JJNY : อิสราเอลเปิดภาพ ฮามาสซุกอาวุธไว้ในรพ.│ธนาธร เปิดเวทีปท.ควรได้อะไร│ภาคประชาชน ย้ำรบ. 4 ข้อ│ชาวเบนซินกระอัก

อิสราเอลเปิดภาพ กลุ่มฮามาสซุกอาวุธไว้ในโรงพยาบาล
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/210439

กองทัพอิสราเอลยืนยันว่าได้ตรวจพบอาวุธและเครื่องกระสุนที่ซุกซ่อนไว้ในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา โรงพยาบาลหลักของเมืองกาซิตี
 
หลังจากที่เมื่อวานนี้ (15 พ.ย.) กองทัพอิสราเอลได้ตัดสินใจส่งกำลังทหารบุกเข้าไปภายในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา โรงพยาบาลหลักของเมืองกาซิตี ที่เชื่อว่าเป็นฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มฮามาส โดยล่าสุดกองทัพอิสราเอลยืนยันว่าได้ตรวจพบอาวุธและเครื่องกระสุนที่ซุกซ่อนไว้ในโรงพยาบาลดังกล่าว
กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) เปิดเผยคลิปวิดีโอสถานที่ที่ระบุว่าเป็นโรงพยาบาลอัล-ชิฟา โดยแสดงภาพการเข้าตรวจค้นห้องต่าง ๆ ที่พบว่ามีอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปืนอาก้าและเครื่องกระสุน ซุกซ่อนเอาไว้เป็นจำนวนมาก

รวมถึงยังมีเครื่องแบบของกลุ่มติดอาวุธฮามาส อุปกรณ์สำหรับการสื่อสาร การจารกรรมข้อมูล และจุดที่กลุ่มฮามาสใช้เป็นศูนย์บัญชาการ
 
พลเรือตรี ดาเนียล ฮาการี โฆษกกองกำลังป้องกันอิสราเอล ระบุว่าการค้นพบอาวุธเหล่านี้เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าโรงพยาบาลอัลชิฟาถูกใช้เพื่อก่อเหตุร้าย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแน่นอน
 
อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮามาสปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวในโรงพบาบาล พร้อมตอบโต้กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลว่ากำลังกำโกหก โดยตั้งข้อสังเกตว่าอาวุธที่พบในโรงพยาบาลอัลชิฟาอาจเป็นอาวุธที่ทหารอิสราเอลนำเข้าไปวางไว้เอง
 
ขณะที่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเรียกร้องการพักรบเพื่อมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่องในฉนวนกาซา และเรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันมากกว่า 230 คนทันทีและไม่มีเงื่อนไข
 
มติดังกล่าวซึ่งเสนอโดยมอลตา ได้รับการสนับสนุนด้วยเสียงข้างมาก 12 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง ได้แก่ สหรัฐ รัสเซีย และสหราชอาณาจักร ซึ่งการที่ไม่มีสมาชิกถาวรประเทศใดของคณะมนตรีความมั่นคงคัดค้าน หมายความว่า มติดังกล่าวได้รับการอนุมัติ และมีผลผูกมัดทางกฎหมาย
 
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาช่วยเหลือตัวประกัน มีรายงานว่าตัวแทนจากกาตาร์พยายามผลักดันข้อเสนอให้ฮามาสปล่อยพลเรือนประมาณ 50 คน เพื่อแลกกับการยุดยิงเป็นเวลา 3 วัน
 
นอกจากนี้อิสราเอลยังอาจปล่อยผู้หญิงและเด็กๆชาวปาเลสไตน์ที่ถูกควบคุมตัวไว้ออกมาบางส่วนและจะเปิดทางให้ความช่วยเหลือต่างๆถูกส่งเข้าไปภายในฉนวนกาซาได้มากขึ้น



ธนาธร เปิดเวทีปท.ควรได้อะไร ถ้าใช้ 5 แสนล้าน มองต่างปัญหาศก.-ไม่จำเป็นต้องกู้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4284526

ธนาธร เปิดเวทีทุ่มงบ 5 แสนล้าน ปท.ควรได้อะไร มองปัญหาศก. ต่างรบ. ไม่เห็นจำเป็นต้องกู้ 
 
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้เผยผ่านเฟสบุ๊กเตรียมบรรยายสาธารณะ เรื่อง ประเทศไทยควรได้อะไร หากต้องใช้ 5 แสนล้าน จะเสนอแนวทางที่แตกต่าง ในการเพิ่งศักยภาพการแข่งขัน และคุณภาพชีวิตของประชาชน ในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ โดยมีเนื้อดังนี้
 
ผมขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมรับฟังการบรรยายสาธารณะ หัวข้อ “ประเทศไทยควรได้อะไร หากต้องใช้ 5 แสนล้าน” ซึ่งผมจะเสนอแนะแนวทางที่แตกต่าง ในการสร้างศักยภาพการแข่งขัน และการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ พร้อมๆ กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง
ผมจัดบรรยายสาธารณะนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ
 
1. ผมหวังว่าการบรรยายสาธารณะนี้ จะเป็นอาหารสมองให้กับสังคม เชิญชวนทุกท่านร่วมขบคิดถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของอนาคตประเทศ
2. ผมหวังว่าความเห็นของผม จะเป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลรับฟังและนำไปปรับใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป
3. ผมหวังว่า ประชาชนคนไทย เมื่อได้ฟังแล้ว จะเห็นถึงความหวังว่าอนาคตของประเทศไทยที่ดีกว่านี้ได้
อย่างไรก็ตาม ผมขอแถลงจุดยืนไว้ก่อน ว่า ผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินมหาศาล มากระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนี้ งบประมาณประจำปีที่มีอยู่ หากจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ ก็เพียงพอที่จะทำได้
 
ที่สำคัญที่สุด ผมมองว่าปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจไทยในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องการบริโภคน้อยเกินไป จึงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการกระตุ้นการบริโภคของประชาชนผ่านการให้เงิน การที่เศรษฐกิจไทยโตช้ากว่าเพื่อนบ้านมานับทศวรรษ ไม่ได้เป็นเพราะเราบริโภคน้อย แต่เป็นเพราะเราขาดศักยภาพในการแข่งขัน
 
เชิญชวนร่วมรับฟังข้อเสนอของผม และแลกเปลี่ยนมุมมองกัน ในวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ที่อาคารอนาคตใหม่ ชั้น 7 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไปครับ
 
https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/pfbid0CRPvpmvqVoRx75Hup2ktY1nDjN3uZXGVjZwHTcC4MnLEJaeEGYZCEJEJXEQHAohgl



ภาคประชาชน ย้ำรบ. 4 ข้อ คำถามประชามติต้องชัด ปิดทางส.ว.โดดขวาง รื้อทิ้งรธน.’60
https://www.matichon.co.th/politics/news_4284740

ภาคประชาชน ยื่นรบ. 4 ข้อ ทำรธน.ทั้งฉบับต้องร่างใหม่ ที่มาส.ส.ร.เลือกตั้ง 100 % ตั้งคำถามประชามติให้ชัด ปิดทางส.ว.โดดขวาง 
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ ผู้รวบรวมรายชื่อประชาชน 211,904 รายชื่อเพื่อเสนอคำถามประชามติ เข้าให้ความเห็นกับ คณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เรื่องรายละเอียดและขั้นตอนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับประชาชน โดยเน้นย้ำว่า คำถามประชามติที่ดี และเอาประชาชนเป็นที่ตั้งจะทำให้กระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่เดินไปได้อย่างราบรื่นและสำเร็จลุล่วง โดยเฉพาะในการจัดทำประชามติครั้งแรกที่คำถามประชามติจะต้องระบุอย่างชัดเจนว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ต้องทำได้ทั้งฉบับ จากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด
 
เนื้อหาที่กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญนำเสนอต่ออนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นฯ สรุปได้ดังนี้
 
1.รูปแบบคำถามประชามติจะส่งผลโดยตรงต่อ “ผล” ประชามติ หากคำถามประชามติไม่ได้เป็นไปตามหลักการ “เขียนใหม่ทั้งฉบับ เลือกตั้ง 100%” หรือมีการตีกรอบไม่ให้แก้ไขในบางหมวดบางมาตรา ก็อาจจะทำให้ประชาชนผู้ออกเสียงประชามติเกิดข้อสงสัย หรือไม่เห็นด้วยกับคำถาม และบางส่วนอาจตัดสินใจลงคะแนนเสียง “ไม่เห็นชอบ” และอาจจะเป็นการปิดประตูการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้น คำถามประชามติจึงควรยึดหลักการว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและผู้สถาปนารัฐธรรมนูญ ให้รัฐธรรมนูญใหม่ต้องเขียนได้ทั้งฉบับและประชาชนเป็นผู้เลือกคนที่จะมายกร่างโดยตรง
 
2.ไม่จำเป็นต้องกังวลว่า ส.ว. จะขวางการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ หากคำถามประชามติเขียนไว้ชัดเจนว่าให้จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และได้รับเสียงเห็นชอบอย่างท่วมท้น ก็เป็นเรื่องยากที่ ส.ว. ที่แม้จะมาจากการแต่งตั้งจะปฏิเสธ การทำประชามติ จึงเป็นโอกาสที่ดีในการยืนยันหลักการอำนาจของประชาชนกับผู้ที่มาจากการแต่งตั้ง ในทางกลับกัน หากคำถามไม่ได้เขียนไว้ชัดเจนตามหลักการข้างต้น ก็จะเปิดประตูให้กับ ส.ว. สอดแทรกเงื่อนไขในชั้นการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ สร้างปัญหาสำหรับกระบวนการต่อไป
 
3.ส.ส.ร.ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ปัญหาของรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่อยู่แค่เนื้อหาเท่านั้น แต่ที่มาที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รัฐธรรมนูญ 2560 ขาดความชอบธรรมในความรู้สึกของประชาชน ดังนั้น การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงต้องคิดถึงเรื่องความชอบธรรมด้านที่มาเป็นอันดับแรก โดยผู้ร่างรัฐธรรมนูญต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ในประเด็นข้อกังวลว่าหาก ส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดนั้นจะทำให้ไม่มีผู้เชี่ยวชาญหรือตัวแทนรายประเด็น เช่น ผู้มีความหลากหลายทางเพศ ชาติพันธุ์ หรือแรงงาน ร่วมด้วยนั้น สามารถทดแทนได้โดยการกำหนดให้ ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเข้ามาทำงานสนับสนุน โดยใช้กลไกตั้ง “คณะยกร่าง” หรือ “อนุกรรมาธิการเฉพาะด้าน” ขึ้นมาทำงานในรายละเอียดทางเทคนิคได้
 
4.หลักเกณฑ์ของพ.ร.บ.ประชามติฯ ต้องไม่เป็นข้ออ้างถ่วงเวลา พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 มาตรา 13 กำหนดว่า ในการทำประชามติที่จะ “ผ่าน” ต้องมีผู้มาออกเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิทั้งหมด ทำให้มีข้อเสนอว่าควรจะแก้ไขหลักเกณฑ์นี้เสียก่อน เพื่อไม่ให้ประชามติตกไปเพราะคนนอนหลับทับสิทธิ์อยู่ที่บ้าน
 
อย่างไรก็ดี แม้หลักเกณฑ์นี้จะเป็นปัญหาจริง แต่ก็ไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างในการยืดเวลาของกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกไป เนื่องจากกระแสสังคมในปัจจุบันประชาชนตื่นตัวเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เป็นทุนเดิม หากจัดทำประชามติโดยตั้งคำถามเปิดกว้างที่ประชาชนเห็นด้วย ก็ไม่เป็นเรื่องยากที่ประชาชนจำนวนมากจะออกมาใช้สิทธิลงคะแนน แต่หากคำถามประชามติมีปัญหา ก็อาจจะส่งผลให้สัดส่วนผู้มาใช้สิทธิน้อยลงจากประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับคำถามประชามติ
 
หลังจากการให้ความเห็น กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญก็ได้นำความเห็นจากประชาชนเรื่องคำถามประชามติที่รวบรวมมาในเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ จากประชาชนที่ร่วมกันแสดงความเห็นมากกว่า 500  คน มอบให้กับคณะอนุกรรมการฯ เพื่อให้นำไปพิจารณาด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่