จากความเดิมตอนที่แล้ว ห่างหายกันไปนานเลย เพราะขี้เกียจทำรูป 555555  มาต่อ ตอนที่ 2 กันเลย

<-----------  https://pantip.com/topic/41869512        ตอนที่ 1 ตั้งแต่เริ่มเดินวันแรก จนถึง Kumjung Vil  --------------->

กระทู้นี้เราจะเริ่มจาก Kumjung Vil ต่อไป อีก 3 วัน น่าจะถึงราว Chukkung ก่อนขึ้น Kongma La Pass จะได้ไม่เป็นกระทู้ที่ยาวเกินไป

Day 5
Trekking Day 4
Namche 3780m -> Pangboche 3930m เวลา 8 ชัวโมง

ระยะทางสำหรับวันนี้ไม่ได้ไกลมาก ช่วงเช้าเดินลงอย่างเดียวยาวๆ จนถึงลำธารที่ Tea house และก็ขึ้นแบบสุดๆพอๆกับช่วง monjo ขึ้น namche ขึ้นเรื่อยๆ ยาวๆ จนถึง tenboche 

วันนี้ยอดเขา ama dablam จะเป็นพระเอกกับเราไปตลอดทั้งวัน และ กลับเข้ามาสู่ป่าต้นไม้ใหญ่อีกครั้ง เป็นวันสุดท้ายที่เราจะเห็นต้นไม้ใหญ่ จนกว่าเราจะข้าม ครบทั้ง 3 pass แล้วกลับไปถึง เมือง thame ในวันที่ 14 ของการ treking day

จนถึงช่วงที่เดินถึงลำธารข้างล่าง และเมื่อถึง tengboche จะเป็นวัดธิเบต และ ร้านอาหารที่พักเที่ยง วิวอลังสุดๆ ซึ่งไกด์เราเลือกร้านที่อยู่บริเวณตรงกลางภาพนี้ให้เรา นั่งอาบแดด กินข้าวกันไป ชมวิว เห็นทั้งยอด everest ทั้งทางที่เราเดินมาตั้งแต่วันที่ 2 เลยทีเดียว วิวดีขนาดนี้ เราเลยแช่ยาวๆเลย 2 ชัวโมงได้ ไม่ได้เพราะวิวอย่างเดียวหรอก เพราะเดินขึ้นมาเหนื่อยต่างหาก ฮ่าาาา

จากแผนการเดินทางตอนแรก เราต้องการพักค้างคืนที่นี่(Tengboche) แต่ด้วยเวลาที่เรามาถึงก่อนเที่ยงและระยะทางที่จะต่อไปยัง Pangboche ไม่ได้ไกลมาก เหลือประมาณ 4km เราจึงตัดสินใจเดินต่อ เราพิจารณาจากความสูงที่เราพักแต่ละคืน ที่ Tengboche และ Pangboche มีความสูงที่ไกลเคียงกันซึ่งไม่กระทบต่อการเกิด AMS 

ภาพจากที่พักกินข้าวตอนกลางวัน จากบ้านหลังเล็กที่เรามองเห็นในภาพก่อนหน้าที่ วิวดี 360 องศาไปเลยยย
ระหว่างทางจาก Tengboche มายัง Pangboche วันนี้เราไม่เจอแก้งค์ชาวอินเดียแล้ว เพราะกลุ่มอินเดียพักที่ Tengboche วันนี้ที่บ้านพักเราจึงค่อนข้างสงบ ระหว่างทาง leader เราได้เจอกับกลุ่มปีนเขารุ่นใหม่ อายุเพียง 20 ต้นๆ ไกด์เล่าว่า นี่เป็น sherpa ที่กำลังฝึกปีนยอด ไม่แน่ใจว่าปีนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง จากเหตุการณ์ที่หิมะถล่มที่ยอดเมื่อกลางปี

บ้านพักเราที่ Pangbocheไกด์เราบอกว่า ปกติหมู่บ้านนี้จะค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับค้างแรม เพราะมีอากาศที่อุ่นกว่าหมู่บ้านอื่น เป็นที่กว้าง เหมาะแก่การเพราะปลูกในฤดูร้อนและมีลำธารข้างๆ ทำให้อาจพบเจอสัตว์ป่าบนเทือกเขาได้ง่าย ระหว่างทางเรามีเพื่อนชาวรัสเซีย 2 คน เคยมาเดินผ่านหมู่บ้านนี้หลายครั้งแล้ว และ โชว์ภาพสัตว์ต่างๆที่พบเจอที่ Pangboche 

ก่อนจะมาถึงบ้านพัก เราค่อนข้างอิดโรย ไม่แน่ใจว่าจากความสูงที่เพิ่มขึ้นหรือเพราะระยะทาง พอถึงหมู่บ้าน รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก แต่หารู้ไม่ หมู่บ้านนี้ยาวเป็นครึ่งกิโลได้ แล้วบ้านที่เราไปพักเป็นหลังสุดท้ายของหมู่บ้าน การมาเดินเส้นเนปาลในช่วง low season เราค่อนข้างที่จะมีตัวเลือกในการเข้าพักน้อย แต่ข้อดีคือ ต่อให้มีน้อย ก็ไม่ต้องไปแย่งกับใคร โอกาสได้นอน 90% ซึ่งทาง sherpa ได้บอกว่า ถ้าเป็นช่วง high season ต้องทำการจองมาก่อน ไม่อย่างนั้น โอกาสมาถึงแล้วไม่มีที่นอนสูง ลองนึกสถานการณ์นั้นดู เดินมาเหนื่อยๆ ไม่มีที่นอน จะเดินต่อไปก็ไม่ไหวแล้ว หนาว ค่ำ จะทำยังไงต่อดี

ภาพแสงเย็นก่อนพระอาทิตย์จะตกรอบบ้านพัก
หลังจากออกไปถ่ายภาพเก็บแสงเย็นข้างนอก ซึ่งทุกวันหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า อุณหภูมิจะดิ่งลงค่อนข้างมาก อาจจะเกิน 5 องศา ในไม่กี่นาที ผมกลับเข้ามาที่ห้องโถ่งเพื่อพิ่งไฟ เริ่มมีอาการไอร้อนจากการหายใจผ่านจมูก แต่ไม่มีอาการว่าเป็นไข้ วันนี้จึงต้องเติมยาพารา 2 เม็ดก่อนนอน กันไว้ก่อนแก้

วันนี้เป็นวันเดินที่ค่อนข้างเหนื่อยวันหนึ่ง มีการเดินลงที่ยาวและไกล และขึ้นค่อนข้างมาก มีการเปลี่ยนแปลงความสูงระหว่างทางมาก แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับไกด์เรา เห็นเดินออกไปข้างนอก แล้วกลับมาช่วง dinner พร้อมกับกลิ่นเหล้าและสำเนียงที่บ่งบอกถึงว่าตึงๆแล้วแน่ กลิ่นนี่ไม่เหล้าขาว ก็เหล้าเถื่อนล่ะ แรงขนาดนี้ เป็น sherpa นี่มันดีอย่างนี้แหละ ดื่มแอลได้ทุกความสูง ส่วนทริปนี้ ผมไม่ดื่มเลยจนวันที่กลับไปยัง namche