คาดร้อนจัดจะทำคนตายเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า
https://tna.mcot.net/world-1272851
ไฟป่าในพื้นที่ชุ่มน้ำของบราซิล
ปารีส 15 พ.ย.- คณะผู้เชี่ยวชาญสากลเตือนว่า จะมีคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าจากสภาพอากาศร้อนจัดในช่วงหลายทศวรรษข้างหน้า และหากไม่มีการดำเนินการใด ๆ เรื่องสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง สุขภาพของมนุษยชาติจะตกอยู่ในความเสี่ยงร้ายแรง
รายงานของแลนเซ็ต เคานต์ดาวน์ (Lancet Countdown) ว่าด้วยสุขภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประจำปี 2566 ที่จัดทำโดยนักวิจัยและสถาบันชั้นนำสากลระบุว่า สภาพอากาศร้อนจัดเป็นเพียง 1 ในภัยคุกคามสุขภาพมนุษย์อันเกิดจากการที่โลกยังคงใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเพิ่มขึ้น ภัยแล้งที่เกิดบ่อยครั้งขึ้นจะทำให้คนจำนวนมากเสี่ยงอดอยาก ยุงซึ่งเป็นพาหะนำโรคแพร่พันธุ์ได้ไกลขึ้น ระบบสาธารณสุขต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น
รายงานระบุว่า ปี 2565 ทั่วโลกมีอุณหภูมิสูงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตเฉลี่ย 86 วัน ขณะที่ช่วงปี 2534-2543 เทียบกับช่วงปี 2556-2565 มีคนวัย 65 ปีขึ้นไปเสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 ดังนั้นหากโลกร้อนขึ้น 2 องศาเซลเซียสภายในสิ้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะสิ้นสุดในปี ค.ศ.2100 หรือ พ.ศ. 2643 จะมีผู้เสียชีวิตเพราะสภาพอากาศร้อนเพิ่มขึ้น 4.7 เท่าภายในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 21 หรือภายในปี พ.ศ. 2593 ขณะที่คน 520 ล้านคนจะประสบกับภาวะไร้เสถียรภาพด้านอาหารปานกลางหรือร้ายแรงภายในกลางคริสต์ศตวรรษ และการแพร่โรคไข้เลือดออกที่มียุงเป็นพาหะจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 36
ด้านสหประชาชาติเตือนว่า ปัจจุบันทั่วโลกรับปากว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนภายในปี 2573 เพียงร้อยละ 2 ของการปล่อยในปี 2562 ทั้งที่จำเป็นต้องลดให้ได้ถึงร้อยละ 43 เพื่อไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นร้อยละ 1.5 จากยุคก่อนอุตสาหกรรม.-สำนักข่าวไทย
‘น้องมายด์’ เสนอความเห็นกรรมการศึกษาประชามติ ชี้ เลือก สสร.100% ถึงตอบโจทย์คืนอำนาจ ปชช.จริง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4283241
‘น้องมายด์’ ร่วมแสดงความคิดเห็นกรรมการ ศึกษาประชามติ แนะ เลือกสสร.100%
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือน้องมายด์ นักศึกษาและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงการมาร่วมแสดงความคิดเห็นต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2560 ที่มี นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ว่า วันนี้ตนมาเสนอความเห็นในฐานะที่อยู่ในกลุ่มที่ทำแคมเปญเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และหวังว่าจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นในการตั้งคำถามเกี่ยวกับการทำประชามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะคำถามประชามติถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการกำหนดทั้งกระบวนการและอาจจะส่งผลถึงเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย หากมีการล็อคมากเกินไปสุดท้ายกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่อาจจะไม่ได้สะท้อนเจตจำนงของประชาชนจริงๆก็ได้ เพราะฉะนั้นก็หวังว่าจะได้เกิดการพูดคุยกันว่าเจตจำนงของประชาชนเป็นอย่างไร
น.ส.
ภัสราวลี กล่าวว่า การตั้งคำถามประชามติในการร่างรัฐรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถ้าจะให้ดีต้องสามารถเขียนใหม่ทั้งฉบับ และสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด มันถึงจะตอบโจทย์ว่าคืนอำนาจกลับมาให้ประชาชนอย่างแท้จริง และให้ประชาชนเป็นผู้กำหนด จัดสรรอำนาจใหม่แต่ถ้าไม่ได้ตามแนวทางที่ตนเสนอ เราก็ต้องมารับฟังว่าคณะกรรมการฯ มีความคิดเห็นอย่างไรจากที่ไปสำรวจความคิดเห็นของแต่ละภาคส่วนมาแล้วและสุดท้ายคำถามประชามติ จะตอบเจตนารมย์ของประชาชนหรือไม่ หรือเป็นการสร้างความขัดแย้งมากกว่าเดิมตาม
เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่า หมวด 1 หมวด 2 ในรัฐธรรมนูญ ยังควรคงไว้หรือยกเลิกไป น.ส.
ภัสราวลี กล่าวว่า จริงๆ แล้วหมวด 1 และหมวด 2 ไม่จำเป็นต้องใส่ไว้ในคำถามประชามติ เพราะการทำประชามติครั้งแรกที่เริ่มต้นว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ตามมาตรา 256 เพื่อที่จะเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งก็มาถกเถียงกันในเรื่องหมวด 1 หมวด 2 และยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะแก้หรือไม่แก้ ซึ่งตนเห็นว่าเนื้อหาดังกล่าวนี้ ควรจะไปคุยในชั้น สสร. หรือในเวทีรัฐสภาน่าจะดีกว่า เพราะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้การทำประชามติของการแก้ไขและรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถเดินไปได้ ดังนั้นในส่วนตัวควรหยุดถกเถียงเรื่องนี้ก่อน
เมื่อถามว่า เข้ามาทำเนียบรัฐบาลครั้งแรกมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง น.ส.
ภัสราวลี กล่าวว่า แตกต่างจากที่อยู่ข้างนอกอย่างสิ้นเชิง ปกติถูกกันอยู่แต่ข้างนอก วันนี้มีโอกาสได้เข้ามาในทำเนียบรัฐบาลก็ถือว่าดี จริงๆแล้วพื้นที่ส่วนราชการแบบนี้ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร หรือตัดสินใจทิศทางของประเทศด้วย ย่อมเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะสถานที่ราชการไม่ควรจะเข้ายาก ควรจะเข้าให้ง่ายกว่านี้ และหวังว่ากลุ่มอื่นๆ และทีมอื่นๆ จะได้เข้ามาพูดคุยเหมือนกับที่ตนได้เข้ามา
อ.รัฐศาสตร์ ชี้ถ้า พ.ร.บ.กู้เงิน ไม่ผ่านชั้นสภา-ศาลรัฐธรรมนูญ ตามธรรมเนียม ‘นายกฯ’ รับผิดชอบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4283107
‘ยุทธพร’ ชี้ หาก พ.ร.บ.กู้เงินไม่ผ่าน ทั้งศาล รธน.-สภา นายกฯต้องรับผิดชอบ
เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย
ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงกระแสเสียงวิจารณ์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลไม่ตรงปกว่า มองเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ดี เปรียบเป็นสภาวะทางสองแพร่งสำหรับรัฐบาลพอสมควร เพราะถือเป็นนโยบายหลักที่ใช้ในการหาเสียง ถ้าเกิดถอยกระบวนการตั้งคำถามจะเกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยเองไม่สามารถล้มเลิกนโยบายนี้ได้
นาย
ยุทธพรกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าในช่วงของการข้ามขั้วทางการเมือง เครดิตและความเชื่อมั่นของพรรคเพื่อไทยก็เป็นปัญหาใหญ่ แต่เมื่อข้ามขั้วแล้วนโยบายและผลงานถือเป็นสิ่งสำคัญ พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะถอยไม่ได้ในเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน ถ้าเดินหน้าจะต้องถูกกระบวนการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน เช่น ป.ป.ช. ซึ่งมีคณะทำงานขอข้อมูลในหลายเรื่อง รวมถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปดูทั้งหมด หรือแม้การถูกวิจารณ์จากสังคม ถือมีส่วนสำคัญในการตรวจสอบเหมือนกัน รวมไปถึงข้อกฎหมายต่างๆ เช่น พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เรื่องการเสนอ พ.ร.บ.กู้เงิน ว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ จะมีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือหรือไม่ ที่จะคล้ายกับ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทุกอย่างถือเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางกฎหมายและทางการเมืองด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสุดท้ายกฎหมายไม่ผ่านทั้งชั้นสภา หรือศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบอย่างไร นาย
ยุทธพรกล่าวว่า ปกติตามธรรมเนียม นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบ แม้ว่ากฎหมายไม่ได้เขียนเอาไว้ว่าจะต้องทำอย่างไรในกรณีกฎหมายสำคัญไม่ผ่าน แต่คงต้องแสดงความรับผิดชอบ
JJNY : คาดร้อนจัดทำตายเพิ่ม│‘น้องมายด์’ชี้เลือกสสร.100%│อ.รัฐศาสตร์ชี้ถ้าพ.ร.บ.กู้เงินไม่ผ่าน│ศก.ฟื้นช้ากดดัชนีเชื่อมั่น
https://tna.mcot.net/world-1272851
รายงานของแลนเซ็ต เคานต์ดาวน์ (Lancet Countdown) ว่าด้วยสุขภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประจำปี 2566 ที่จัดทำโดยนักวิจัยและสถาบันชั้นนำสากลระบุว่า สภาพอากาศร้อนจัดเป็นเพียง 1 ในภัยคุกคามสุขภาพมนุษย์อันเกิดจากการที่โลกยังคงใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเพิ่มขึ้น ภัยแล้งที่เกิดบ่อยครั้งขึ้นจะทำให้คนจำนวนมากเสี่ยงอดอยาก ยุงซึ่งเป็นพาหะนำโรคแพร่พันธุ์ได้ไกลขึ้น ระบบสาธารณสุขต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น
รายงานระบุว่า ปี 2565 ทั่วโลกมีอุณหภูมิสูงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตเฉลี่ย 86 วัน ขณะที่ช่วงปี 2534-2543 เทียบกับช่วงปี 2556-2565 มีคนวัย 65 ปีขึ้นไปเสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 ดังนั้นหากโลกร้อนขึ้น 2 องศาเซลเซียสภายในสิ้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะสิ้นสุดในปี ค.ศ.2100 หรือ พ.ศ. 2643 จะมีผู้เสียชีวิตเพราะสภาพอากาศร้อนเพิ่มขึ้น 4.7 เท่าภายในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 21 หรือภายในปี พ.ศ. 2593 ขณะที่คน 520 ล้านคนจะประสบกับภาวะไร้เสถียรภาพด้านอาหารปานกลางหรือร้ายแรงภายในกลางคริสต์ศตวรรษ และการแพร่โรคไข้เลือดออกที่มียุงเป็นพาหะจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 36
ด้านสหประชาชาติเตือนว่า ปัจจุบันทั่วโลกรับปากว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนภายในปี 2573 เพียงร้อยละ 2 ของการปล่อยในปี 2562 ทั้งที่จำเป็นต้องลดให้ได้ถึงร้อยละ 43 เพื่อไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นร้อยละ 1.5 จากยุคก่อนอุตสาหกรรม.-สำนักข่าวไทย
‘น้องมายด์’ เสนอความเห็นกรรมการศึกษาประชามติ ชี้ เลือก สสร.100% ถึงตอบโจทย์คืนอำนาจ ปชช.จริง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4283241
‘น้องมายด์’ ร่วมแสดงความคิดเห็นกรรมการ ศึกษาประชามติ แนะ เลือกสสร.100%
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือน้องมายด์ นักศึกษาและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงการมาร่วมแสดงความคิดเห็นต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2560 ที่มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ว่า วันนี้ตนมาเสนอความเห็นในฐานะที่อยู่ในกลุ่มที่ทำแคมเปญเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และหวังว่าจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นในการตั้งคำถามเกี่ยวกับการทำประชามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะคำถามประชามติถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการกำหนดทั้งกระบวนการและอาจจะส่งผลถึงเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย หากมีการล็อคมากเกินไปสุดท้ายกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่อาจจะไม่ได้สะท้อนเจตจำนงของประชาชนจริงๆก็ได้ เพราะฉะนั้นก็หวังว่าจะได้เกิดการพูดคุยกันว่าเจตจำนงของประชาชนเป็นอย่างไร
น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า การตั้งคำถามประชามติในการร่างรัฐรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถ้าจะให้ดีต้องสามารถเขียนใหม่ทั้งฉบับ และสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด มันถึงจะตอบโจทย์ว่าคืนอำนาจกลับมาให้ประชาชนอย่างแท้จริง และให้ประชาชนเป็นผู้กำหนด จัดสรรอำนาจใหม่แต่ถ้าไม่ได้ตามแนวทางที่ตนเสนอ เราก็ต้องมารับฟังว่าคณะกรรมการฯ มีความคิดเห็นอย่างไรจากที่ไปสำรวจความคิดเห็นของแต่ละภาคส่วนมาแล้วและสุดท้ายคำถามประชามติ จะตอบเจตนารมย์ของประชาชนหรือไม่ หรือเป็นการสร้างความขัดแย้งมากกว่าเดิมตาม
เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่า หมวด 1 หมวด 2 ในรัฐธรรมนูญ ยังควรคงไว้หรือยกเลิกไป น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า จริงๆ แล้วหมวด 1 และหมวด 2 ไม่จำเป็นต้องใส่ไว้ในคำถามประชามติ เพราะการทำประชามติครั้งแรกที่เริ่มต้นว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ตามมาตรา 256 เพื่อที่จะเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งก็มาถกเถียงกันในเรื่องหมวด 1 หมวด 2 และยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะแก้หรือไม่แก้ ซึ่งตนเห็นว่าเนื้อหาดังกล่าวนี้ ควรจะไปคุยในชั้น สสร. หรือในเวทีรัฐสภาน่าจะดีกว่า เพราะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้การทำประชามติของการแก้ไขและรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถเดินไปได้ ดังนั้นในส่วนตัวควรหยุดถกเถียงเรื่องนี้ก่อน
เมื่อถามว่า เข้ามาทำเนียบรัฐบาลครั้งแรกมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า แตกต่างจากที่อยู่ข้างนอกอย่างสิ้นเชิง ปกติถูกกันอยู่แต่ข้างนอก วันนี้มีโอกาสได้เข้ามาในทำเนียบรัฐบาลก็ถือว่าดี จริงๆแล้วพื้นที่ส่วนราชการแบบนี้ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร หรือตัดสินใจทิศทางของประเทศด้วย ย่อมเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะสถานที่ราชการไม่ควรจะเข้ายาก ควรจะเข้าให้ง่ายกว่านี้ และหวังว่ากลุ่มอื่นๆ และทีมอื่นๆ จะได้เข้ามาพูดคุยเหมือนกับที่ตนได้เข้ามา
อ.รัฐศาสตร์ ชี้ถ้า พ.ร.บ.กู้เงิน ไม่ผ่านชั้นสภา-ศาลรัฐธรรมนูญ ตามธรรมเนียม ‘นายกฯ’ รับผิดชอบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4283107
‘ยุทธพร’ ชี้ หาก พ.ร.บ.กู้เงินไม่ผ่าน ทั้งศาล รธน.-สภา นายกฯต้องรับผิดชอบ
เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงกระแสเสียงวิจารณ์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลไม่ตรงปกว่า มองเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ดี เปรียบเป็นสภาวะทางสองแพร่งสำหรับรัฐบาลพอสมควร เพราะถือเป็นนโยบายหลักที่ใช้ในการหาเสียง ถ้าเกิดถอยกระบวนการตั้งคำถามจะเกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยเองไม่สามารถล้มเลิกนโยบายนี้ได้
นายยุทธพรกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าในช่วงของการข้ามขั้วทางการเมือง เครดิตและความเชื่อมั่นของพรรคเพื่อไทยก็เป็นปัญหาใหญ่ แต่เมื่อข้ามขั้วแล้วนโยบายและผลงานถือเป็นสิ่งสำคัญ พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะถอยไม่ได้ในเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน ถ้าเดินหน้าจะต้องถูกกระบวนการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน เช่น ป.ป.ช. ซึ่งมีคณะทำงานขอข้อมูลในหลายเรื่อง รวมถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปดูทั้งหมด หรือแม้การถูกวิจารณ์จากสังคม ถือมีส่วนสำคัญในการตรวจสอบเหมือนกัน รวมไปถึงข้อกฎหมายต่างๆ เช่น พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เรื่องการเสนอ พ.ร.บ.กู้เงิน ว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ จะมีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือหรือไม่ ที่จะคล้ายกับ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทุกอย่างถือเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางกฎหมายและทางการเมืองด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสุดท้ายกฎหมายไม่ผ่านทั้งชั้นสภา หรือศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบอย่างไร นายยุทธพรกล่าวว่า ปกติตามธรรมเนียม นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบ แม้ว่ากฎหมายไม่ได้เขียนเอาไว้ว่าจะต้องทำอย่างไรในกรณีกฎหมายสำคัญไม่ผ่าน แต่คงต้องแสดงความรับผิดชอบ