้อนกลับมาฮือฮากันอีกครั้ง แล้วก็นึกย้อนไปถึงตัวเองในวัยเดียวกัน ซึ่งก็ต้องบอกว่า ตัวผมเองเป็นคนเจ็นไล่ๆกับตัวละครในเรื่องก็ว่าได้ ผ่านมาทั้งตุ๊กตุ่น โดดยาง ขี่จักรยานห้อยถุงน้ำอัดลม แบบนั้นเป๊ะมาก ที่เรียกว่าเหมือนจนน่าตกใจคือ การเล่นกำลังภายใน 
แต่  นี่ไม่ใช่กระทู้ย้อนวัยให้สดใส มันคือ กระทู้ตราบาปในใจ กับเรื่องเพศในวัยเด็กที่ จะเรียกว่าถูกคุกคามก็ว่าได้ ซึ่ง น่ากลัว และใกล้ตัวกว่าที่คิด

เรื่องมันมีอยู่ว่า บ้านที่ผมเกิดและเติบโตในวัยเด็กนั้น ก็เป็นย่านอาคารพาณัชย์ในหมู่บ้านเอกชนแห่งหนึ่ง ชานกรุงเทพมหานคร ซึ่งในช่วงนั้น หมู่บ้านจัดสรรกำลังงอกงามเป็นอย่างมาก ซึ่งที่บ้านชั้นล่างผมให้คนเช่าทำเป็นร้านขายของ โดยคนที่เช่าก็คือคนจากญาติห่างๆของคนงานที่บ้านแม่ เรียกง่ายๆว่า ที่บ้านจ่างจังหวัดมีคนงานทำงานด้วยเยอะ ใครที่ไม่อยากทำงานเกษตรก็ส่งมาเรียนตัดเย็บ เรียนวิชาชีพที่กรุง และ มีร้านขายของที่ทางบ้านช่วยให้ประกอบกิจการนี่แหละช่วยจุนเจือ

ประเด็นไม่ใช่ตรงนั้นครับ ประเด็นคือ ในละแวกอาคารพาณิชย์นี้ ก็มีหลังติดกัน ซึ่งมีเด็กหญิงหน้าหมวยแต่ตากลมแป๋วแหวว อายุพี่สาวคนนี้โตกว่าผมประมาณ 2 ปี ที่บ้านเธอทำร้านซักผ้าแบบหยอดเหรียญ ซึ่งในยุคน้นนับว่าล้ำสมัยมากๆ และมีลูกค้ามามากมาย โดยลูกค้าส่วนใหญ่คือ ลูกค้าจากห้องเช่าและอพาร์ทเมนท์ฝั่งตรงข้าม ซึ่งโดยปกติเธอก็จะนั่งเล่นอยู่ชั้นล่าง ในขณะที่ผม จะออกไปวิ่งเล่นข้างนอกกับเพื่อนผู้ชายเสียมากกว่า เราเห็นหน้าเห็นตากันแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เกิด วันเกิดก็ทักทาย คุยกันได้ เล่นกันบ้าง แต่ด้วยความเป็นเด็กชอลิ้วเฮียง และพี่เค้าก็ไม่ได้สนใจจะเป็นไชมึ้ง ก็แน่นอนว่าผมก็ไม่ได้อยากเล่นด้วย พี่เค้าขี่จักรยานไม่เป็นเพราะที่บ้านไม่อยากให้ขี่กลัวอันตรายจากรถ ดังนั้นเค้าจะไม่มีทางได้ผจญภัยไปในหมู่บ้านกับพวกผม สิ่งที่พี่เค้าเล่นก็คือ ตุ๊กตา เห็นแบบนี้มาตลอด

ไม่จนตรอกจริงๆ เพื่อนไม่หายจริงๆ ก็ไม่เล่นด้วยหรอก ถึงจะไม่มีเพื่อนจริงๆก็ชอบหนีปิดบ้านเล่นเกมส์กดมากกว่า ในยุคนั้น เกมส์กดเริ่มเข้ามาแล้ว 

จนวันนึง ตอนนั้นอยู่ประมาณ ชั้นประถม 3-4 ได้ จำไม่ได้ว่าเหตุการณ์อะไรทำให้เพื่อนๆในซอยตอนปิดเทอมหายไปหมด เหมือนกับว่า โรงเรียนปิดเทอมไม่พร้อมกัน เหลือผมนั่งเล่นเกมส์คาวบอยสีเหลือง กดยิงปิ้วๆๆๆ อยู่ชั้นล่างที่ร้านขายของ  พี่สาวข้างบ้านซึ่งโตกว่าสองปีได้ ก็เดินมาเพื่อซื้อน้ำหวาน น้ำแดง น้ำส้มขวดเล็กๆ 2-3 บาทนั่นแหละครับ แล้วพี่เค้าก็ถามว่า ไม่ไปเล่นไหนหรอ? ผมก็บอกว่า พวกคนอื่นๆไม่อยู่
"ไปเล่นกันมั้ย เอาเกมไปก็ได้เดี๋ยวเล่นด้วยกัน" พี่สาวตาแป๋วที่น่าจะอายุ ๅจ -;[ =;oz,
ผมตอบรับคำชวนไปเล่นด้วยกัน พี่เค้าก็จูงมือเดินตามกันไป เข้าร้านซักอบรีด ผ่านเครื่องซักผ้าที่หมุนกึงๆๆ ผ่านพี่แม่บ้านที่ทักทายผม ขึ้นบ้านชั้นบนสุดไป เป็นห้องนอนปิดม่านเงียบๆ สงบ ร้อนอบอ้าวนิดๆจากแดดที่สาดมาจนบ่ายคล้อยแล้ว

ซึ่งในห้องเป็นห้องนอนใหญ่ เตียงใหญ่ น่าจะเป็นห้องนอนของลุงกับป้ามากกว่า เพราะ พี่เค้าเดินไปห้องตัวเอง ไปหยิบตุ๊กตามาเยอะแยะ วางบนเตียงแล้วชวนขึ้นไปนั่ง โดยผมก็ยังคงนั่งกดเกมส์คาวบอยยิงอย่างสนุกสนาน พี่เค้าก็ถามว่าเล่นอะไร เล่นยังไง ขอเล่นบ้างสิ ผมก็ให้เล่นสลับกันซึ่งแน่นอนครับ คาแร็คเตอร์แบบนี้ เล่นเกมส์ไม่ได้เรื่อง เล่นกี่ทีก็ตาย แพ้ ดวลปืนโดนยิงตายท่าเดียว ผมนี่ชักไม่สนุกละ แต่พี่เค้าเกิดมีไอเดียว่า
"งั้นเราเล่นพ่อแม่ลูกกัน ให้เธอเป็นพ่อ เป็นนายอำเภอนะ ออกไปทำงานก็ไปยิงปราบผู้ร้าย"

แรกๆก็เล่นไปขำๆครับ เอาผ้าห่มมาทำเป็นกระโจม มุดเข้าไปเป็นบ้าน มีตุ๊กตาเป็นสัตว์เลี้ยมากมาย พอออกมาเล่นเกมส์ได้หนึ่งเกมส์ ระหว่างนั้นเธอก็จะทำท่าเตรียมอาหาร เลี้ยงสัตว์ แล้วคอยกำกับเวลาว่า เย็นแล้วนะ มืดแล้วนะ กลับมาบ้านได้ มีเอาหมอนข้างมาขี่เป็นม้ากัน ซึ่งก็ขี่แล้วซ้อนกันไป ล้มกลิ้งหัวเราะกันสนุกสนาน

ก็เป็นจังหวะที่แอร์(สมัยนั้น) กำลังจะเริ่มเย็น การมุดเข้ามุดออกกระโจมบ้านปลอมในห้องนอนชั้นบนสุดของตึกแถว มันทำให้เหงื่อท่วมตัวกันทั้งสองคน จนรู้สึกว่าเสื้อเปียกเลยแหละครับ
"เราอาบน้ำกัน" พี่สาวบอก พร้อมกับลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าจนหมด แล้วไปยืนอังตัวรับแอร์เย็นๆที่เป่ามา พร้อมกับเรียกผมให้ไปอาบด้วยกัน มโนว่า นั่นคือลำธารน้ำ ตอนแรกผมก็เขินอายครับ ไปยืนเฉยๆ พี่เค้าก็บอกว่า อาบน้ำจะใส่เสื้อผ้าได้ยังไง จับแก้ผ้าจนหมดเลย ยืนหนีบเขินอายเอามือปิดไว้ ซึ่งพี่สาวจอมแสบก็ทำท่าอาบน้ำถูตัวกัน แล้วก็หยิบหมอนข้างมา "ขี่ม้ากลับบ้านกัน" ก็ขี่ม้าซ้อนกันไป กุบกับๆๆ
พอถึงบ้าน จะแต่งตัว พี่เค้าก็บอกว่า มาแต่งตัวในบ้านซี่ แล้วพามุดเข้ากระโจมไป

"เล่นพ่อแม่ลูกกันตอนนอนด้วยนะ" เธอบอกตอนพาผมมุดเข้ากระโจม จับให้นอนลงทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าซักชิ้น พี่เค้าก็เช่นกัน ได้แต่งงว่า อะไร ยังไงน่ะ ก็จะเข้านอนตามปกติแล้วเดี๋ยวก็เช้า ตื่นมาออกไปเล่นเกมส์ยิงรึเปล่า
"เล่นเป็นพ่อต้องทำยังงี้ด้วยนะ" แล้วพี่เค้าก็เอามือผมไปจับตรงน้องสาวเค้า พร้อมกับเอาหน้าจับมาหอม เอาปากมาประกบกัน

ตอนนั้นงงมากๆ คือ อะไร ยังไง  แล้วพี่เค้าก็บอกให้ขึ้นไปนอนทับบนตัวเค้าทั้งที่ไม่ได้นุ่งผ้านั่นแหละครับ ให้"ตรงนั้น" มันพอดีกัน พี่เค้าจัดแจงบอกว่า ให้มัน"พอดี"กันนั่นแหละ แล้วบอกให้ทำจิ้มๆไปเรื่อยๆ 

ตอนนั้นผมสาบานว่า ไม่รู้เรื่องราวประสีประสาอะไรนะครับ รู้แต่ว่า มันนิ่มๆ เพลินๆดี และ เจ้าหนอนน้อยมันก็เกิดตื่นขึ้นมา!! ตอนนั้นยังเข้าใจว่านกกระสาคาบเด็กมาจากขั้วโลกเหนืออยู่เลย แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ลืมสนใจเกมส์คาวบอยไปได้ครับ เพราะมันก็ จั๊กกะจี้ เพลินๆดี พี่เค้าก็ขยับให้มันพอดีกัน แต่ด้วยความเป็นเด็กมันก็ไม่ได้สอดใส่เข้าไปหรอก ก็แค่ แปะกันพอดี เรียกว่า ต่อจิ๊กซอว์พอดีแต่ไม่กดให้ลงล็อค หรื ต่อเลโก้พอดีเป๊ะแค่ยังไม่ประกบนั่นแหละครับ เข้าใจตรงกัน

จิ้มๆยักแย่ยักยันอยู่แบบนั้นพักนึงพี่เค้าก็บอกว่า ให้นอนหลับได้ แล้วก็ทำเสียงไก่ขัน ตื่นเช้า ไปทำงาน ขี่ม้า ไปยิ่งปืนต่อ แล้วก็วนกลับมากลางคืน ไม่แก้ผ้าอาบน้ำ ก็มุดกระโจมประกอบกิจพ่อแม่กันอยู่แบบนั้นครับ ไม่มีอะไรเกินเลยเพิ่มเติม จนแม่บ้านของบ้านพี่เค้ามาเคาะเรียกว่าจะเย็นแล้ว ให้เตรียมตัวกินข้าวได้แล้ว 

ถือว่าจบไปครับ แยกย้าย กลับบ้านใครบ้านมัน

วันรุ่งขึ้น พี่เค้าก็มาชวนไปเล่นอีกแต่เช้าเลย พ่อแม่ออกไปทำงานแล้ว สายๆหน่อยก็มาชวนไปเล่นกันอีก ซึ่งผมก็ไปแต่โดยดี เรียกว่าสมยอมโดยละม่อมก็ว่าได้

เล่นเหมือนเดิมครับ
แต่วันนี้ มีสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น เพราะ ในการประกอบกิจกรรมยามค่ำคืนของนายอำเภอที่มีคู่รักเป็นสาวชาวไร่ จู่ๆพี่เค้าก็บอกให้ผมนอนหงาย แล้วก็มาทำท่าเล่นกับหนอนน้อยที่ตอนนั้นก็ตั้งแหน่วเพราะเพิ่งไปจิ้มๆไชๆของดีมา ตอนนั้นไม่รู้ไม่คิดอะไรครับ จู่ๆพี่เค้าก็งับเข้าไปในปากเลย แทบจะดิ้นพรวดออกมาเพราะมันจั๊กกะจี้มากๆ แต่พี่เค้าก็บอกให้นอนนิ่งๆสิ  ผมจำดีเทลไม่ได้หรอกว่าพี่เค้าทำยังไงบ้าง รู้แต่ว่าในหัวตอนนั้นก็คิดว่า
"เพลินดีนะ" กำลังเคลิ้มๆเพลินๆพี่ก็บอกให้มานอนทับตัวอีก ซึ่งอีรอบนี้ มันแปลกครับ ตรงที่ไอ้ตัวผมก็พยายามจิ้มๆดันๆให้ตัวเองรู้สึกสบายไปด้วย แถมมันก็ลื่นๆไปมา ไม่รู้ว่าจากน้ำลายหรืออะไร
แต่ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า เด็กน้อยคนนี้ในตอนนั้น ไม่รู้หรอกครับว่า จิ๊มิ มันมีทางเข้า ก็เข้าใจว่า มันมีร่องเหมือนก้น แล้วก็ฉี่ได้แค่นั้นแหละ ดังนั้น ไม่ได้มีความพยายามในการสอดใส่ใดๆทั้งสิ้น อย่างมากก็ จับหนอนแข็งความยาวประมาณไม้ขีดไปฟ จิ้มๆเข้าไป ปลิ้นไปปลิ้นมา แล้วพอมันยิ่งลื่น มันก็ยิ่งจัก๊กกะจี้

จริงๆเรื่องมาถึงตรงนี้ ก็ถือว่าน่าใจหายมากๆแล้วครับ แต่ มันยังไม่จบเท่านั้นหรอกครับ เพราะ ตลอดสองสัปดาห์จากนั้นที่ผมยังไม่มีชาวแก็งค์จอมยุทธปิดเทิมมาเล่นด้วย ผมก็ยังคงมาเป็นนายอำเภออยู่ทุกวัน ตั้งแต่สาย ยันเย็น ตื่น นอน กลิ้ง ขี่ม้า จิ้มๆไชๆ นอน ตื่น วนไปแบบนี้สิบกว่าวัน โดยที่พี่เค้าก็หาสิ่งแอดวานซ์มาให้ นอกจากที่พี่เค้าจะกินไอติมผม(จริงๆมันน่าจะไม่ใช่ไอติมนะ น่าจะเป็นช็อพปาจุ๊บส์จิ๋ว) พี่เค้าบอกให้ผมมุดลงไป"เลีย" น้องสาวเธอบ้าง แต่ผมไม่ยอมครับเพราะรู้สึกขยะแขยงพิกล พี่เค้าก็บอกว่าไม่ได้นะต้องทำด้วยถึงจะเป็นพ่อเป็นแม่ แล้วก็นอนหงายจับให้ผมไปจ่อใกล้ๆ  ทีนี้พอแลบลิ้นไปแตะๆ มันเจอกับความเค็มจากเหงื่อไงครับ เหงื่อที่เล่นกันมาตลอดทั้งวัน ก็เค็มจนรู้สึกแขยงเลยผละหนีออกมา และตกลงกันว่าจะไม่เลียก็ได้ แต่ต้องเอาหน้าไปมุดๆ ซึ่ง ผมก็มุดหน้าลงไปตามนั้นแหละ

และที่ร้ายแรงที่สุดก็คือในวันสุดท้ายที่ได้เล่นกัน ในหลายครั้งที่เป็นบทบาทของการจ้ำจี้กันนั้น มัน"เกือบ" มากๆครับ เรียกว่าถ้าจะนับตามหลักการแล้ว มันคือเพศสัมพันธ์แบบไม่สอดใส่ก็ว่าได้เพราะ นอกจากจะโดน"หม่ำ" แล้ว พี่เค้าเป็นฝ่ายขึ้นมาด้านบนและทำการขี่อย่างจริงจังมาก ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกครับว่า เค้าจะมีอารมณ์จั๊กกะจี้เหมือนกันมั้ย รู้แต่ว่ามันก็เพลินๆ ลื่นๆดี ยิ่งเวลาที่พี่เค้าขึ้นมา มันเหมือนกับว่า มันลงล็อคพอดีมากกว่าที่ผมขึ้นมาจิ้มๆเองด้วย อาจเพราะ พี่เค้านั่งคร่อมตัวผมไว้แทนกี่ที่ผมคร่อมบนตัวพี่เค้าที่หนีบขาอยู่
แต่สังเกตุได้ว่า วันสุดท้ายนั้น เค้าขี่นานขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า แต่ละเทิร์นที่เล่น เหลือการออกไปเล่นเกมส์ยิงปืนนิดเดียว ที่เหลือขี่กันอยู่เป็นสิบนาทีครับ นอนจนผมบอกว่าผมปวดฉี่ แล้วก็ลุกไปฉี่ห้องน้ำ (ซึ่งมันก็จะฉี่ยากม๊ากกกกก) กลับมาพี่เค้าก็ขี่ต่ออีก

สุดท้ายก่อนแยกย้ายในวันนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในความทรงจำคือ พี่เค้าหยิบหนังสือตั้งหนึ่งออกมาจากใต้เตียงครับ
มันคือ หนังสือโป๊ ที่เปิดมาเป็นภาพโป๊ทั้งแบบเซ็กซี่ๆมากมาย มาเปิดให้ผมดู แล้วบอกว่า อีกหน่อยพี่เค้าก็จะมีนมแบบนี้ แล้วก็ตื่นตาตื่นใจกับภาพจิ๊มิของผู้ใหญ่ ที่ไม่เห็นเหมือนของที่เห็นมาทุกวันตลอดครึ่งเดือนนี้แล้ว
เปิดดูไปหลายเล่ม ไปเจอเล่มหลังๆที่มีฉากร่วมรักด้วย เรียกว่า เสียบกันจะๆไปเลย ซึ่งเด็กน้อยชายหญิงทั้งสองคนก็เปิดมานั่งดูกัน ซึ่งพี่เค้าบอกว่าเค้าเคยเห็นแล้ว แต่ผมเพิ่งเคยเห็นใช่มั้ยล่ะ มันจะเป็นแบบนี้นะ มันจะเข้าไปแบบนี้แหละ

"เอาไว้พี่มีนมกับมีขนตรงนี้เมื่อไหร่ จะลองจิ้มเข้าไปดูนะ"
เค้าบอกเพร้อมกับเธิบายว่า เค้ายังเด็ก ยังใส่เข้าไปไม่ได้หรอก แล้วของผมก็ยังเล็กเกินไป

จากวันนั้น... วันต่อมา มีจักรยานหลายคันมาหน้าบ้านผม กดกริ่ง กริ๊งๆๆ เรียกให้ลงมา พวกเรามาแล้วววว
เพื่อนๆชาวยุทธผมมาแล้วครับ ต่างก็ควบสองล้อคันเก่ง กำลังจ่ายเงินซื้อน้ำอัดลมเป็นถุงๆห้อยไว้แล้วบอกว่า เราจะไปสนามบอลหลังหมู่บ้าน รีบเอารถมาแล้วไปด้วยกันเร็ว!

ผมรีบคว้ารถลากมาจากหลังบ้าน ผ่านร้อนขายของ ออกมาหน้าร้าน เห็นแว๊บๆว่า พี่สาวหมวยข้างบ้านมายืนมองอยู่เงียบๆ ถือตุ๊กตาหมีเ่าตัวที่รับบทเป็นลูกของครอบครัวนายอำเภอ สายตานิ่งเฉิยไร้อารมณ์มองดูผมที่ขึ้นคร่อมจักรยานพุ่งลงจากร้าน ดิ่งลงฟุตบาทออกตัวจนลับตา
และจากวันนั้น ผมก็ไม่เคยไปเล่น พ่อแม่ลูก กับพี่เค้าอีกเลย จนเปิดเทอม ต่างก็ไปโรงเรียน แยกย้ายกัน เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้ไปเล่นเพราะพ่อแม่อยู่บ้าน
จนผ่านปีการศึกษาไป วันหนึ่ง เห็นพ่อกับแม่ยืนคุยกับลุงและป้าข้างๆบ้านกัน และเรียกผมเข้าไป

"ลุงกับป้าเค้าจะย้ายไปแล้วลูก พี่เค้าก็จะย้ายไปแล้วนะ อาทิตย์หน้านี้แหละ"
พอดีลุงและป้า ได้โอกาสที่จะไปประกอบกิจการที่ไต้หวัน เนื่องจากที่บ้านก็เป็นเชื้อสายจีนพพูดจีนได้คล่องแคล่ว จึงจะย้ายจากประเทศไทยไปทำกิจการที่นั่น และเซ้งตึกกับร้าน ฝากทางบ้านผมให้เป็นคนช่วยรับช่วงดูแลสักหน่อย
และไม่นาน ร้านซักรีดก็เหลือเพียงชั้นล่างสุดที่เปิดให้บริการ โดยทางบ้านผมช่วยดูแลในระหว่างที่ยังไม่มีคนมาเช่าเซ้งกิจการต่อ จนท้ายที่สุดผมก็ลืมไปเลยว่านานเท่าไหร่ ที่เปลี่ยนจากตู้หยอดเครื่องซักผ้า กลายเป็นร้านบะหมี่เกี๊ยวเฟรนเชส์ใหญ่ที่กำลังโด่งดังแจ้งเกิดในระยะนั้น

จนครอบครัวผมเองก็ย้ายบ้านจากชานเมือง เข้าสู่กลางเมืองกรุง ตามงานของพ่อแม่ ที่นับวันยิ่งเดินทางยากขึ้นเรื่อยๆ รถมันติดเหลือเกิน 
วันเวลาผ่านเลยไป 6-7 ปี วันหนึ่งที่กลับไปเยี่ยมบ้านเก่า ร้านของชำยังคงอยู่ กิจการยังเป็นของญาติๆของลูกจ้างทางบ้าน ชั้นบนสุดยัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่