ปรึกษาเรื่องข้างบ้านมีพฤติกรรมแปลกๆครับ

เป็นเรื่องของบ้านพี่สาวแฟนน่ะครับ ขอเรียกพี่สาวแฟนว่า พี่ต่าย ละกัน
แกอยู่กินกับแฟนที่บ้านหลังนั้นมาประมาณ 10 ปีแล้ว ขอเรียกชื่อแฟนแกว่า พี่ป๊อบ ละกัน
เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น 

เรื่องมันเกิดเมื่อช่วงต้นปีนี้เองครับ
คือบ้านพี่ต่ายกับพี่ป๊อบ ไม่ใช่บ้านหลังมุมครับ จะเป็นแปลงตรงกลาง
นั่นคือ จะถูกประกบด้วยบ้านอีกสองหลัง ทั้งซ้ายและขวา
ผนังบ้านเป็น พรีแคส 
เพราะฉะนั้น บ้านจะไม่ค่อยเก็บเสียงนัก

ถ้าหันหน้าเข้าตัวบ้าน
บ้านหลังทางซ้าย จะไม่ค่อยอยู่บ้าน จึงไม่ค่อยสนิทหรือได้พูดคุยกัน แต่ไม่เคยมีปัญหากัน
ส่วนบ้านหลังทางขวา ซึ่งเป็นหลังมุม (ท้ายซอย) 9 ปี ที่อยู่ข้างๆกันมา
เป็นบ้านครอบครัวนึงครับ พ่อ แม่ และลูก 2 คน
ขอเรียกคนพ่อว่า พี่กอล์ฟ และเรียกแม่ว่า พี่กุ๊ก นะครับ
พี่กอล์ฟแกชอบเลี้ยงไก่ เลี้ยงมานานตั้งแต่มาอยู่แรกๆ
ก็จะมีกลิ่นขี้ไก่โชยมาเป็นระยะ บางทีก็กลิ่นบุหรี่ของพี่กอล์ฟ
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นปัญหาของเรื่องนี้

ขอเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ
เรื่องมันเกิดเมื่อต้นปีนี้ครับ
มีช่วงนึง พี่กอล์ฟกับพี่กุ๊ก มีปากเสียง ทะเลาะกันดังมาถึงบ้านพี่ต่าย
หลังจากนั้นไม่นาน พี่ต่ายพาลูกทั้งสองคน ออกจากบ้าน และไม่กลับมาอีกเลย
และพี่กอล์ฟแกก็เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป
จากเดิมที่เป็นคนที่ชอบอยู่ในบ้านเงียบๆ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
กลายเป็นเหมือนคนโรคจิต เปิดเพลงดังทั่วบ้าน
เบสหนักๆ กำแพงบ้านพี่ต่ายสะเทือน
และไม่ใช่เปิดแค่ไม่กี่ชั่วโมง แกเปิดทั้งวัน

ซึ่งพี่ต่ายแกทำงานไลฟ์สดขายของออนไลน์อยู่บ้าน
ส่วนพี่ป๊อบก็มีไปต่างจังหวัดบ้าง เดือนละครั้ง สองเดือนครั้ง นอกนั้น Work From Home อยู่บ้าน
ทีนี้พอพี่ต่ายมีเสียงรบกวนจากบ้านพี่กอล์ฟ
แกก็ไลฟ์ไม่ได้ครับ รายได้จากเดือนละหลายหมื่น บางทีเฉียดแสน 
ก็หายไปมากกว่าครึ่ง
บ้านล้านแปด ผ่อนมา 10 ปี เหลืออยู่ล้านสาม อนาคตยังอีกไกลมาก

เมื่อพี่ป๊อบกลับจากต่างจังหวัด ก็ให้พี่ป๊อบไปช่วยคุยกับพี่กอล์ฟให้หน่อย
คือไปบอกเขาดีๆ ไม่ได้ไปว่าหรือชวนทะเลาะนะ
บอกให้เขาช่วยลดเสียงลงมาหน่อย
แกก็ทำได้ไม่กี่วัน ก็ดังขึ้นมาอีก
และพี่ป๊อบต้องเดินไปบอกอยู่แบบนี้สามสี่รอบ
จนรู้ว่าแก้ไม่ได้ ก็ไลน์บอกนิติ
และเหมือนนิติจะโทรมาหาพี่กอล์ฟ
พี่กอล์ฟคงไม่พอใจที่ทางพี่ป๊อบไปแจ้ง ก็เปิดดังกว่าเดิมสิครับ
จนล่าสุดพี่ป๊อบเดินไปบอกแกอีกที
พี่กอล์ฟสวนกลับมาว่า "ถ้าผมลดเสียง พวกคุณก็มีความสุขกันสิ"

พี่ป๊อบเดินกลับเข้าบ้านด้วยความมึนงง ทำอะไรไม่ถูก
หลังจากที่ต้องทนเจออะไรแบบนี้มา 9 เดือน ทุกวัน ก็คิดหาวิธีแก้ไข
จนสรุปที่ว่า จะย้ายออก ซึ่งพี่ต่ายกับพี่ป๊อบก็ได้ไปดูอีกโครงการนึงไว้แล้ว แต่ยังย้ายไม่ได้
เพราะต้องจัดการรีโนเวทบ้านหลังปัจจุบัน และทำการขายออก
จึงจะมีเงินพอไปซื้อหลังใหม่ได้

ทุกวันนี้ พี่กอล์ฟทำเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป
ตอนเช้า แกออกมาสูบบุหรี่หน้าบ้าน
เจอพี่ป๊อบกำลังจะออกไปทำงาน ก็ทักทายตามปกติ
แต่พี่ป๊อบตอบกลับด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายและไม่อยากคุย
คิดว่าพี่กอล์ฟคงรู้สึกได้

ตั้งแต่พี่กอล์ฟเริ่มหนักขึ้น ทางพี่ต่ายก็กลัว ไม่กล้าอยู่ตัวคนเดียว
จึงขอพี่ป๊อบไม่ไปต่างจังหวัดได้ไหม
ด้วยความที่พี่ป๊อบเป็นห่วงพี่ต่าย
จึงให้น้องที่บริษัทออกต่างจังหวัดแทน
ซึ่งต้องบอกว่าส่งผลกับรายได้ของพี่ป๊อบพอสมควร
เพราะออกต่างจังหวัดกับไม่ได้ออก รายได้ต่างกันเป็นเท่าตัว

เท่าที่ผมฟังพี่ป๊อบเล่า ผมว่าพี่กอล์ฟเหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้า 
หรือป่วยทางจิต เพราะมีคำพูดหนึ่งที่แกถามพี่ป๊อบว่า
เสียงเพลงพี่รบกวนบ้านป๊อบรึป่าว
คือถามแบบว่า ไม่รู้ตัวเองเลยหรอ และถามแล้วไม่แก้ไขตัวเองด้วยนะ ยังเปิดดังเหมือนเดิม

ที่ผมทราบเรื่องทั้งหมดนี้ เพราะตัวผมมีบ้านหลังที่สองอยู่ละแวกนั้น
ซื้อไว้เป็นปีแล้วครับ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปอยู่
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จึงเปลี่ยนแปลง ตัดสินใจขายต่อ
พี่ป๊อบเลยขอรบกวนช่วงนี้ที่จะรีโนเวทบ้าน
ขอมาอยู่ที่บ้านผมชั่วคราว จนรีโนเวทเสร็จ
ผมก็ยินดีครับ
แต่ก็ตกลงกันเข้าใจว่า ระหว่างนี้ถ้ามีคนมาขอซื้อ ผมก็ขายได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ
เพราะพี่ป๊อบก็มีทางสำรองไว้แล้ว

***เพื่อนๆคิดว่าไงครับ กับเหตุการณ์ที่พี่ต่ายกับพี่ป๊อบต้องเจอ เป็นคุณ จะคิดหาวิธีจัดการบ้านพี่กอล์ฟ
หรือจะเป็นฝ่ายถอยออกมาเอง***
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่