เวทีลูกทุ่งนักร้องกำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนาน
คนเต้น 88 "มันมากเบย"
นักร้อง "เพลงต่อไปเลยละกัน แม้ว่าจะยังร้องเพลงเดิมอยู่"
คนเต้น 49 "เม็ดลี่สินะ ดี จัดเบย"
นักร้อง "งั้นก่อนจะฟังเพลงต่อไป ฟังเพลงเดิมให้จบก่อน"
คนดูเห็นความโลเลของนักร้องเลยถอดใจแยกย้ายกันกลับบ้าน
มือเบส "เราผิดหวังกับเจ้ามาก"
นักร้อง "เป็นแผนน่ะ เราจะไปเล่นเกมซือชิมะต่อ"
มือกลอง "ดี เอาให้จบวันนี้เบย"
ที่ห้องนั่งเล่น
นักร้อง "เข้ามาแล้วบรรยากาศแปลก ๆ"
ผู้จัดการ "จะบอกว่าเป็นผีแม่ของนังวังกุ้งมารึ?"
มือกลอง "รวบรัดดี โน่นไง เราเห็นผีแม่วังกุ้งแล้ว"
ผีแม่วังกุ้งก็ลอยมาที่กลุ่มคน
ผีแม่วังกุ้ง "ตางีแค่เป็นคนฆ่าเรา"
ผู้จัดการ "กล่าวหาคนอื่นงี้มีหลักฐานเปล่า ถึงเป็นผีก็กล่าวหาลอย ๆ ไม่ได้นา"
ผีแม่วังกุ้ง "เราเห็นกับตาตอนเราเองโดนฆ่า"
นักร้อง "งั้นไปหาตางีแค่กัน"
ทั้งหมดก็ไปยังบ้านตางีแค่ แต่ต้องผ่านบ้านของวังกุ้งก่อน
มือเบส "วังกุ้งไม่อยู่บ้าน งั้นไปบ้านตางีแค่ต่อเลย"
ก็ไปถึงบ้านตางีแค่ ก็พบวังกุ้งกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่
ผีแม่วังกุ้ง "เราโดนฆ่าแต่ลูกกลับมาเป็นคนใช้ผู้ที่ฆ่าเราฮึ่ม"
วังกุ้ง "เพราะเรายังไม่รู้เปล่า จะให้คนรู้เรื่องทุกคนเลยว่างั้น?"
นักร้อง "ใช่ ไร้เหตุผลงี้เราชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะเชื่อถือเจ้าได้ไม๊"
ผีแม่วังกุ้ง "ไม่เชื่อกันว่าตางีแค่ฆ่าเรา งั้นคอยดู"
ผีแม่วังกุ้งก็เข้าบ้านไปนำตัวตางีแค่มา
งีแค่ "แสดงว่าเราอยู่บ้านนั่นเอง"
มือเบส "ก็ดีแล้ว ตกลงเจ้าจะยอมรับไม๊ว่าได้ฆ่าผีแม่วังกุ้งไป"
งีแค่ "เราคิดแล้วว่าจะมีวันนี้ เราเลยเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว"
ตางีแค่จึงเชิญทุกคนไปดูคลิปวีดีโอและว่า "เราถ่ายไว้ตอนวันเกิดเหตุว่าคนร้ายจริง ๆ เป็นใคร"
ว่าแล้วก็เปิดคลิป ก็พบว่าคนฆ่าลักษณะเป็นวัยรุ่น
งีแค่ "จะลงโทษที่กล่าวหาผู้บริสุทธิ์อย่างไร?"
ผีแม่วังกุ้ง "ได้ เราจะสังเวยลูกเราละ"
ณ วันพิธี วังกุ้งก็ถูกตรึงกางเขนเตรียมโดนเผา
ผีแม่วังกุ้ง "เราขอมอบร่างลูกเราถวายแก่เทพเคกู"
ผู้จัดการ "เผาทั้งเป็นโหดร้ายกันมาก"
วังกุ้ง "จงช่วยเรา"
นักร้อง "เราคิดค้นยาช่วยให้ร่างกายทนต่อไฟได้ดี 10 เท่ามา"
งีแค่ "จากที่จะต้องตายไม่นาน ก็เพิ่มระยะเวลาไป 10 เท่าถึงตายไรงี้"
นักร้อง "ใช่ มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น ไม่ต้องขอบใจเรา"
วังกุ้ง "จุดไฟอ่อน ๆ ด้วยเลยละกัน จะได้ยืดเวลาการตายไปได้อีก"
มือเบส "ค่อย ๆ เผาวันละส่วน ๆ ดีมะ เพื่อความปราณี"
คนเต้น 55 "แบบกว่าจะตายก็ใช้เวลา 55 ปีไรงั้น"
วังกุ้ง "ซึ้งใจโลกมาก เป็นงี้กัน"
นิทานก่อนนอน 174
คนเต้น 88 "มันมากเบย"
นักร้อง "เพลงต่อไปเลยละกัน แม้ว่าจะยังร้องเพลงเดิมอยู่"
คนเต้น 49 "เม็ดลี่สินะ ดี จัดเบย"
นักร้อง "งั้นก่อนจะฟังเพลงต่อไป ฟังเพลงเดิมให้จบก่อน"
คนดูเห็นความโลเลของนักร้องเลยถอดใจแยกย้ายกันกลับบ้าน
มือเบส "เราผิดหวังกับเจ้ามาก"
นักร้อง "เป็นแผนน่ะ เราจะไปเล่นเกมซือชิมะต่อ"
มือกลอง "ดี เอาให้จบวันนี้เบย"
ที่ห้องนั่งเล่น
นักร้อง "เข้ามาแล้วบรรยากาศแปลก ๆ"
ผู้จัดการ "จะบอกว่าเป็นผีแม่ของนังวังกุ้งมารึ?"
มือกลอง "รวบรัดดี โน่นไง เราเห็นผีแม่วังกุ้งแล้ว"
ผีแม่วังกุ้งก็ลอยมาที่กลุ่มคน
ผีแม่วังกุ้ง "ตางีแค่เป็นคนฆ่าเรา"
ผู้จัดการ "กล่าวหาคนอื่นงี้มีหลักฐานเปล่า ถึงเป็นผีก็กล่าวหาลอย ๆ ไม่ได้นา"
ผีแม่วังกุ้ง "เราเห็นกับตาตอนเราเองโดนฆ่า"
นักร้อง "งั้นไปหาตางีแค่กัน"
ทั้งหมดก็ไปยังบ้านตางีแค่ แต่ต้องผ่านบ้านของวังกุ้งก่อน
มือเบส "วังกุ้งไม่อยู่บ้าน งั้นไปบ้านตางีแค่ต่อเลย"
ก็ไปถึงบ้านตางีแค่ ก็พบวังกุ้งกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่
ผีแม่วังกุ้ง "เราโดนฆ่าแต่ลูกกลับมาเป็นคนใช้ผู้ที่ฆ่าเราฮึ่ม"
วังกุ้ง "เพราะเรายังไม่รู้เปล่า จะให้คนรู้เรื่องทุกคนเลยว่างั้น?"
นักร้อง "ใช่ ไร้เหตุผลงี้เราชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะเชื่อถือเจ้าได้ไม๊"
ผีแม่วังกุ้ง "ไม่เชื่อกันว่าตางีแค่ฆ่าเรา งั้นคอยดู"
ผีแม่วังกุ้งก็เข้าบ้านไปนำตัวตางีแค่มา
งีแค่ "แสดงว่าเราอยู่บ้านนั่นเอง"
มือเบส "ก็ดีแล้ว ตกลงเจ้าจะยอมรับไม๊ว่าได้ฆ่าผีแม่วังกุ้งไป"
งีแค่ "เราคิดแล้วว่าจะมีวันนี้ เราเลยเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว"
ตางีแค่จึงเชิญทุกคนไปดูคลิปวีดีโอและว่า "เราถ่ายไว้ตอนวันเกิดเหตุว่าคนร้ายจริง ๆ เป็นใคร"
ว่าแล้วก็เปิดคลิป ก็พบว่าคนฆ่าลักษณะเป็นวัยรุ่น
งีแค่ "จะลงโทษที่กล่าวหาผู้บริสุทธิ์อย่างไร?"
ผีแม่วังกุ้ง "ได้ เราจะสังเวยลูกเราละ"
ณ วันพิธี วังกุ้งก็ถูกตรึงกางเขนเตรียมโดนเผา
ผีแม่วังกุ้ง "เราขอมอบร่างลูกเราถวายแก่เทพเคกู"
ผู้จัดการ "เผาทั้งเป็นโหดร้ายกันมาก"
วังกุ้ง "จงช่วยเรา"
นักร้อง "เราคิดค้นยาช่วยให้ร่างกายทนต่อไฟได้ดี 10 เท่ามา"
งีแค่ "จากที่จะต้องตายไม่นาน ก็เพิ่มระยะเวลาไป 10 เท่าถึงตายไรงี้"
นักร้อง "ใช่ มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น ไม่ต้องขอบใจเรา"
วังกุ้ง "จุดไฟอ่อน ๆ ด้วยเลยละกัน จะได้ยืดเวลาการตายไปได้อีก"
มือเบส "ค่อย ๆ เผาวันละส่วน ๆ ดีมะ เพื่อความปราณี"
คนเต้น 55 "แบบกว่าจะตายก็ใช้เวลา 55 ปีไรงั้น"
วังกุ้ง "ซึ้งใจโลกมาก เป็นงี้กัน"