โลกตะลึง! ทัพอิสราเอลบุกถล่มโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ปาเลสไตน์ชี้ ‘อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ’
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4282922
ควันและเปลวไฟที่พวยพุ่งเหนือเมืองกาซา ในฉนวนกาซา / AP
โลกตะลึง! ทัพอิสราเอลบุกถล่มโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ปาเลสไตน์ชี้ ‘อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ’
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน กองทัพอิสราเอลประกาศว่ากำลังปฏิบัติการโจมตีกลุ่มติดอาวุธฮามาส ภายในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา ที่อิสราเอลกล่าวอ้างว่ากลุ่มฮามาสได้สร้างฐานบัญชาการอยู่ใต้ดินของโรงพยาบาลแห่งนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ฮามาสยอมแพ้
กองกำลังป้องกันอิสราเอล(ไอดีเอฟ) แถลงว่า จากข้อมูลข่าวกรองและความจำเป็นในการปฏิบัติการ กองกำลังไอดีเอฟกำลังปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มฮามาสอย่างแม่นยำและตรงเป้าหมายในพื้นที่เฉพาะที่ระบุในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา
ไอดีเอฟบอกด้วยว่า กองกำลังไอดีเอฟ รวมถึงทีมแพทย์และผู้พูดภาษาอาหรับ ซึ่งผ่านการฝึกอบรมเป็นการเฉพาะเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนนี้ด้วยความมุ่งมั่นว่าจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อพลเรือน
การประกาศบุกเข้าไปโจมตีฮามาสในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา มีขึ้นภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังจากเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่น โฆษกกระทรวงสาธารณสุขในกาซา เปิดเผยว่า อิสราเอลได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ว่ากองทัพอิสราเอลจะบุกโจมตีโรงพยาบาลในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ดอกเตอร์
มูนีร์ อัล-บูร์ช ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกาซา กล่าวกับสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราว่า กองกำลังอิสราเอลได้โจมตีอาคารด้านตะวันตกของโรงพยาบาล มีการระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลายครั้งและมีฝุ่นเข้ามาในบริเวณที่เราอยู่ เราเชื่อว่าเกิดระเบิดขึ้นภายในโรงพยาบาล
พันโท
ปีเตอร์ เลิร์นเนอร์ โฆษกกองทัพอิสราเอลให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า โรงพยาบาลและพื้นที่โดยรอบมีไว้สำหรับกลุ่มฮามาส มันเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติการของฮามาส บางทีอาจเปรียบได้กับหัวใจที่เต้นอยู่ และเป็นจุดศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงทั้งหมดของฮามาส
ชะตากรรมของโรงพยาบาลอัล-ชิฟา กลายเป็นจุดสนใจของการเตือนภัยระหว่างประเทศเนื่องจากสภาพแวดล้อมภายในโรงพยาบาลที่เลวร้ายลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พร้อมกับเสียงเรียกร้องทั่วโลกให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม หลังจากอิสราเอลเปิดฉากสงครามบุกกวาดล้างฮามาสในฉนวนกาซา เพื่อตอบโต้ที่กลุ่มฮามาสบุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
อิสราเอลกล่าวหาว่ากลุ่มฮามาสมีศูนย์บัญชาการอยู่ใต้โรงพยาบาลอัล-ชิฟาและใช้โรงพยาบาลและอุโมงค์ใต้ดินเพื่อปกปิดปฏิบัติการทางทหารและจับตัวประกันไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มฮามาสปฏิเสธ ขณะที่สหรัฐอเมริกากล่าวในวันที่ 14 พฤศจิกายนว่า หน่วยข่าวกรองของตนสนับสนุนข้อสรุปดังกล่าวของอิสราเอล
ด้านนาย
ไม อัลไคลา รัฐมนตรีสาธารณสุขของสำนักงานปาเลสไตน์ (พีเอ) ในเขตเวสต์แบงก์ กล่าวถึงการบุกเข้าไปโจมตีในโรงพยาบาลอัล-ชิฟาของไอดีเอฟว่า อิสราเอลกำลังก่ออาชญากรรมครั้งใหม่ต่อมนุษยชาติ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และผู้ป่วย ด้วยการปิดล้อมโรงพยาบาลอัล-ชิฟา
ทั้งนี้ ฮามาส ที่ควบคุมดินแดนฉนวนกาซา ระบุว่า มีผู้ป่วยราว 650 คน และ พลเรือน 5,000-7,000 คน ที่ติดอยู่ในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ซึ่งกำลังมีการยิงโจมตีอย่างต่อเนื่องจากพลซุ่มยิงและโดรนของอิสราเอล ท่ามกลางการขาดแคลนเชื้อเพลิง น้ำและเสบียงอาหารอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตในช่วงไม่กี่วันมานี้แล้ว 40 ราย
ขณะที่เหลือทารก 36 คน อยู่ในแผนกแรกคลอด หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว 3 คน เนื่องจากไม่มีเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปั่นไฟเพื่อใช้กับตู้อบทารก ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามทำให้ทารกเหล่านี้ที่ถูกวางเรียงกันอยู่บนเตียง 8 เตียงให้อยู่ในสภาพที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
จับตาสิ้นเดือน พ.ย. ‘นายกฯ’ เตรียมแถลงข่าวใหญ่ สางหนี้ทุกอย่างทั้งระบบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4282934
‘นายกฯ’ เผยเตรียมแถลงใหญ่สิ้นเดือน พ.ย.นี้ ชี้ต้องสางหนี้ทั้งระบบ
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน (ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก สหรัฐ ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยเห็นชอบแนวทางแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งจะคำนวณภาระหนี้ของลูกหนี้ที่ยังชำระไม่หมดให้กลับไปคำนวณเงินต้น และลูกหนี้ที่ชำระมากกว่า 150% สามารถหยุดจ่ายหนี้ได้ว่า นี่เป็นเรื่องนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยรวมของรัฐบาลนี้ ทั้งหนี้ กยศ.หนี้ครู หนี้นอกระบบ และเอสเอ็มอีที่ติดมาตรา 21 เป็นเรื่องที่ตนไม่อยากจะพูดเรื่องเดียว
นายกฯกล่าวว่า แต่ในช่วงปลายเดือนนี้ หรือประมาณ 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ จะแถลงข่าวใหญ่ถึงมาตรการแก้ไขหนี้ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ กยศ.อย่างเดียว แต่จะรวมทุกภาคส่วนเท่าที่จะสามารถทำได้
“รสนา”ชี้รัฐกู้เงินแจกดิจิทัล 1หมื่นอาจขัดม.40
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_640776/
“รสนา”มองรัฐบาลออกพรบ.กู้เงินหนุนแจกดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท อาจขัดรธน. มาตรา 40 เพิ่มหนี้สาธารณะประเทศ
นางสาว
รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มองว่าโครงการนี้มีหลายส่วนที่ยังมิชอบด้วยกฎหมาย เช่นตอนนี้รัฐบาลต้องการจะกู้เงิน 5 แสนล้านบาท โดยออกเป็น พรบ. เพื่อเป็นการหนุนหลังหรือแบ็คอัพเงินดิจิทัล แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ ตามมาตรา 53 ใน พรบ.ว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง การให้กูเงินนั้นจะต้องพิจารณาด้วยว่า การกู้เงินจะต้องกู้ในลักษณะที่มีความจำเป็น คือเป็นกรณีเฉพาะ เป็นกรณีที่เร่งด่วน เป็นกรณีที่แก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ และไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ ตรงนี้ให้ไว้เป็นการเฉพาะในกรณีที่เกิดวิกฤติโดยไม่ได้คาดหมาย แต่การที่รัฐบาลรู้อยู่แล้วและตอนนี้อยู่ในช่วงที่จะทำงบประมาณปี2567
แต่ไปหยิบเอามาตราเฉพาะ ที่ให้สำหรับการแก้ปัญหารีบด่วนมาใช้ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นปัญหามากว่ารัฐบาลไม่สามารถที่จะตอบคำถามได้ว่า กรณีการแจกเงินดิจิทัลนั้น มันมีความรีบด่วน เป็นกรณีที่แก้วิกฤติของประเทศ หรือว่ามันไม่สามารถที่จะหาเงินหรือเอาเงินจากงบประมารรายจ่ายประจำปีได้ ซึ่งคิดว่าน่าจะขัด รธน.มาตรา 40 ก่อน เพราะในมาตรา 40 ระบุไว้ชัดเจนว่าการใช้เงินแผ่นดินมีความจำเป็นต้องทำผ่านกระบวนการทางงบประมาณโดยผ่านรัฐสภา ต้องมีการโหวตยอมรับ แต่การที่รัฐบาลไม่ยอมใช้พระราชกำหนด เพราะรู้ว่าจะเสี่ยงก็เลยจะออกเป็น พรบ.ขึ้นมาซึ่งก็ต้องผ่านรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลอาจจะคิดว่ามีเสียงอยู่ 320 เสียง ยังไงก็สามารถผ่านได้ในกรณีนี้
ทั้งนี้นางสาว
รสนา ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมองกรณีนี้มันอาจจะมีปัญหา และในการประชุมที่ผ่านมา ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒน์ นั้นไม่เห็นด้วย ในแง่ความเห็นของคณะอนุกรรมการบอร์ดดิจิทัลนั้นมองว่า ถ้ารัฐบาลจะแจกเงินก็ควรจะแจกกลุ่มเปราะบางเฉพาะกลุ่มไม่ใช่แจกแบบหว่านแห ซึ่งไม่ได้ประโยชน์มากเท่าไหร่นัก รัฐบาลอาจจะดัน GDP ได้ แต่ในส่วนของประเทศจะมีปัญหาจะมีหนี้สาธารณะมากขึ้นในส่วนนี้ด้วย
JJNY : ทัพอิสราเอลบุกถล่มรพ.│จับตาสิ้นพ.ย. นายกฯ สางหนี้ทุกอย่างทั้งระบบ│“รสนา”ชี้รัฐกู้เงินแจกอาจขัดม.40│บาทแข็งค่าขึ้น
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4282922
โลกตะลึง! ทัพอิสราเอลบุกถล่มโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ปาเลสไตน์ชี้ ‘อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ’
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน กองทัพอิสราเอลประกาศว่ากำลังปฏิบัติการโจมตีกลุ่มติดอาวุธฮามาส ภายในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา ที่อิสราเอลกล่าวอ้างว่ากลุ่มฮามาสได้สร้างฐานบัญชาการอยู่ใต้ดินของโรงพยาบาลแห่งนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ฮามาสยอมแพ้
กองกำลังป้องกันอิสราเอล(ไอดีเอฟ) แถลงว่า จากข้อมูลข่าวกรองและความจำเป็นในการปฏิบัติการ กองกำลังไอดีเอฟกำลังปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มฮามาสอย่างแม่นยำและตรงเป้าหมายในพื้นที่เฉพาะที่ระบุในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา
ไอดีเอฟบอกด้วยว่า กองกำลังไอดีเอฟ รวมถึงทีมแพทย์และผู้พูดภาษาอาหรับ ซึ่งผ่านการฝึกอบรมเป็นการเฉพาะเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนนี้ด้วยความมุ่งมั่นว่าจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อพลเรือน
การประกาศบุกเข้าไปโจมตีฮามาสในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา มีขึ้นภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังจากเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่น โฆษกกระทรวงสาธารณสุขในกาซา เปิดเผยว่า อิสราเอลได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ว่ากองทัพอิสราเอลจะบุกโจมตีโรงพยาบาลในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ดอกเตอร์มูนีร์ อัล-บูร์ช ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกาซา กล่าวกับสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราว่า กองกำลังอิสราเอลได้โจมตีอาคารด้านตะวันตกของโรงพยาบาล มีการระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลายครั้งและมีฝุ่นเข้ามาในบริเวณที่เราอยู่ เราเชื่อว่าเกิดระเบิดขึ้นภายในโรงพยาบาล
พันโทปีเตอร์ เลิร์นเนอร์ โฆษกกองทัพอิสราเอลให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า โรงพยาบาลและพื้นที่โดยรอบมีไว้สำหรับกลุ่มฮามาส มันเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติการของฮามาส บางทีอาจเปรียบได้กับหัวใจที่เต้นอยู่ และเป็นจุดศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงทั้งหมดของฮามาส
ชะตากรรมของโรงพยาบาลอัล-ชิฟา กลายเป็นจุดสนใจของการเตือนภัยระหว่างประเทศเนื่องจากสภาพแวดล้อมภายในโรงพยาบาลที่เลวร้ายลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พร้อมกับเสียงเรียกร้องทั่วโลกให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม หลังจากอิสราเอลเปิดฉากสงครามบุกกวาดล้างฮามาสในฉนวนกาซา เพื่อตอบโต้ที่กลุ่มฮามาสบุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
อิสราเอลกล่าวหาว่ากลุ่มฮามาสมีศูนย์บัญชาการอยู่ใต้โรงพยาบาลอัล-ชิฟาและใช้โรงพยาบาลและอุโมงค์ใต้ดินเพื่อปกปิดปฏิบัติการทางทหารและจับตัวประกันไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มฮามาสปฏิเสธ ขณะที่สหรัฐอเมริกากล่าวในวันที่ 14 พฤศจิกายนว่า หน่วยข่าวกรองของตนสนับสนุนข้อสรุปดังกล่าวของอิสราเอล
ด้านนายไม อัลไคลา รัฐมนตรีสาธารณสุขของสำนักงานปาเลสไตน์ (พีเอ) ในเขตเวสต์แบงก์ กล่าวถึงการบุกเข้าไปโจมตีในโรงพยาบาลอัล-ชิฟาของไอดีเอฟว่า อิสราเอลกำลังก่ออาชญากรรมครั้งใหม่ต่อมนุษยชาติ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และผู้ป่วย ด้วยการปิดล้อมโรงพยาบาลอัล-ชิฟา
ทั้งนี้ ฮามาส ที่ควบคุมดินแดนฉนวนกาซา ระบุว่า มีผู้ป่วยราว 650 คน และ พลเรือน 5,000-7,000 คน ที่ติดอยู่ในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ซึ่งกำลังมีการยิงโจมตีอย่างต่อเนื่องจากพลซุ่มยิงและโดรนของอิสราเอล ท่ามกลางการขาดแคลนเชื้อเพลิง น้ำและเสบียงอาหารอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตในช่วงไม่กี่วันมานี้แล้ว 40 ราย
ขณะที่เหลือทารก 36 คน อยู่ในแผนกแรกคลอด หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว 3 คน เนื่องจากไม่มีเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปั่นไฟเพื่อใช้กับตู้อบทารก ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามทำให้ทารกเหล่านี้ที่ถูกวางเรียงกันอยู่บนเตียง 8 เตียงให้อยู่ในสภาพที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
จับตาสิ้นเดือน พ.ย. ‘นายกฯ’ เตรียมแถลงข่าวใหญ่ สางหนี้ทุกอย่างทั้งระบบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4282934
‘นายกฯ’ เผยเตรียมแถลงใหญ่สิ้นเดือน พ.ย.นี้ ชี้ต้องสางหนี้ทั้งระบบ
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน (ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก สหรัฐ ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยเห็นชอบแนวทางแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งจะคำนวณภาระหนี้ของลูกหนี้ที่ยังชำระไม่หมดให้กลับไปคำนวณเงินต้น และลูกหนี้ที่ชำระมากกว่า 150% สามารถหยุดจ่ายหนี้ได้ว่า นี่เป็นเรื่องนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยรวมของรัฐบาลนี้ ทั้งหนี้ กยศ.หนี้ครู หนี้นอกระบบ และเอสเอ็มอีที่ติดมาตรา 21 เป็นเรื่องที่ตนไม่อยากจะพูดเรื่องเดียว
นายกฯกล่าวว่า แต่ในช่วงปลายเดือนนี้ หรือประมาณ 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ จะแถลงข่าวใหญ่ถึงมาตรการแก้ไขหนี้ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ กยศ.อย่างเดียว แต่จะรวมทุกภาคส่วนเท่าที่จะสามารถทำได้
“รสนา”ชี้รัฐกู้เงินแจกดิจิทัล 1หมื่นอาจขัดม.40
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_640776/
“รสนา”มองรัฐบาลออกพรบ.กู้เงินหนุนแจกดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท อาจขัดรธน. มาตรา 40 เพิ่มหนี้สาธารณะประเทศ
นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มองว่าโครงการนี้มีหลายส่วนที่ยังมิชอบด้วยกฎหมาย เช่นตอนนี้รัฐบาลต้องการจะกู้เงิน 5 แสนล้านบาท โดยออกเป็น พรบ. เพื่อเป็นการหนุนหลังหรือแบ็คอัพเงินดิจิทัล แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ ตามมาตรา 53 ใน พรบ.ว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง การให้กูเงินนั้นจะต้องพิจารณาด้วยว่า การกู้เงินจะต้องกู้ในลักษณะที่มีความจำเป็น คือเป็นกรณีเฉพาะ เป็นกรณีที่เร่งด่วน เป็นกรณีที่แก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ และไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ ตรงนี้ให้ไว้เป็นการเฉพาะในกรณีที่เกิดวิกฤติโดยไม่ได้คาดหมาย แต่การที่รัฐบาลรู้อยู่แล้วและตอนนี้อยู่ในช่วงที่จะทำงบประมาณปี2567
แต่ไปหยิบเอามาตราเฉพาะ ที่ให้สำหรับการแก้ปัญหารีบด่วนมาใช้ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นปัญหามากว่ารัฐบาลไม่สามารถที่จะตอบคำถามได้ว่า กรณีการแจกเงินดิจิทัลนั้น มันมีความรีบด่วน เป็นกรณีที่แก้วิกฤติของประเทศ หรือว่ามันไม่สามารถที่จะหาเงินหรือเอาเงินจากงบประมารรายจ่ายประจำปีได้ ซึ่งคิดว่าน่าจะขัด รธน.มาตรา 40 ก่อน เพราะในมาตรา 40 ระบุไว้ชัดเจนว่าการใช้เงินแผ่นดินมีความจำเป็นต้องทำผ่านกระบวนการทางงบประมาณโดยผ่านรัฐสภา ต้องมีการโหวตยอมรับ แต่การที่รัฐบาลไม่ยอมใช้พระราชกำหนด เพราะรู้ว่าจะเสี่ยงก็เลยจะออกเป็น พรบ.ขึ้นมาซึ่งก็ต้องผ่านรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลอาจจะคิดว่ามีเสียงอยู่ 320 เสียง ยังไงก็สามารถผ่านได้ในกรณีนี้
ทั้งนี้นางสาวรสนา ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมองกรณีนี้มันอาจจะมีปัญหา และในการประชุมที่ผ่านมา ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒน์ นั้นไม่เห็นด้วย ในแง่ความเห็นของคณะอนุกรรมการบอร์ดดิจิทัลนั้นมองว่า ถ้ารัฐบาลจะแจกเงินก็ควรจะแจกกลุ่มเปราะบางเฉพาะกลุ่มไม่ใช่แจกแบบหว่านแห ซึ่งไม่ได้ประโยชน์มากเท่าไหร่นัก รัฐบาลอาจจะดัน GDP ได้ แต่ในส่วนของประเทศจะมีปัญหาจะมีหนี้สาธารณะมากขึ้นในส่วนนี้ด้วย