JJNY : 5in1 โลกวอนยุติเข่นฆ่า│ออกหมายจับผู้นำซีเรีย│‘ลูกจ้าง’ร้อง กมธ.แรงงาน│ขึ้นเงินเดือนต่ำกว่าเอเชีย│แม่ค้าขนมหวานโอด

โลกวอนยุติเข่นฆ่า ยิวส่งทหารบุกรพ.กาซ่า-ล่าล้างบางนักรบฮามาส
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_7964995
 
 
โลกวอนยุติเข่นฆ่า ยิวส่งทหารบุกรพ.กาซ่า-ล่าล้างบางนักรบฮามาส
 
โลกวอนยุติเข่นฆ่า – วันที่ 15 พ.ย. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มฮามาสของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซ่า ล่าสุด กองทัพอิสราเอลเปิดฉากส่งทหารเข้าสู่ภายในโรงพยาบาลอัลชิฟ่า สถานพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดแล้วทางภาคเหนือของกาซ่าแล้ว

ปฏิบัติการบุกโรงพยาบาลของอิสราเอลเกิดขึ้นหลังอิสราเอลอ้างว่ากลุ่มฮามาสใช้สถานพยาบาลเป็นศูนย์บัญชาการและคลังแสง ท่ามกลางพลเรือนและผู้ป่วยนับหมื่นคน รวมถึงเสียงท้วงติงวิงวอนจากองค์กรสากลและนานาชาติให้ทุกฝ่ายยุติการเข่นฆ่าในกาซ่ากันทันที
ทางการสหรัฐอเมริกา ชาติผู้สนับสนุนหลักของอิสราเอล เตือนว่า โรงพยาบาลอัลชิฟ่าและสวัสดิภาพของผู้ป่วยทุกคนจะต้องได้รับการปกป้องไว้
 
พร้อมยืนยันว่า ทางการสหรัฐไม่สนับสนุนการใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีโรงพยาบาลและไม่ต้องการเห็นการยิงต่อสู้กันภายในสถานพยาบาล รวมถึงนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ที่เรียกร้องให้อิสราเอลใช้ความอดกลั้นขั้นสูงสุด แต่ทางการอิสราเอลระบุว่าจำเป็นต้องทำ
 
นายทรูโด กล่าวว่า โลกกำลังต้องทนดูการเข่นฆ่าที่กำลังเกิดต่อผู้หญิง เด็ก และทารก สิ่งเหล่านี้ต้องยุติลงในทันที ส่งผลให้นายเบนจามิน เนทัน
ยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ตอบโต้อย่างรุนแรงว่า อิสราเอลพยายามทุกวิถีทางที่จะปกป้องพลเรือน แต่ฮามาสทำทุกทางเพื่อให้พลเรือนได้รับอันตราย
 
อิสราเอลไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีไปที่พลเรือน แต่เป็นนักรบฮามาสต่างหากที่เที่ยวตัดหัว ฆ่าเผา และสังหารหมู่พลเรือนแบบเดียวกันกับที่ชาวยิวเคยถูกกระทำมาในช่วงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” เนทันยาฮูระบุ
 
ขณะที่สหประชาชาติ (UN) คณะกรรมการกาชาดระหว่างประทศ (ICRC) องค์การอนามัยโลก (WHO) และกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) แสดงความตกตะลึงต่อเหตุที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลปกป้องชีวิตผู้ป่วย
 
นางแคเทอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการ UNICEF กล่าวว่า คู่ขัดแย้งในสงครามทั้งสองฝ่ายกำลังละเมิดข้อบังคับสากลในการปกป้องเด็ก ผ่านทั้งการสังหาร ทำให้พิการบาดเจ็บ โจมตีสถานศึกษาและสถานพยาบาล รวมถึงปิดล้อมไม่ให้เข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

นางรัสเซลล์ ระบุว่า มีเด็กอยู่ในกาซ่าประมาณ 1 ล้านคน ในจำนวนนี้ เสียชีวิตกว่า 4,600 ราย บาดเจ็บกว่า 9 พันคน และอีกจำนวนมากหายสาบสูญคาดว่าถูกฝังทั้งเป็นอยู่ใต้ซากอาคารที่พังทลาย มีเพียงคู่ขัดแย้งในสงครามนี้เท่านั้นที่จะยุติการเข่นฆ่าที่กำลังเกิดขึ้นได้
 
เช่นเดียวกันกับที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เรียกร้องให้ยุติการเข่นฆ่ากันที่ฉนวนกาซ่า หลังสงครามมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 12,250 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
 
รายงานระบุว่า จำนวนพลเรือนที่เดินทางไปหลบภัยการสู้รบและผู้ป่วยที่โรงพยาบาลอัลชิฟ่านั้นคาดว่ามีหลายหมื่นคนแต่ไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอนหลังระบบการสื่อสารระหว่างหน่วยงานสาธารณสุขของกลุ่มฮามาสที่อยู่ในโรงพยาบาลดังกล่าวขาดการติดต่อกับประชาคมโลกไปหลายวันแล้ว ทำให้ไม่ทราบแม้แต่จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตล่าสุดของสงคราม
 
ก่อนหน้านี้ ทางการสหรัฐเปิดเผยว่าข่าวกรองที่ร่วมมือกันกับฝ่ายอิสราเอลบ่งชี้ ว่าหนึ่งในศูนย์บัญชาการของกลุ่มฮามาสนั้นแอบซ่อนอยู่ใต้โรงพยาบาลอัลชิฟา
 
ขณะที่กลุ่มฮามาสปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และระบุว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการที่อิสราเอลบุกสถานพยาบาล
 
นอกจากนี้ ทางการอิสราเอลยังพยายามอ้างว่า การลักลอบใช้สถานพยาบาลเพื่อภารกิจทางทหารของฮามาสทำให้สถานะโรงพยาบาลไม่เข้าเกณฑ์ที่ต้องได้รับการปกป้องตามข้อบังคับสากลอีกต่อไป
  
ทว่า บรรดานักกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากลออกมาปฏิเสธข้ออ้างของอิสราเอลถึงสถานะของโรงพยาบาลอัลชิฟ่า ว่าไม่เป็นความจริง
 


ศาลฝรั่งเศสออกหมายจับผู้นำซีเรีย โยงการใช้อาวุธเคมีกับพลเรือน
https://www.dailynews.co.th/news/2903824/
 
ศาลในฝรั่งเศสออกหมายจับประธานาธิบดีซีเรีย ฐานเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธเคมีต่อพลเรือน เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ว่าศาลคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติของฝรั่งเศสออกหมายจับ  ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องหรือสมคบคิดกับการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ด้วยการใช้อาวุธเคมีกับพลเรือน ในเขตชานกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2556 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 ราย

ขณะเดียวกัน ศาลแห่งเดียวกันยังออกหมายจับ พล.ต.มาเฮอร์ อัล-อัสซาด น้องชายของผู้นำซีเรีย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ กองกำลังอารักขาประธานาธิบดี และทหารยศนายพลอีกสองนาย

ทั้งนี้ ผลการสืบสวนสอบสวนโดยสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า มีการใช้แก๊สซารินกับพลเรือนในเหตุการณ์วันนั้น แต่ไม่ได้สรุปอย่างเจาะจง ว่าบุคคลใดหรือกองกำลังฝ่ายใดมีส่วนเกี่ยวข้อง ด้านรัฐบาลซีเรียยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดของฝ่ายตะวันตก

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลซีเรียเข้าร่วมเป็นภาคีขององค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี (โอพีซีดับเบิลยู) เมื่อเดือนต.ค. 2556 และมอบอาวุธเคมีทั้งหมดให้โอพีซีดับเบิลยูทำลาย



‘ลูกจ้าง’ ร้อง กมธ.แรงงาน ช่วยเหลือ หลังบริษัทปิดกิจการ ไม่จ่ายเงินค่าจ้าง ค่าชดเชย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4283307

‘ลูกจ้าง’ ร้อง กมธ.แรงงาน ช่วยเหลือ หลังบริษัทปิดกิจการ ไม่จ่ายเงินค่าจ้าง ค่าชดเชย
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่รัฐสภา นายเซีย จำปาทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน รับหนังสือจาก น.ส.บังอร ศรีวงค์เสน ตัวแทนผู้ได้รับความเดือดร้อน เรื่อง ขอความช่วยเหลือกรณีนายจ้างปิดกิจการโดยไม่จ่ายเงินค่าชดเชย และเงินอื่นๆ ที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามกฎหมาย
 
จากกรณีที่ บริษัท แอลฟ่าสปินนิ่ง จำกัด และบริษัท เอเอ็มซี สปินนิ่ง จำกัด ไม่จ่ายค่าจ้าง และต่อมาได้เลิกจ้างคนงานโดยไม่จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน โดยกระทรวงแรงงานไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายแรงงาน มาตรา 9 (ผิดนัดจ่ายค่าจ้าง) และมาตรา 118 (ค่าชดเชย) ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน
นายเซียกล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ที่ผ่านมากลุ่มลูกจ้างได้ไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ผ่านมา 5 เดือนแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ในฐานะรองประธานคณะ กมธ.แรงงาน จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะ กมธ.
 
โดยจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงว่าเหตุใดจึงไม่สามารถติดตามนายจ้างมาแสดงความรับผิดชอบต่อลูกจ้างที่ได้รับความเดือดร้อนได้ เนื่องจากมีลูกจ้างหลายร้อยคนที่ได้รับผลกระทบ และมีความกังวลเป็นอย่างมากว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมทั้งจะเร่งรัดหามาตรการ และช่องทางดำเนินการช่วยเหลือลูกจ้างให้ได้รับการชดเชยเยียวยาต่อไป


 
เอกชนไทยขึ้นเงินเดือนปี 67 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วเอเชีย เวียดนามขึ้นเงินเดือนแซงไทยเกือบ 6%
https://ch3plus.com/news/economy/morning/374631

นายจักรชัย บุญยะวัตร ประธาน บริษัท เมอร์เซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทบริการที่ปรึกษาทรัพยากรบุคคล เปิดเผยว่า แม้ว่าบริษัทในภาคเอกชนไทยจะปรับขึ้นอัตราเงินเดือนในปีนี้ โดยเฉลี่ยทุกอุตสาหกรรมของไทยจะเพิ่มขึ้นเพียง 4.8% และปีหน้าเพิ่มขึ้นราว 5% ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

แต่การปรับขึ้นอัตราเงินเดือนในปี 2024 ที่ระดับ 5% ของประเทศไทย กลับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยการขึ้นอัตราเงินเดือนในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 5.2%  ในปี 2024 สาเหตุจากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทยที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวในปี 2024 ที่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นผลจากแนวโน้มการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวไทย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

ด้านนายมาร์ก แฮริสัน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชีย อีซีเอ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทบริหารทรัพยากรบุคคลให้องค์กรเอกชน เปิดเผยว่า ทวีปเอเชียแปซิฟิกจะกลายเป็นภูมิภาคเดียวในโลกที่มีการปรับขึ้นอัตราเงินเดือนแท้จริง เพิ่มสูงขึ้นครั้งใหญ่ในปี 2024

สำหรับประเทศไทย ปรากฏว่า อัตราการปรับขึ้นเงินเดือนแท้จริงปี 2024 อยู่ที่ระดับ 3.4% อยู่ในอันดับที่ 5 ของเอเชียแปซิฟิก และอันดับ 3 ในอาเซียน แม้ว่าอัตราเงินเดือนแท้จริงของไทยที่คาดว่าปรับขึ้น 3.4% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเอเชียแปซิฟิกและของโลกก็ตาม แต่กลับกลายเป็นว่าปรับขึ้นน้อยกว่า หรือตามหลังอินโดนีเซียและเวียดนาม โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราเงินเดือนแท้จริงที่ระดับ 3.6% ซึ่งมากกว่าไทยถึงเกือบ 6%
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่