หางานทำในอังกฤษยากไหม?!

สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาหาหมอและเรามีเวลา 2 ชม เลยคิดว่ามานั้งเขียนอะไรที่มีประโยชน์ดีกว่า

เราเลยนึกขึ้นได้ว่าการหางานที่อังกฤษของเราจากประสบการณ์น่าจะเป็นอะไรที่เป็นประโยชน์กับคนอ่านด้วย (หวังว่านะคะ) 

เราย้ายมาประเทศอังกฤษเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เรามากับวีซ่าติดตามนะคะ เพราะเรามีสามีเป็นชาวอังกฤษ

เราตัดสินใจยังไงถึงมาอยู่ที่อังกฤษ? 
ก่อนอื่นนะคะ เรามาเรียน โท ที่อังกฤษก่อนที่จะย้ายมาที่นี่แล้ว และเข้าๆออกๆประเทศอังกฤษมาเป็นเวลา 11 ปีเนื่องจากเรากับสามีคบกันนานมากๆ ประเด็นสำคัญคือเราจะแค่อยากให้ลูก(ในอนาคต 🙈) ได้สำเนียง และการใช้ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ เพราะเราไม่รู้ทำไมชอบสำเนียง และวัฒนธรรมของคนอังกฤษมากๆ

เหตุผลถัดมาคือเราเคยเป็นครู รร รัฐบาลที่ไทยมาก่อน เราเป็นครูภาษาอังกฤษค่ะ และเรามี passion ในการสอนภาษาอังกฤษกับนักเรียนของเราสูงมากๆ เรารักนักเรียน และรักอาชีพเรามากๆคะ แต่สุดท้ายหลังจากเป็นครูมา 4 ปีเราไปต่อไม่ไหว เพราะเราสู้กับระบบไม่ได้ passion เราสูง และเราเปลี่ยนอะไรไม่ได้เลยเพราะเราแค่พลังเล็กๆ สุดท้ายเราสละสิทธิบรรจุข้าราชการครู 😞

นี่แหละค่ะเหตุผลที่ทำให้เราย้ายมาอังกฤษ🥰

คำถามต่อไปแล้วย้ายมาอังกฤษทำงานอะไร งานหายากไหม ถูกเหยียดไหม? 

เราขอเริ่มที่ย้ายมาแล้วทำงานอะไรก่อนเลยนะคะ เราเริ่มมองๆงานก่อนที่เราจะย้ายมาแล้ว เราฝันสูงมากๆเพราะเราอยากทำงานในมหาลัย Oxford เนื่องจากเมืองที่เราอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยค่ะ เราอยู่ Oxfordshire สรุปได้งานไหม🤣ไม่ได้ค่ะ สมัครไปเยอะจนยอมใจ เลยหมดหวังไปพักหนึง พอมาถึงอาทิตย์แรกเราเครียดมากค่ะเพราะเราเป็นคนชอบทำงาน และไม่ชอบอยู่บ้านเฉยๆ เราจะรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง ในอาทิตย์แรกเราเลยสมัครงานไปหลายที่มากๆไม่ว่า supermarket งานโรงเรียน พี่เลี้ยงเด็กใน nursery งานโรงพยาบาล งานโรงแรม รวมถึงงานที่มหาลัยOxford เข็ดแค่ไหนยังสมัครคะ🤣

สรุปเราถูกเรียกสัมภาษณ์ 3 ที่ค่ะ
งานที่ nursery (พี่เลี้ยงเด็ก เป็นแนวไปผู้ช่วย)
งานที่มหาลัย Oxford ( งาน course administrator) 
งานโรงแรม ( ทำ front desk- receptionist)
สรุปสอบตกสองงานไม่มีตัวเลือก🤣 เลือกไม่ได้ ทายคะว่าคนที่มีประสบการณ์ในการเป็นครูมาก่อน และใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับเราคิดว่าดี ได้งานอะไร?!?! 

ทาด่า!!! เราได้งาน receptionist ค่ะ งานนี้ข่วงแรกคือตื่นเต้น เพราะเราแอบดีใจที่เราต้องใช่ภาษาอังกฤษสื่อสารตลอดเวลาและพัฒนาความมั่นใจในการพัฒนาภาษาอังกฤษของเราได้ แต่พอทำไปนะคะทุกคน คือมันทรมานมากเพราะงานค่อนข้างหนักตรงที่ เราต้องเข้ากะ กะจะมีกะเช้า กะกลาง และกะดึก เรามักจะได้กะดึก และไม่ค่อยได้หยุดเสาร์อาทิตย์ (เราต้องการหยุดเสาร์อาทิตย์) แต่เป็นไปได้ยากมากเพราะงานมันเป็นแบบนี้ เรากับสามีแทบไม่ได้เจอกันเลยคะในเวลาเกือบ 2 ปีที่เราทำงานนี้ เพราะสามีตื่นไปทำงานเรายังนอนอยู่ พอสามีกลับมาจากโรงเรียนเราไปทำงานแล้ว เราตะกลับบ้านอีกทีก็เที่ยงคืนกว่า เราอดทนเพื่อจะทำงานนี้นานมากเนื่องจากว่าเราต้องการจะซื้อบ้าน เราเลยกัดฟันจริงๆคะ เราซื้อบ้านที่อังกฤษได้ช่วงเกือบ 1 ปีแรกที่เรามาอยู่ที่นี่เพราะงานนี้คะ แต่สิ่งที่เราเจอคือ บางครั้งแขกเหยียด ด่า ก็มี แต่แขกที่ดีๆที่เขารักเราก็มีค่ะ โดยรวมงานคือกดดันมาก เราทำงานนี้ได้ แต่มันไม่ได้เป็นงานที่เราอยากทำ
เราเคยอัดวิดีโอเกี่ยวกับความรู้สึกของเราไว้ด้วยนะคะ คือพอย้อยกลับมาดูเรารู้สึกว่าเราเป็นสาวไทยที่แข็งแกร่งคนหนึงเหมือนกัน คลิปนี้นะคะ https://youtu.be/poyCSYTdG6Q?si=n5kVl7s887SW1PSz เป็นคลิปที่เวลาเราดูย้อยไปทำให้เรามีกำลังใจมากๆ เพราะมันเตือนเราว่าการย้ายประเทศมันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นในช่วงแรก แต่พอสักพักมันต้องพร้อมรับกับความเป็นจริงที่เราต้องตั้งสติดีๆว่าเราควรจะเริ่มชีวิตใหม่ยังไง เริ่มจากอะไรก่อน คลิปนี้เราคุยเกี่ยวกับงานที่เราทำคืองาน receptionist นี่แหละคะ มันเป็นงานที่เราใช้เวลาแลกเงินมาและสะสมประสบการณ์เพื่อจะพาเราไปหางานใหม่ เราแอบหวังว่าคนอ่านจะได้กำลังใจจากคลิปนี้นะคะถ้าคุณได้มีโอกาสชม เราคิดเสมอว่าถ้าเราอดทนอะไรก็มาทำอะไรเราไม่ได้ แค่เราตั้งสติ วางลำดับในการพัฒนาตัว แก้ปัญหาไปทีละขั้น เราก็จะหลุดออกจากสิ่งที่เราไม่อยากทำ เช่นงาน reception ของเรา

หลังจากทำงาน receptionist มาได้จวนสองปี เราซื้อบ้านไปเรียบร้อยแล้วคะ นี่คือความภูมิและความสำเร็จ 1 ขั้นของการใช้ชัวิตที่อังกฤษ เราไม่ต้องเช่าบ้านอีกต่อไป เย้ๆ 🎉 เหตุการณ์เกิดที่โรงแรมทำให้เราต้องหางานใหม่ในคืนนั้นเลยคะ เราจะมี Duty manager ตอนกลางคืน แล้วนางเป็นคนที่คิดว่า การเป็น duty manger คือนางจะทำอะไรก็ได้ช่วงนั้นอยู่ในช่วงโควิดด้วยคะ แขกที่มาเราต้องเสิร์ฟอาหารในห้องเท่านั้น และนางต้องเสิร์ฟเพราะเราต้องอยู่ที่reception desk นางพาเพื่อนมานั้งใน brasserries (ร้านอาหารในโรงแรม) เพราะนางไม่มีอะไรทำเยอะเท่าเรา เอาเพื่อนมาเมาส์มอย กินกาแฟฟรี คือถ้า general manager รู้นางก็ไม่รอดคะ เพราะนี่อยู่ในระหว่างเวลางาน เราไม่เคยพูดอะไร เพราะเราไม่ชอบนาง เราเฉยๆ ไม่ใส่ใจ เราทำหน้าที่ของเราไปคะ ขณะที่นางเมาส์กับเพื่อนนางลืมเวลาที่จะเสิร์ฟอาหารแขก แขกโทรมาที่เราบอกว่าเขารอ 1 ชม แล้ว 🤯 เราเลยโทรไปบอกนางว่า เธอต้องเสิร์ฟอาหาร 1 ชม ที่แล้วหรือเปล่า แขกโทรมาทวงว่าเขายังไม่ได้รับอาหาร นางเลยตกใจ ตระหนกคะ เพราะมัวแต่คุยกับเพื่อนเสียงดังเลยรีบเตรียมอาหาร แล้วรีบออกมากจาก brasseries แล้วในความรับนางเหวี่ยงประตู แก้วไวน์ และ ขวดไวน์ตกพื้นแตกกระจาย นางเลยตะโกนมาที่เราว่า ‘ Mod, can you clean the floor?!!?!’ เราตอบไปว่า ‘No, I don’t think it’s my job.’ นางไม่ต่อปากต่อคำกับเรา แค่รีบไปเอาไวน์และแก้วไวน์ใหม่เพราะจะเสิร์ฟกับอาหารให้แขก เราแค่ช่วยโดยการรีบวิ่งไปเอาป้าย Wet floor มาวางแล้วเอาผ้าคลุมในส่วนที่มีแก้วอยู่ พอนางกลับมา นาง FaceTime กับใครไม่รู้เสียงดังหลัง reception desk ที่เรากำลัง check in แขกอยู่ พอแขกไปนางบอกว่า ‘Mod clean the floor.’ เราตอบนางไปอีกว่า ‘ no, I don’t think it’s my job. You broke the glass you clean it.’ จากนั้นคะ นางตาขุ่นเสียงแข้มพูดใส่หน้าเราว่า ‘ do you not know who I am. I am your duty manager! I can get you to do anything.’ (รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็น Duty manager เธอนะ ฉันจะให้เธอทำอะไรก็ได้’ เราโกรธมาค่ะ และเราก็ยืนยันว่า ‘ I will not clean the floor.’ นางก็หายไปใน brasseries แล้วไปใช้ให้คนอื่นทำ ความโกรธของเราคือเรารับเขียนอีเมลเล่าเหตุการณ์ให้ general manager ทราบเรื่อง และบอกว่าเราไม่ happy กับการ treat ของ duty manager เราไม่ได้เป็นคนทำความสะอาด อีกอย่างเราไม่ได้เป็นคนทำแก้วแตก หรือละเลยหน้าที่ของตัวเอง และหลังจากเลิกงานคืนนั้นคือ เราเลยเปิดคอมหางานใหม่ตอนเที่ยงคืนครึ่ง เราเจองานใน Supermarket ที่ชื่อว่า Waitrose เดืนจากบ้านเราไป5 นาทีถึง เราเลยนั้งทำข้อสอบของ super  ส่ง CV จนถึง เราจำได้เลยเรานั้งสมัครงานนี้บนขั้นบันไดหน้าห้องนอนเพราะเราไม่อยากปลุกสามี ทำไปร้องไห้ไป เสียใจไป สรุปค่ะในความโกรธ ความเสียใจ เราได้งานนี้ค่ะ อีกสองวันให้หลังมีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าขอสัมภาษณ์งานทาง Zoom call เราเลยบอกว่าเลยคะทั้งๆที่ไม่ว่าง เราลาป่วย เราโกหกโรงแรมค่ะ เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่โอเคกับการที่เราถูก Treat มากๆ สรุปเราได้งานใหม่ค่ะ แล้วเราก็ดีใจมากๆ หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ duty manger 5 วันเรายื่นใบลาออก และ general manger ก็พยายามบอกว่า เขาจัดเวลาเพื่อจะคุยเรื่องที่เรา report ไปไม่ทันเขาบอกว่าจะให้ duty manger คนนั้นมาขอโทษ เราบอกว่า It’s too late. I don’t deserve to be treated that way. เราสนิทกับ deputy manager และเขารู้ว่าเราทำงานงานยังไง และเราทำงานดีด้วย deputy manager บอกว่าขอคุยกับเราใน office ได้ไหมหลังจากทรายว่าเราจะลาออก เราไปหาเขาในoffice ค่ะ และเขาเสนอว่าถ้าทางเขายื่นข้อเสนออะไรที่สามารถทำให้เราอยู่ที่นี่ต่อไปได้ให้เราบอกเขาว่าเราไม่ไหวจริงๆ แล้ว deputy manger บอกเราว่าเขาจะไปคุยกับ general manger และจะขอเจอเราอีกที สรุปเราเจอกับสองmanagers และได้รับข้อเสนอให้เป็น front desk manager ค่ะ แต่เราบอกสองคนไปว่า เราขอบคุณมากๆแต่เราทำงานในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว และเราก็ยืนยันบาออกค่ะ เขาไม่สามารถทำอะไรได้เยอะกับ duty manger ที่คนมีเรื่องกับเรานอกจากตักเตือนเพราะที่นี่เอาคนออกยากมากๆคะ เราเลยคิดว่าถ้านางอยู่เราไปดีกว่าเพราะยังไงเราก็มีทางเลือกตอนนี้

สรุปการทำงานที่ Waitrose เรามีความสุขมากๆแบบต่างจากโรงแรมมากๆทุกคนเคารพซึ่งกันและกัน แถมเรามีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และเลิกดึกสุดคือ 2 ทุ่ม ได้ส่วนลดในการซื้อของในซุปเปอร์ ได้เงินโบนัส แถมมีเพื่อนร่วมงานที่ดีและกลายเป็นเพื่อนกัน ระบบการทำงานใน Waitrose สอนเราเยอะมากๆ และเรารักที่ทำงานแห่งนี้มากๆคะ หลายๆคนที่อยู่ที่อังกฤษมักจะคิดว่าเป็นซุปเปอร์ไฮโซ แพงและเขาจะรับเฉพาะคนขาว เราตอบได้เลยคะว่าไม่จริง เรารับหมดไม่ว่าใคร ถ้าเราทำข้อสอบเขาได้ เพื่อนร่วมงานเรามีทั้งชาว อังกฤษ โปแลนด์ โปรตุเกส และอื่นๆ เวลาเรามีหมอนัดนะคะ ทีมก็จะ cover แล้วพอเรามาที่ทำงานถ้าเขารู้ว่า เรามาจากหมอนัดเราจะถูกไล่ให้ขึ้นไปนั้งพักข้างบนอย่างน้อย30 นาทีก่อนลงมาทำงาน ที่ทำงานมีแต่เสียงหัวเรา ลูกค้าก็น่ารัก คุยสนุก คือมันอบอุ่นมากๆค่ะ เราแนะนำคนไทยในอังกฤษทำงานที่นี่นะคะถ้าไม่รังเกียจงานด้าน retail เราก็อัดวิดีโอแชร์ประสบการณ์การทำงานที่นี่ไว้ด้วยนะคะhttps://youtu.be/_ibQTZYodS4?si=9Y2-m1Qjg-kA48O1 ทุกคนจะเห็นความต่างระหว่าง คลิปแรกกับคลิปนี้มากๆ เพราะงานนี้เรามีความสุขมากๆจริงๆถึงแม้มันเป็นงานที่ไม่เกี่ยวกับครูเลย แต่มันเป็นงานที่สอนเรามากๆในเรื่องของวัฒนธรรมในการทำงานในประเทศอังกฤษ ความ diverse และความเคารพในความแตกต่างของแต่ละบุคคล

หลังจากนั้นนะคะเราทำงานที่ Waitrose 1 ปีกว่าๆ ระหว่างทำงานที่นั้นเราก็ยังสมัครงานในมหาลัยและ college ไปเรื่อย จนมาวันหนึงเราถูกเรียกสัมภาษณ์ที่มหาลัย Oxford!!!!!! ทุกคนนนนนน เราไม่ได้อยากจะไปจาก Waitrose เพราะเราไม่ชอบงานที่นี่นะคะ เรายังชอบงานที่ Waitrose แต่พอเราทำไปสักพักเราเริ่มไม่ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น เราเลยคิดว่าถึงเวลาในการหาอะไรที่ท้าท้ายขึ้น ทุกคนนนนการได้สัมภาษณ์งานที่มหาลัย Oxford อีกครั้งคือเป็นอะไรที่เราตื่นเต้นมาก เราอ่านหนังสือการสัมภาษณ์เยอะมาก เตรียมตัวเยอะมากคราวนี้คะ สรุปทุกคนนนนนเราผ่านสัมภาษณ์รอบแรก และได้ทำข้อสอบ และสัมภาษณ์อีกรอบ คือพอได้รับอีเมลนะคะ เขาแจ้งว่าเราได้งาน เราดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกก และเราก็ไปต่อรองกับหัวหน้าที่ Waitrose ว่าเราขอทำงานที่นี่ part time วันเสาร์อย่างเดียวได้ไหม เพราะเราชอบที่นี่มากๆและยังอยากทำงานต่อ เราได้รับข่าวดีว่าเราก็สามารถทำงานที่ Waitrose ต่อได้ด้วย คือทุกคนนนน เรามีความสุขมากๆ และตอนนี้เราก็ทำงานที่ Waitrose วันเสาร์ ทำงานที่มหาลัย Oxford full time จ-ศ มนที่สุดค่ะเราได้ทำงานที่เรา ‘รัก’ มันไม่ใช่ค่ะงานที่เรา ‘ทำได้’ อีกต่อไป

นี่แหละคะทุกคนระยะเวลา 4 ปีกับการตั้งสติของเราเพื่อให้เราได้ใบ้ชีวิตต่างแดนได้อย่างมีความสุขทีละนิด มันต้องใช่ความอดทนจริงๆ และเราต้องคอยให้กำลังใจตัวเอง คอยบอกตัวเองว่าเราต้องทำได้ แค่เราต้องให้เวลาตัวเองนะคะ

เราขอให้คนที่กำลังวางแผนย้ายไปต่างประเทศโชคดีนะคะ และขอให้มีกำลังใจ มีใจที่เข้มแข็งแน่วแน่ และบอกตัวเองนะคะว่า ‘ถ้าคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้เช่นกัน’ 

ขอบคุณนะคะที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ 🍂

คลิปตอนเราเสียใจอยากถอยหลังจากงานที่มหาลัยค่ะ https://youtu.be/K-H-xr8NUqY?si=l_xGAUae28QwjNNJ

คลิปตอนเราเกือบไม่ผ่าน Probation งานที่มหาลัย https://youtu.be/8CAlqqzuvc0?si=PhWnmqY3em7T37_g

และคลิปนี้คือคลิปที่เราอัดไว้หลังจากทำงานครบ 1 ปี เต็ม ครบ 1 ปีเมื่อเดือนที่แล้วเองค่ะ Oct 2023  https://youtu.be/ZGdBVgLhcm4?si=7vFl1bj-_ai-Ww3s

Take care,

Thai Lemongrass
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่