https://mgronline.com/stockmarket/detail/9660000102031
กระแสเรียกร้องให้ระงับการทำ SHORT SELL หรือการยืมหุ้นมาขาย และการยกเลิกโปรแกรมการซื้อขายหรือ ROBOT ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด แม้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะชักชวนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยออกมาร่วมกันแถลงข่าว
ยืนกระต่ายขาเดียว ย้ำไม่มีเหตุผลเพียงพอยกเลิก SHORT SELL และ ROBOT เพราะไม่ใช่ตัวการถล่มหุ้นก็ตาม
ข้อกล่าวหาของนักลงทุนที่มองว่า SHORT SELL และ ROBOT เป็นมหาโจรร้ายที่เข้ามาปล้นนักลงทุนในประเทศ ยังถูกตอบโต้จากตลาดหลักทรัพย์ว่า เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น
เพราะผลการตรวจสอบข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ไม่พบความผิดปกติในรายการของ SHORT SELL และ ROBOT
ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ นำข้อมูลการตรวจสอบหลายแง่มุม เพื่อแก้ข้อกล่าวหา SHORT SELL และ ROBOT โดยเฉพาะสัดส่วนมูลค่าการซื้อขาย ซึ่งมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับมูลค่าซื้อขายหุ้นรวมทั้งตลาด
แต่ข้อมูลการตรวจสอบที่ตลาดหลักทรัพย์นำมาแสดง ไม่อาจลบล้างความรู้สึกของนักลงทุนได้ว่า ตลาดหุ้นที่ฟุบหนักมายาวนาน 5 ปี โดยเฉพาะปีนี้ที่ดัชนีหุ้นทรุดลงประมาณ 280 จุด หรือทรุดลงประมาณ 16% สร้างสถิติเป็นแชมป์ตลาดหุ้นยอดแย่ที่สุดในโลกประจำปี ไม่ได้เกิดจากการกระทำของ SHORT SELL และ ROBOT
พูดให้ตรงประเด็นคือ นักลงทุนไม่เชื่อคำแถลงของนายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ ไม่เชื่อระบบตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์
กระแสต่อต้าน SHORT SELL และ ROBOT จึงไม่แผ่วลงแม้แต่น้อย แต่กำลังลุกลามขยายวงไปสู่การต่อต้านโจมตีผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์
มหาโจรร้าย SHORT SELL และ ROBOT ที่ถล่มตลาดหุ้น เป็นเพียงความรู้สึก เป็นเรื่องที่นักลงทุน “มโน” ขึ้นมาเองหรือไม่ ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ และจะมีข้อยุติ เมื่อตลาดหลักทรัพย์สามารถแสดงข้อมูลที่มีน้ำหนักรับฟังได้
และเป็นข้อมูลที่ทุกฝ่ายเถียงตลาดหลักทรัพย์ไม่ออก
ข้อมูลที่คนทั้งตลาดหุ้นอยากรู้คือ SHORT SELL หรือการยืมหุ้นมาขายในช่วงหุ้นขาลง โกยกำไรจากนักลงทุนรายย่อยไปแล้วเท่าไหร่
แต่สิ่งที่อยากรู้มากกว่าคือ ในช่วงประมาณ 5 ปี หรือตั้งแต่ตลาดหักทรัพย์ปล่อยให้ ROBOT เข้ามาโจมตี และเล่นนอกกติกา โดยทำ NAKED SHORT หรือการขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ
ROBOT ขนกำไรจากตลาดหุ้นไทยออกไปแล้วจำนวนเท่าไหร่
ตัวเลขการได้เสีย กำไรหรือขาดทุน จะเป็นคำตอบทุกอย่างสำหรับข้อถกเถียงเกี่ยวกับ ROBOT
นายภากรยืนยันเสียงแข็งว่า ตรวจสอบการซื้อขายของ ROBOT ตลอดเวลา ดูทุกวัน ดังนั้น จึงไม่เกินความสามารถที่จะประมวลผลการซื้อขายของ ROBOT และสามารถรวบรวมข้อมูลได้ว่า กำไรหรือขาดทุนจำนวนเท่าใด
การลงทุนในตลาดหุ้น เมื่อมีคนเสีย ย่อมต้องมีคนได้ แต่ในรอบ 5 ปี นักลงทุยรายย่อยจำนวนนับล้านคนเสียกันหมด
คำถามคือใครที่ได้ ROBOT กินเรียบหรือไม่
ถ้าผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ยืนกราน เปิดให้ SHORT SELL ปล่อยให้ ROBOT เป็นเครื่องจักรสังหารต่อไป ด้วยคำแก้ต่างข้อมูลการตรวจสอบที่คนในแวดวงตลาดหุ้นส่วนใหญ่ไม่เชื่อถือ
นักลงทุนรายย่อยที่ถูก ROBOT สูบเลือดมาประมาณ 5 ปี คงมีแค่ 2 ทางเลือก คือขายหุ้นทิ้ง ตัดความสูญเสียเพียงแค่นี้ เลิกเล่นหุ้น เพราะอยู่ในตลาดหุ้นต่อไป มีแต่หมดตัว
“เศรษฐา” จะยืนดู ROBOT ทุบหุ้นพังหรือ / สุนันท์ ศรีจันทรา
กระแสเรียกร้องให้ระงับการทำ SHORT SELL หรือการยืมหุ้นมาขาย และการยกเลิกโปรแกรมการซื้อขายหรือ ROBOT ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด แม้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะชักชวนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยออกมาร่วมกันแถลงข่าว
ยืนกระต่ายขาเดียว ย้ำไม่มีเหตุผลเพียงพอยกเลิก SHORT SELL และ ROBOT เพราะไม่ใช่ตัวการถล่มหุ้นก็ตาม
ข้อกล่าวหาของนักลงทุนที่มองว่า SHORT SELL และ ROBOT เป็นมหาโจรร้ายที่เข้ามาปล้นนักลงทุนในประเทศ ยังถูกตอบโต้จากตลาดหลักทรัพย์ว่า เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น
เพราะผลการตรวจสอบข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ไม่พบความผิดปกติในรายการของ SHORT SELL และ ROBOT
ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ นำข้อมูลการตรวจสอบหลายแง่มุม เพื่อแก้ข้อกล่าวหา SHORT SELL และ ROBOT โดยเฉพาะสัดส่วนมูลค่าการซื้อขาย ซึ่งมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับมูลค่าซื้อขายหุ้นรวมทั้งตลาด
แต่ข้อมูลการตรวจสอบที่ตลาดหลักทรัพย์นำมาแสดง ไม่อาจลบล้างความรู้สึกของนักลงทุนได้ว่า ตลาดหุ้นที่ฟุบหนักมายาวนาน 5 ปี โดยเฉพาะปีนี้ที่ดัชนีหุ้นทรุดลงประมาณ 280 จุด หรือทรุดลงประมาณ 16% สร้างสถิติเป็นแชมป์ตลาดหุ้นยอดแย่ที่สุดในโลกประจำปี ไม่ได้เกิดจากการกระทำของ SHORT SELL และ ROBOT
พูดให้ตรงประเด็นคือ นักลงทุนไม่เชื่อคำแถลงของนายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ ไม่เชื่อระบบตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์
กระแสต่อต้าน SHORT SELL และ ROBOT จึงไม่แผ่วลงแม้แต่น้อย แต่กำลังลุกลามขยายวงไปสู่การต่อต้านโจมตีผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์
มหาโจรร้าย SHORT SELL และ ROBOT ที่ถล่มตลาดหุ้น เป็นเพียงความรู้สึก เป็นเรื่องที่นักลงทุน “มโน” ขึ้นมาเองหรือไม่ ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ และจะมีข้อยุติ เมื่อตลาดหลักทรัพย์สามารถแสดงข้อมูลที่มีน้ำหนักรับฟังได้
และเป็นข้อมูลที่ทุกฝ่ายเถียงตลาดหลักทรัพย์ไม่ออก
ข้อมูลที่คนทั้งตลาดหุ้นอยากรู้คือ SHORT SELL หรือการยืมหุ้นมาขายในช่วงหุ้นขาลง โกยกำไรจากนักลงทุนรายย่อยไปแล้วเท่าไหร่
แต่สิ่งที่อยากรู้มากกว่าคือ ในช่วงประมาณ 5 ปี หรือตั้งแต่ตลาดหักทรัพย์ปล่อยให้ ROBOT เข้ามาโจมตี และเล่นนอกกติกา โดยทำ NAKED SHORT หรือการขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ
ROBOT ขนกำไรจากตลาดหุ้นไทยออกไปแล้วจำนวนเท่าไหร่
ตัวเลขการได้เสีย กำไรหรือขาดทุน จะเป็นคำตอบทุกอย่างสำหรับข้อถกเถียงเกี่ยวกับ ROBOT
นายภากรยืนยันเสียงแข็งว่า ตรวจสอบการซื้อขายของ ROBOT ตลอดเวลา ดูทุกวัน ดังนั้น จึงไม่เกินความสามารถที่จะประมวลผลการซื้อขายของ ROBOT และสามารถรวบรวมข้อมูลได้ว่า กำไรหรือขาดทุนจำนวนเท่าใด
การลงทุนในตลาดหุ้น เมื่อมีคนเสีย ย่อมต้องมีคนได้ แต่ในรอบ 5 ปี นักลงทุยรายย่อยจำนวนนับล้านคนเสียกันหมด
คำถามคือใครที่ได้ ROBOT กินเรียบหรือไม่
ถ้าผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ยืนกราน เปิดให้ SHORT SELL ปล่อยให้ ROBOT เป็นเครื่องจักรสังหารต่อไป ด้วยคำแก้ต่างข้อมูลการตรวจสอบที่คนในแวดวงตลาดหุ้นส่วนใหญ่ไม่เชื่อถือ
นักลงทุนรายย่อยที่ถูก ROBOT สูบเลือดมาประมาณ 5 ปี คงมีแค่ 2 ทางเลือก คือขายหุ้นทิ้ง ตัดความสูญเสียเพียงแค่นี้ เลิกเล่นหุ้น เพราะอยู่ในตลาดหุ้นต่อไป มีแต่หมดตัว