วันที่ 11 กันยายน ปี 2001 วันธรรมดาของชาวเมืองนิวยอร์กที่กลายเป็น 1 ในเหตุการณ์ฝันร้ายของทั้งโลก
ในขณะที่ชาวนิวยอร์กกำลังพยายามลดรอยด่างของฝันร้าย ฝันร้ายที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นและทำให้เมืองต้องชลมุนกันอีกครั้ง
นี่คือเรื่องจริงอ้างอิงจากรายงานอย่างเป็นทางการและบทสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง
เวลา 6 โมง 30 นาที วันที่ 12 พฤศจิกายน ปี 2001 นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา วันหยุดของใครหลายๆ คนในสหรัฐ
แต่ที่ สนามบินนานาชาติ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ เจ.เอฟ.เค หนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในสหรัฐ มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
และการจราจรที่วุ่นวายเหมือนทุกๆ วัน
วันนี้ 1 ในเที่ยวบินที่จะออกบินคือ อเมริกัน แอร์ไลนส์ เที่ยวบินที่ 587 ผู้โดยสาร 251 คนและลูกเรือ 9 คนจะบินไปยัง ซานโตโดมิงโก สาธารณรัฐโดมินิกัน ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวสหรัฐที่ต้องการแสวงหาการพักผ่อนในช่วงหน้าหนาว รวมทั้งการพักฟื้นจากฝันร้ายเมื่อ 2 เดือนก่อน
1 ในผู้โดยสารประจำเที่ยวบินนี้ ฮิลด้า มาโยต์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน เธอเป็น 1 ในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ 911 เธอทำงานอยู่ชั้นล่างของตึก เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในช่วงที่ผู้ก่อการร้ายทำการจี้เครื่องบินโดยสารและบังคับเครื่องบินพุ่งเข้าชนตึก เป็นการก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลก มีผู้เสียชีวิตกว่า 2996 คน
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว อุตสาหกรรมการบินตื่นตัวมากขึ้น กฎการบินมากมายได้รับการอนุมัติและถูกใช้เป็นมาตรการความปลอดภัยพื้นฐานในการบินยุคปัจจุบัน ในตอนแรกเธอไม่ได้มีกำหนดการจะมาบินกับเที่ยวบินนี้ ฮิลด้า มีกำหนดการบินไปกับเที่ยวบินอื่นเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า แต่เนื่องจากธุระส่วนตัวทำให้เธอเปลี่ยนมาบินกับเที่ยวบิน 587 แทน
เที่ยวบินนี้บินโดยนักบิน 2 คน เครื่อง Airbus - A300 ส่งมอบเมื่อปี 1988 อายุ 13 ปี มีชั่วโมงบินสูงกว่า 37,000 ชั่วโมง เป็น 1 ในเครื่องบินของสายการบินที่มีอายุการใช้งานมากที่สุด แต่มันก็ถือเป็นเครื่องบินที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดของสายการบิน กัปตันเอ็ดเวิร์ด เสต็ท อดีตนักบินกองทัพอยู่กับสายการบินมาได้ 16 ปี นักบินผู้ช่วย FO สเตน โมลิน มาอยู่กับสายการบินมาได้ 10 ปี ตั้งแต่อายุ 24
เที่ยวบินนี้ตามกำหนดการจะเลี้ยวซ้ายผ่านอ่าวจาไมก้าตรงไปยังทิศใต้มุ่งหน้าสู่ โดมินิกัน
9 โมง 10 นาที เที่ยวบิน 587 พร้อมที่จะออกบิน โดยพวกเขาตามหลัง เจแปน แอร์ไลนส์ 747 – 400 ที่ทางวิ่ง 31 ซ้าย วันนี้ นักบินผู้ช่วยจะเป็นผู้ทำการบิน ส่วนกัปตันจะเป็นผู้ทำการสื่อสารกับหอควบคุม เป็นเรื่องปกติในห้องนักบินที่กัปตันหลายๆ ครั้งจะแบ่งหน้าที่ทำการบินในแต่ล่ะเที่ยวบินเพื่อให้นักบินผู้ช่วยเก็บประสบการณ์ก่อนจะเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นกัปตัน
หอควบคุมประกาศให้เที่ยวบิน 587 ขึ้นบิน ก่อนจะออกบิน โมลิน ถามกับกัปตันว่าเขาพอใจกับระยะห่างระหว่างเครื่องบินลำที่ขึ้นบินไปก่อนหน้าหรือไม่ ตามมาตรฐานพวกเขาควรอยู่ห่างกัน 5 ไมล์เพื่อหลีกเลี่ยงคลื่นอากาศจากเที่ยวบินก่อนหน้า
การขึ้นบินเป็นไปตามปกติ
หลังจากบินขึ้นไปได้ 2,300 เมตร เที่ยวบิน 587 เจอเข้ากับหลุมอากาศและเริ่มสั่นเครื่องบินและแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งหายนะก็ปะทุขึ้นเมื่ออยู่ๆ เครื่องบินก็เสียการควบคุมและเริ่มสูญเสียความสูงก่อนจะพุ่งลงไปยังเมืองควีนส์ และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือเครื่องลำนี้มีเชื้อเพลิงถึง 31,000 กิโลกรัม
ห่างออกไปที่เขตชุมชนย่านเมืองควีนส์ เจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์ก ไมเคิล มอร์ลีย์ ออกไปทำงานในขณะที่เพื่อนบ้านของเขา ลอยด์ ชอร์ พนักงานบริษัทไฟฟ้าก็ออกไปทำงานเช่นกัน ในขณะที่วันดังกล่าวเป็นวันหยุดของสามี มาร์ค และ ลูกชายวัย 15 เจสัน มาร์คขึ้นมาปลุกลูกชายเพื่อไปหาหมอ ก่อนที่บ้านทั้งหลังจะสั่นสะเทือนพร้อมกับเสียงเครื่องบิน ก่อนที่ ชอร์ จะเห็นภาพสุดสยองเมื่อเกิดระเบิดและไฟลุกไหม้ ตรงหน้าต่าง
ที่สนามบิน เจเอฟเค หอควบคุมสังเกตุเห็นควันจากระยะไกลและรายงานจากเที่ยวบินที่เห็นเหตุการณ์ พวกเขา สังเกตุเห็นทันทีว่า จะต้องมีเครื่องบินตกแน่นอน เวลา 9 โมง 16 นาที อเมริกัน แอร์ไลนส์ เที่ยวบินที่ 587 ตกใส่ชุมชนย่านเมืองควีนส์
ชาวเมืองนิวยอร์กเกิดความโกลาหลไปทั่วทุกสารทิศ เพลิงไหม้จากเชื้อเพลิงกว่า 31 ตัน ลุกไหม้เหมือนดั่งทะเลเพลิง ชาวเมืองต่างตื่นตระหนก ขณะเดียวกัน เครื่องบินรบ เอฟ - 15 ออกบินบินลาดตะเวนทั่วทั้งนิวยอร์ก เมืองถูกล็อกดาวน์ สนามบินเจเอฟเค ถูกปิดเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 เดือน ทุกเที่ยวบินถูกยกเลิก ตึกเอ็มไพร์สเตท ทำการอพยพครั้งใหญ่ ชาวนิวยอร์กมั่นใจว่านี่คือการก่อการร้ายเช่นเดียวกับเหตุการณ์เมื่อ 2 เดือนก่อนแน่นอน เพียงแต่รอบนี้กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มไหนที่จะแสดงความรับผิดชอบ
หลังจากกู้ภัยเข้าควบคุมเพลิงได้ ภาพอันน่าสยดสยองก็เผยให้เห็นออกมา บ้าน 4 หลังย่าน นิวพอร์ท อเวนิวส์ ถนน 133 ถูกเครื่องบินชนใส่เข้าอย่างจัง บ้านฝั่งตรงข้ามอีก 5 หลังได้รับผลกระทบพังเสียหาย 1 ใน 5 หลังคือบ้านของ เจ้าหน้าที่ตำรวจไมเคิล และ ครอบครัวชอร์
ลอยด์ ชอร์ และ ไมเคิล รีบกลับมาที่เกิดเหตุและพบกับภาพที่น่าสยดสยอง พวกเขาไม่ทราบชะตากรรมของครอบครัวและลูกๆ แต่โชคชะตาของพวกเขา
ก็ยังไม่ถึงฆาต แม้บ้านจะได้รับความเสียหายก็ตาม แต่ครอบครัวของพวกเขารอดชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน ครอบครัวอื่นก็ไม่ได้โชคดีแบบนี้
ที่โดมินิกัน ครอบครัวที่กำลังรอการกลับบ้านก็ได้รับทราบถึงข่าวอันน่าเศร้า ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 260 คนไม่มีผู้รอดชีวิต
อีกทั้งที่ชุมชนเมืองควีนส์ การตกยังพรากผู้คนบนพื้นไปอีก 5 คน นับเป็นโศกนาฏกรรมทางการบินที่เลวร้ายที่สุดของสหรัฐเป็นอันดับ 2 ในเวลานั้น
ต่อจาก อเมริกัน แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ 191
ประธานาธิบดี จอห์น ดับเบิ้ลยู บุช จัดตั้งทีมสืบสวนจาก 2 หน่วยงาน ในทันทีประกอบไปด้วย
FBI ; Federal Bureau of Investigation สำนักงานสืบสวนและสอบสวนของกรตำรวจ (สหรัฐอเมริกา)
และ NTSB ; National Transportation Safety Boards คณะกรรมการความปลอดภัยทางการคมนาคมแห่งชาติ
ย้อนรอย อเมริกัน แอร์ไลน์ส 587 ฝันร้ายที่ไม่จบสิ้นของ ชาวเมืองนิวยอร์ก