เท่าที่ผม ทราบมา
ย้อนไปในอดีตนานสุด คือ การปิดล้อม กรุงคอนสแตนติโนเปิล ของ เมเม็ดผู้พิชิต ในปี ค.ศ. 1453 ราวๆ 570 ปีก่อน
การเสียกรุงคอนสแตนติโนเปิลเป็นจุดสิ้นสุดของจักรวรรดิไบแซนไทน์ และทำให้จักรวรรดิโรมัน สิ้นสุดลง โดยอยู่ได้นานเกือบ 1,500 ปี
กรุงคอนสแตนติโนเปิล นั้นเป็น เมืองป้อมปราการ มี
‘กำแพงธีโอโดเซียน’ (Theodosian Walls) ทำจากหินปูนสีขาว หินอ่อน อิฐสีส้มแดง
ความพิเศษของแนวป้องกันนี้คือเป็นคูน้ำและกำแพง 2 ชุด คูน้ำ กำแพง คูน้ำ กำแพง
จึงแข็งแกร่งยืนหยัดมาหลายร้อยปี
ในการรบ ฝ่าย กองทัพออตโตมัน เป็นฝ่ายเข้าตี
1 ในกลยุทธ์การเข้าตีเมือง คือ ขุดอุโมงใต้กำแพง โดยใช้ ผู้เชี่ยวชาญการทำเหมืองจาก เซอเบียร์
( เพราะในสมัยนั้น แถบบอลข่าน บางส่วน ตกอยู่ใต้อิทธิพลของ อาณาจักรออตโตมัน )
แต่ล้มเหลว เพราะ ฝ่าย ไบแซนไทน์ ใช้วิธีรับมือ ด้วยการ
เอาน้ำใส่ ถาด วางไว้บนพื้นดินจับแรงสั่นสะเทือนจากการขุดอุโมงค์ แล้ว ขุดสวนลงไปโจมตีทำลายทีมขุดของออตโตมัน
สุดท้าย ศึกระหว่าง โล่ห์ที่แข็งแกร่งที่สุด VS หอกที่แหลมคมที่สุด ก็ประจักษ์ผล
กรุงคอนสแตนติโนเปิล ถึงคราวล่มสลาย เพราะ การระดมยิงจาก ปืนใหญ่ยักษ์ ที่ใหญ่สุดในยุคนั้น ยิงถล่มกำแพงจนพัง
เด็กหนุ่ม วัยเพียง 21 ปี สามารถช๊อกทั้งโลกในยุคโบราณ ด้วยการ พิชิตมหาอาณาจักร ที่มีประวัติมานาน 1500 ปีลงได้สำเร็จ
เขาได้รับสมญานาม ว่า
" เมเม็ด ผู้พิชิต "
จากนั้นมา
การใช้ อุโมงค์ทำสงคราม ก็มีมาต่อเนื่อง
สงครามเวียดนาม
สงคราม จคม ทางภาคใต้ของไทย มี อุโมงค์โจรจีนเขาน้ำค้าง
สงครามอัฟกานิสถาน
และ สงครามยาเสพติด
อุโมงค์เอลชาโป ขนยาเสพติดจาก เม๊กซิโก เข้า อเมริกา
ในสมัย สงครามเสียกรุงศรี ครั้งที่ 2 มีบันทึกว่า
ทัพพม่ารามัญ ขุดอุโมงค์ เข้าเผาทำลายฐานรากกำแพงเมือง
แต่จากการ อ่านหนังสือ พบว่า
คำว่า อุโมงค์ ในพงศาวดาร น่าจะหมายถึง สนามเพลาะ คูเรต ที่ขุดทางเดินในดิน ไม่ใช้ ขุดใต้ดินเป็นอุโมงค์
ขอขอบพระคุณภาพประกอบจาก
https://www.google.com/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fvietnamtraveltop.com%2Fthe-untold-stories-of-cu-chi-tunnels-
https://www.google.com/url?sa=i&url=http%3A%2F%2Fdirectory.songkhlapao.go.th%2Fdetail%2F69&psig=AOvVaw0FHwnxQWOUU3CiKHfOerKh&ust=169986050
https://www.google.com/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fwww.blockdit.com%2Fposts%2F5ed0fe09d95afe0cb661ca4b&psig=AOvVaw3YxhP7THanMtUzFDmZSaEp
การใช้ อุโมงค์ ในการทำสงคราม เริ่มขึ้นอย่างน้อยเมื่อ 570 ปีก่อน ?
เท่าที่ผม ทราบมา
ย้อนไปในอดีตนานสุด คือ การปิดล้อม กรุงคอนสแตนติโนเปิล ของ เมเม็ดผู้พิชิต ในปี ค.ศ. 1453 ราวๆ 570 ปีก่อน
การเสียกรุงคอนสแตนติโนเปิลเป็นจุดสิ้นสุดของจักรวรรดิไบแซนไทน์ และทำให้จักรวรรดิโรมัน สิ้นสุดลง โดยอยู่ได้นานเกือบ 1,500 ปี
กรุงคอนสแตนติโนเปิล นั้นเป็น เมืองป้อมปราการ มี
‘กำแพงธีโอโดเซียน’ (Theodosian Walls) ทำจากหินปูนสีขาว หินอ่อน อิฐสีส้มแดง
ความพิเศษของแนวป้องกันนี้คือเป็นคูน้ำและกำแพง 2 ชุด คูน้ำ กำแพง คูน้ำ กำแพง
จึงแข็งแกร่งยืนหยัดมาหลายร้อยปี
ในการรบ ฝ่าย กองทัพออตโตมัน เป็นฝ่ายเข้าตี
1 ในกลยุทธ์การเข้าตีเมือง คือ ขุดอุโมงใต้กำแพง โดยใช้ ผู้เชี่ยวชาญการทำเหมืองจาก เซอเบียร์
( เพราะในสมัยนั้น แถบบอลข่าน บางส่วน ตกอยู่ใต้อิทธิพลของ อาณาจักรออตโตมัน )
แต่ล้มเหลว เพราะ ฝ่าย ไบแซนไทน์ ใช้วิธีรับมือ ด้วยการ
เอาน้ำใส่ ถาด วางไว้บนพื้นดินจับแรงสั่นสะเทือนจากการขุดอุโมงค์ แล้ว ขุดสวนลงไปโจมตีทำลายทีมขุดของออตโตมัน
สุดท้าย ศึกระหว่าง โล่ห์ที่แข็งแกร่งที่สุด VS หอกที่แหลมคมที่สุด ก็ประจักษ์ผล
กรุงคอนสแตนติโนเปิล ถึงคราวล่มสลาย เพราะ การระดมยิงจาก ปืนใหญ่ยักษ์ ที่ใหญ่สุดในยุคนั้น ยิงถล่มกำแพงจนพัง
เด็กหนุ่ม วัยเพียง 21 ปี สามารถช๊อกทั้งโลกในยุคโบราณ ด้วยการ พิชิตมหาอาณาจักร ที่มีประวัติมานาน 1500 ปีลงได้สำเร็จ
เขาได้รับสมญานาม ว่า
" เมเม็ด ผู้พิชิต "
จากนั้นมา
การใช้ อุโมงค์ทำสงคราม ก็มีมาต่อเนื่อง
สงครามเวียดนาม
สงคราม จคม ทางภาคใต้ของไทย มี อุโมงค์โจรจีนเขาน้ำค้าง
สงครามอัฟกานิสถาน
และ สงครามยาเสพติด
อุโมงค์เอลชาโป ขนยาเสพติดจาก เม๊กซิโก เข้า อเมริกา
ในสมัย สงครามเสียกรุงศรี ครั้งที่ 2 มีบันทึกว่า
ทัพพม่ารามัญ ขุดอุโมงค์ เข้าเผาทำลายฐานรากกำแพงเมือง
แต่จากการ อ่านหนังสือ พบว่า
คำว่า อุโมงค์ ในพงศาวดาร น่าจะหมายถึง สนามเพลาะ คูเรต ที่ขุดทางเดินในดิน ไม่ใช้ ขุดใต้ดินเป็นอุโมงค์
ขอขอบพระคุณภาพประกอบจาก
https://www.google.com/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fvietnamtraveltop.com%2Fthe-untold-stories-of-cu-chi-tunnels-
https://www.google.com/url?sa=i&url=http%3A%2F%2Fdirectory.songkhlapao.go.th%2Fdetail%2F69&psig=AOvVaw0FHwnxQWOUU3CiKHfOerKh&ust=169986050
https://www.google.com/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fwww.blockdit.com%2Fposts%2F5ed0fe09d95afe0cb661ca4b&psig=AOvVaw3YxhP7THanMtUzFDmZSaEp