ประสบการณ์สุดว้าวุ่น ก่อนไปเที่ยวเกาหลี(คนเดียว)

ประสบการณ์สุดว้าวุ่น ก่อนไปเที่ยวเกาหลี(คนเดียว)

ก่อนอื่นบอกเลยว่าเรื่องยาวหน่อยนะคะ
อาจจะไม่ได้มีสาระมาก แค่อยากมาเล่าค่ะ

เริ่มต้นความอยากไปเที่ยวเกาหลี ตั้งแต่กลับมาจากเกาหลีครั้งแรกเมื่อปี 2019
ตั้งใจว่าปีหน้า 2020 จะไปอีก ซึ่ง...เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วก็ลากยาวมาจนถึงปีนี้ 2023 ที่ประเทศต่างเปิดประเทศกันหมดแล้ว
แน่นอนว่า เกาหลีก็ด้วย
เราจึงวางแผนว่า เราจะไปปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม
ครั้งที่แล้วเราไปช่วงนี้อากาศอีกมาก เราชอบ
สิ่งที่เราเตรียมตัวก่อนเลยอย่างแรกก็คือ K-ETA เพราะเรารู้ว่ามันผ่านยาก
เราศึกษาข้อมูลอย่างดี ค่อยๆ ทำไปทีละขั้นตอนตามที่มีคนสอนไว้
youtube คุณมิช : https://www.youtube.com/watch?v=DJc2gCwXEW8
สอนดีมากละเอียดมาก เราชอบ
กระทู้นี้ด้วย : https://travel.trueid.net/detail/vgVqwJZbXvOm

เราทำตาม 2 ช่องทางนี้แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป
หลังจากลงเสร็จ ก็เขาไปดูผลทางอีเมล์และเว็บบ่อยมาก
และคิดว่าอาจจะไม่ผ่านเพราะจังหวัดบ้านเกิดเรามาจากอีสาน (อันนี้อ่านมาเยอะเลยฝ่อ)
แต่แล้วเช้าของวันที่ 3 หลังจากวันลงทะเบียนสำเร็จ
ผลก็ส่งมาทางอีเมล์ว่า เราผ่าน

ตอนนั้นดีใจมากกำลังจะจองตั๋ว
ถามเพื่อนๆ ว่าเอาไงจะไปไหม (อันนี้แอบลงไว้ก่อนถามเพื่อน เพราะคิดว่าถ้าเพื่อนไม่ไปก็จะไปคนเดียว)
แต่คือเพื่อนที่คุยกันไว้ที่อยากไปมันก็มีหลายคน แต่บางคนก็บอกว่ายังไม่อยากไปตอนนี้
แต่ถ้าจะไปไม่ครบมันก็จะไม่สนุก
สรุปสุดท้าย แผนล่ม เพื่อนก็ไม่ได้ไป เราก็ไม่กล้าไปเพราะกลัวเพื่อนคนอื่นจะเคือง

แล้วแผนของเราก็เปลี่ยนไปที่ ฮ่องกงกับเซินเจิ้น ตามกระทู้ก่อนหน้านี้ที่เราลงไว้นั่นหละ

ล่าสุดเมื่อต้นเดือน พ.ย. 23 ที่ผ่านมา เราก็มีโอกาสได้ไปเกาหลีสมใจ ไปแบบ solo trip เลย
แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ราบรื่นไปซะหมด

ด้วยความที่อยากไปเกาหลีอยู่แล้วบวกกับมีรุ่นน้องที่ทำงานบอกว่าจะไปช่วงต้นเดือน ต.ค.
เราเลยมีแรงฮึดขึ้นว่า เราต้องได้ไปสิ เพราะเราตั้งใจไว้แล้ว
แต่...ลืมไปว่า ต้นเดือน ต.ค. เราจะไปจีน ตอนนั้นเศร้าเลย ไม่ได้ไปกับเพื่อน
แต่เมื่อเราอยากไป เราก็ต้องได้ไป
เราเลยเข้าไปดูตั๋วช่วงต้นเดือน พ.ย. ซึ่งมันไม่ได้มีวันหยุดยาวอะไร ถ้าอยากไปก็ลางานเท่านั้น
โชคเข้าข้าง ราคาตั๋วช่วงนั้นราคาค่อนข้างดี เราได้มาราคา 10,900 บาท รวมน้ำหนัก 20 กก.
คุ้มมาก กดจอง กดจ่ายสิคะ รออะไร (ตอนจองมันคือช่วงเดือนสิงหา)
K-ETA มีแล้วด้วย เหลือแค่หาที่พักและทำแผนเที่ยวเท่านั้น
คนเดียวก็ไปว่ะ ฮ่องกง-เซินเจิ้น และกำลังจะไปจีน แบบคนเดียวอยู่แล้ว
แค่เกาหลีง่ายมาก
ตอนนั้นคือแบบชิลมาก เพราะคิดว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว
และคิดว่า การเข้าเกาหลีของเราไม่น่ามีปัญหาอะไร
เพราะพาสปอร์ตเราไม่ได้ขาวจั๋ว เราเคยไปเกาหลีด้วยพาสนี้มาแล้ว เรามี วีซ่าจีน 2 รอบ แถมยังเข้าออกฮ่องกงอีก 2 รอบ
ตม. ต้องไว้วางใจเราอยู่แล้ว

แต่แล้ว...

อุปสรรคแรก
แต่พอมาถึงช่วงกลางเดือน ต.ค. เรามีปัญหาจนคิดว่าน่าจะไม่ไปแล้ว
ตัดสินใจอยู่นานจนคิดว่า ไม่ไปดีกว่าและไปกดยกเลิกโรงแรมเพราะกลัวว่าถ้ากดช้าจะไม่ได้เงินคืน
แต่รุ่นน้องคนที่ไปมาก่อนหน้านี้ ช่วงต้นเดือน ต.ค. บอกว่าไป ต้องไป มีปัญหาอะไรเดี๋ยวช่วยเอง
แล้วลูกพี่ลุกน้องเราอีกคนก็พูดแบบเดียวกัน
จนเราตัดสินใจว่า เอาว่ะ!! ไปก็ไปจนสุดท้ายก็ตัดสินใจไป
แล้วโรงแรมดีดีที่จองไว้ก็หลุดมือไป จนต้องตาลีตาเหลือกหาใหม่
แต่ก็ได้มาแบบค่อนข้างพอใจทีเดียว

อุปสรรคที่สอง
ก่อนวันเดินทาง เราเป็นคนที่ชอบเช็คอิน เช็คเที่ยวบิน เช็คเกต ต่างๆ นานา ก่อนการเดินทาง เพราะเดินทางคนเดียว
เราจึงจะเข้าไปเช็คอินในเว็บของสายการบิน
สิ่งที่เราเจอคือ เราเช็คอินไม่ได้เพราะพาสปอร์ตของเราไม่ถึง 6 เดือน ก่อนวันเดินทาง
มันเหลือแค่ 5 เดือน! ซึ่งเรามั่นใจมากว่ามันเหลือ 6 เดือน กลับมาแล้วค่อยไปทำใหม่
จองคิวทำพาสปอร์ตไว้เรียบร้อยแล้วด้วย
เพิ่งมารู้ตัววันที่ 29/10 (วันอาทิตย์) ซึ่งจะเดินทางวันที่ 2/11 ตอนตี 4
ถอดใจอีกแล้วววววว
แต่ แต่ แต่ พาสปอร์ตมันมีทำแบบด่วนได้ภายใน 1 วันดังนั้น
ทำการลางานแบบด่วนแล้วไปที่ กรมการกงศุล เลยจ้า

อุปสรรคที่สาม
จองคิวออนไลน์ไม่ได้ คือคิวมันเต็ม
ถ้าจะทำพาสปอร์ตแบบด่วน ก็ต้องให้ได้คิวในรอบเช้า ไม่เกิน 10-11 โมงเท่านั้น
แล้วไอ้เราคืออยู่ชลบุรีด้วยไง
เอาว่ะ! ตื่นตี 4 ออกไปขึ้นรถตี 5
แล้วๆๆ Grab ไม่มี วินไม่มี รอแบบเกือบ ชม.
โชคดีมาก พี่วินขับผ่านมา โดดขึ้นเลยจ้า เท่าไหร่ก็จ่าย
พี่เขาใจดีมาก ขับให้อย่างไว ทันขึ้นรถไป กทม.
แล้วความโชคดีคือ มาทันเวลาที่เขาเปิดคิว walk in แล้วได้คิวทำแบบด่วนด้วย
จัดไปเลย จุก ๆ 10 ปี
แบบด่วน 5 ปี 3,000 บาท
แบบด่วน 10 ปี 3,500 บาท
เป็นคุณจะเลือกอะไร หึหึ
จากนั้นก็รอรับพาสปอร์ตตอน บ่าย 2

อุปสรรคที่สี่ K-ETA
อันนี้เรารู้อยู่แล้วหละก่อนที่จะมาทำพาสปอร์ตใหม่ ว่ามันต้องลงทะเบียน K-ETA ใหม่
แล้วอันนี้เราก็ไม่สามารถกำหนดได้ด้วยว่า ผลจะออกวันไหน แล้วผลจะผ่านไหม
แต่เราก็ต้องเตรียมตัวไว้ก่อน 
เราพก laptop ไปทำพาสปอร์ตด้วยจ้า!!!
กะว่าได้พาสปอร์ตปุ๊บ ลง K-ETA ปั๊บ ค่อยกลับบ้าน
อย่างน้อยจะได้ไม่เสียเวลาไปตั้งครึ่งวัน
หลังจากลงเสร็จแล้ว สิ่งที่เราทำคือการรอผลเท่านั้น
ดูแล้วดูอีก รีเฟรชแล้วรีเฟรชอีก
คือเข้าใจปะ ครั้งก่อนเราใช้เวลาเกือบ 3 วันกว่าผลจะออก
ครั้งนี้ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะช่วงนี้คนเที่ยวเยอะคนต้องขอเยอะแน่ๆ

แต่เราก็ไม่ถอยนะ กะว่าจะเก็บกระเป๋าไปรอที่สนามบินเลย
รอจนกว่าจะหมดเวลาเช็คอิน แบบว่าถ้าผลออกว่าผ่านปุ๊บ ไปเช็คอินเลย
ถ้ายังไม่ออกหรือไม่ผ่าน ก็แค่กลับบ้าน
ดีกว่าไม่ออกไป ถ้ามันผ่านแล้วจะไปไม่ทัน

สุดท้ายวันที่ 1/11 ตอนเที่ยงตรง ผลก็ออกมาว่าเราผ่าน
แบบโคตรดีใจเลย...เพราะเราจะไปสนามบินวันนี้ตอนดึกอยู่แล้ว
แบบเส้นยาแดงผ่าแปดมาก


อุปสรรคที่ห้า
ด้วยความที่เราคิดว่า เราอาจจะไม่ได้ไปใช่ป่ะ
เราจึงไม่ได้เตรียมตัวเหมือนคนที่แน่ใจแล้วว่าได้ไปแน่นอน
นั่นก็คือ การเตรียมซิมการ์ด สำหรับต่างประเทศ
ปกติแล้วเรื่องนี้เราจะไม่พลาด เราจะทำไว้ก่อนอย่างน้อย 1 วันก่อนการเดินทาง
แต่รอบบนี้เรามาทำตอนที่เรารอหน้าเกตแล้ว เอาจริงๆ เราลืมด้วยหละ
และคิดว่าทำตอนไหนก็ได้
สรุป เรามาทำก่อนขึ้นเครื่องประมาณ 3 ชม.
ความซวยคือ ยืนยันตัวตนไม่ผ่าน
แล้วต้องรอให้พนักงานติดต่อกลับภายใน 24 ชม. แกกกกกกกก
ฉันกำลังจะบินในอีกไม่กี่ ชม. ข้างหน้า ไปถึงแล้วจะติดต่อฉันได้ยังไง
แล้วฉันจะดูการเดินทางได้ยังไงถ้าไม่มีเน็ต

ตอนนั้นเราพยายามติดต่อคอลเซนเตอร์ รอนานแค่ไหนเราก็รอ
แต่คอลเซ็นเตอร์บอกว่าให้เราไปยืนยันตัวตนที่เค้าเตอร์ชั้น 2 ทางออกเท่าไหร่ไม่รู้
แต่แก ฉันอยู่หน้าเกตแล้วไงจะไปได้ไง
สุดท้ายเราหาทางออกด้วยตัวเองได้ว่า ก่อนหน้านี้ 1 เดือนเราไปที่จีนมา
แล้วเราใช้ซิมที่จีน ถามทางคอลเซ็นเตอร์ว่าใช้ได้ไหม นางบอกใช้ได้แต่ต้องเติมเงินเข้าไป
เอาหละ เติมเงิน เติมโปร สุดท้ายใช้ได้
ดีนะฉันมีไหวพริบ แต่ก็ใช้ได้แค่ 3 วัน แต่ที่เหลือก็มาลุ้นว่าซิมที่ใช้ไม่ได้มันจะใช้ได้ไหม
*แต่พอผ่านไป 2 วัน มันก็มีข้อความมาว่าใช้ได้ เราก็เลยโล่งใจไป

อุปสรรคที่หก ตม.
ไม่นะ เราไม่ได้มีปัญหากับ ต.ม.
ดังนั้น เรามีแต่ 5 อุปสรรคเท่านั้น
โชคดีมาก ที่เราผ่าน ต.ม. มาได้
ก็ไม่ได้ง่ายหรอก มีถาม 3 คำถาม
แล้วเราก็ผ่านมาได้ 
เดี๋ยวมาเล่าว่า ต.ม. เกาหลีที่เราเจอเป็นไง

โอ้โห วันนี้ยาวมาก
หวังว่าจะอ่านจนจบ และจะไม่เบื่อกันนะ
*หรือเราจะเล่าทาง Youtube ดี หรือ Tiktok ดี
จะมีใครอยากฟังไหมนะ
แต่ก็ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่