รีวิวการทำเอกสารเพื่อไปจดทะเบียนสมรสที่ต่างประเทศ (อินเดีย)​

เอาล่ะวันนี้อยากเล่าถึงความวุ่นวายในการทำเอกสารเพื่อย้ายไปอยู่ต่างประเทศ

     สืบเนื่องมาจากฉันก็คบชาวต่างชาติ แล้วก็เออไม่อยากอยู่ไทยแล้ว ชีวิตมันเล่นตลกกับฉันมากจนเกินไป เลยแพลนตั้งแต่ปลายปีว่าจะย้ายไปอยู่กับแฟนและเรียนต่อโท(ถ้าเป็นไปได้) ก็เลยเริ่มเสิร์ชข้อมูลจากกูเกิ้ล ปรึกษาเพื่อนที่แต่งงานไปอยู่เยอรมัน ปรึกษาเพื่อนที่ย้ายไปทำงานที่มาเล ปรึกษาพี่ๆเพื่อนๆในกลุ่มสะใภ้ ทุกคนคือซัพพอร์ตและให้คำแนะนำดีมากๆ
      
       เข้าเรื่องลำดับแรกเลยคือการรับ-ส่งเงินจากต่างประเทศค่ะ เรื่องนี้ตีกันกับแฟนบ่อยมาก เพราะนางกลัวเงินจำนวนที่นางส่งมาไม่ถึงผู้รับอย่างฉัน กลัวเงินหายกลางทาง แนะนำเอเจนซี่ไป ลุงแกก็ไม่กล้า กลัวเขาโกงบ้างอะไรบ้าง ฉันเลยบอกว่าเอองั้นแล้วแต่เลย เธอมีวิธีไหนเธอก็ทำมา สุดท้ายได้วิธี swift code ของธนาคารกสิกรค่ะ หักครั้งละ 110 บาท 
      
      เงินมาแล้วถึงเวลาเดินเอกสารค่ะ ทีแรกอยากจ้างเอเจนซี่ แต่เพื่อนแนะนำว่าหล่อนต้องทำเองครั้งเดียวในชีวิต!!!! เออได้สู้เขาสิวะอีหญิง!!!! 
    ****เริ่มต้นจากเอกสารที่ขอคัดสำเนาจากอำเภอ คัดเป็นอังกฤษได้ทั้งหมดเลยค่ะ ความโชคดีของฉันคือไม่ได้แปลเอกสารเลยสักใบ มี
             1. ใบรับรองโสด (อำเภอใจดีมากแปลให้เลย เห็นมีหลายคนที่ต้องไปแปลกับกงสุลหรือบริษัทรับแปลครั้งละหลายร้อย)
             2. สูติบัตร
             3. บัตรประชาชน
             4. ทะเบียนบ้าน
       ( ปล. ใบรับรองโสดขอคัดได้เฉพาะอำเภอที่เราเกิดนะคะ ใช้แค่บัตรประชาชน ไม่ต้องมีพยาน2คนค่ะ แต่บางอำเภอต้องมีพยานนะคะ ลองโทรสอบถามทางอำเภอนั้นๆดูก่อนเข้าไปทำเอกสารค่ะ เราจะได้ไม่เสียเวลา)

     เมื่อได้เอกสารท้งหมดเป็นภาษาอังกฤษจากอำเภอแล้วขั้นต่อไปคือนำเอกสารทั้งหมด + เอกสารฉบับจริง เช่น สำเนาบัตรประชาชน+พาสปอร์ตหรือใช้บัตรประชาชนตัวจริง ส่งไปรษณีย์ไปที่กงสุลค่ะ ค่าลายเซนต์บวกประทับตรา ฉบับละ200บาท+ค่าส่งไปรษณีย์กลับ60บาทค่ะ ซื้อธนาณัติกับทางไปรษณีย์แล้วเอาใส่ซองเดียวกับเอกสารส่งไปเลย รอประมาณ 3วันทำการ เอกสารก็ส่งกลับมาค่ะ 
     หลังจากได้รับเอกสารจากกงสุลแล้ว ดิฉันก็จองโรงแรมผ่านทาง agoda แล้วเดินทางเข้า กทม ทันที เพื่อไปยื่นเอกสารประทับตราต่อที่ VFS Global ที่ตึกเทรดดี้ชั้น 8 ค่ะ ไปแต่เช้าคิวไม่เยอะ แต่คนใช้ลิฟต์เยอะเพราะตึกนี้เป็นศูนย์รวมของคนไทยและต่างชาติที่มายื่นขอวีซ่า ประทับตราเอกสารตั่งต่างของหลายประเทศ ทางเดินก็สับสนมากๆกว่าจะเจอลิฟต์ มันจะมีลิฟต์แก้วกับลิฟต์ที่มีเจ้าหน้าที่อยู่ข้างหน้าเลือกเอาค่ะสะดวกอันไหนไปอันนั้น 
      เมื่อถึง VFS แล้วจะต้องลงทะเบียนด้านหน้า เดินเข้าไปต่อแถวพบกับคนตรวจเอกสาร แล้วสุดท้ายเอกสารฉันก็ไม่ผ่าน ต้องขอพาสปอร์ตฝ่ายชายหน้าแรกและหน้าสุดท้าย แล้วเขาก็ให้ใบคำร้องมากรอกว่าจะเอาเอกสารทั้งหมดไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร เขียนเป็นอิ้งเท่านั้น!!!! แล้วคุณคิดว่าคนอย่างฉันจะเขียนเองเหรอ? ไม่ค่ะ ฉันทักไปขอพี่ในกลุ่มสะใภ้ ลอกตามไปเลยสิคะ เพื่อความปรัง!!! พอกรอกทุกอย่างเสร็จ ปริ้นท์เอกสารผู้บ่าวเสร็จ ฉันก็เดินมาต่อแถวอีกครั้ง กับคิวที่ล้านแปดแสน คน!! เยอะ!! มาก!! เพราะเสียเวลาเป็นชั่วโมงกับการปริ้นท์เอกสาร สุดท้ายพอถึงคิวฉันพบผู้ตรวจเอกสาร เขาก็อ่านทวนทั้งหมด ประทับตราแล้วให้ฉันไปรับคิวตรงจุดลงทะเบียนเพื่อเข้าไปตรวจเอกสารและจ่ายเงินกับเจ้าหน้าที่ท่านอื่น เมื่อได้คิวแล้ว ก็กลับเข้ามานั่งรอ รอแล้วรอเล่า พอถึงคิวตัวเอง เจ้าหน้าที่บอกขอก๊อปปี้เอกสารทั้งหมด!!! แม่เจ้า~~~ฉันต้องเดินไปต่อคิวร้านถ่ายเอกสารอีก ถ่ายเอกสารเสร็จก็เดินกลับไปให้เขาตรวจเอกสาร เขาก็จะถามว่านัดรับหรือให้ส่งกลับ ฉันบอกว่าส่งกลับ เขาก็จะให้เราเขียนชื่อที่อยู่ แล้วก็ชำระเงินของฉันหมดไป 1866 บาทค่ะ เอกสาร4อย่าง 1866!!!!! เฉลี่ยค่าประทับตราและลายเซ็นน่าจะแผ่นละ 450 บาท 66 บาทคือค่าส่งเอกสารกลับ จบพิธี ขั้นตอนทำเอกสารก็ประมาณนี้
      เอกสารพร้อมแล้ว ขั้นต่อไปจองตั๋วเครื่องบินค่ะ ใครจอง??? ไม่ใช่ฉันแน่นอน คนจ่ายเงิน=คนจองค่ะ 
ได้วันบินแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ ขอวีซ่าค่ะ เราขอ เป็น e-visa tourist 1year ขอผ่านระบบได้เลย ไม่ต้องไปที่ vfs อีก
       ขอวีซ่าต้องกรอกข้อมูลเยอะมากกกกกกกก แนะนำเปิดอ่านวิธีการขอนะคะ จะมีเว็บที่แนะนำขั้นตอนแบบละเอียดอยู่ ค่อยๆกรอกไปค่ะ ไฟล์ที่ต้องอัพโหลดจะมี พาสปอร์ตเรา ภาพถ่ายหน้าตรงพื้นหลังขาว 2 นิ้ว ต้องบีบไฟล์ค่ะ ไม่เกิน 1 MB ข้อมูลอ้างอิงของบุคคลหรือที่อยู่โรงแรมที่ประเทศนั้น กรอกเสร็จเขาจะให้ชำระเงิน เราเลือกชำระแบบตัดบัตร สรุปคือเปลี่ยนบัตรไป3ใบ ตัดไม่ได้สักใบ สุดท้ายกรอกข้อมูลใหม่ แล้วยืมบัตรเพื่อนถึงจ่ายเงินสำเร็จค่ะ รอบนี้วีซ่าอนุมัติไวมาก เรารอแค่19 ชั่วโมงวีซ่าผ่านเลยค่ะ หายเหนื่อยและหายหัวร้อนไปเยอะ
         ขั้นต่อมาคือซื้อประกันชีวิต เราซื้อผ่านธนาคารกรุงไทยเป็นรายปี แต่จะซื้อประกันในประเทศเขาด้วย กำลังอ้อนวอนผู้บ่าวอยู่ให้ซื้อให้ เพราะเวลาเจ็บป่วยค่ารักษาที่ ตปท สูงมากกกกกกกกกก

        ได้ทุกอย่างครบ สิ่งที่เหลือคือ vaccine certificate หรือ vaccine passport ขอผ่านแอพหมอพร้อม ตอนนี้ทำนัดคิวยาวมากกกกก ขอร้องเลยใครจะไปไหนรีบลงทะเบียนขอไว้ตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ ไม่งั้นไม่ทันแน่นอน
       ตอนนี้เราเหลือขั้นตอนสุดท้ายคือลงทะเบียน Air Suvida มันคล้ายๆ Thai pass ที่เวลาต่างชาติมาไทยแล้วต้องลงทะเบียน

***** ตอนนี้ vaccine passport และ Air Suvida ไม่จำเป็นต้องใช้แล้วค่ะ *******

        สุดท้าย ต้องปริ้นท์เอกสารทุกอย่างไว้นะคะ แล้วตอนเดินทางเก็บเอกสารไว้กับตัวเพราะ ตม จะขอตรวจ อย่าหาเอาโหลดใต้เครื่องเด้อ 
        ฉันหวังว่าการย้ายประเทศครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีของฉัน ขอให้ได้เจอคนดีๆ มิตรที่ดี มีคนอุปถัมภ์ค้ำชูและคอยซัพพอร์ต ได้รับความรักที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น ชีวิตฉันเจอเรื่องที่โหดร้ายมาเยอะแล้ว ฉันขอแค่นี้เลย งือออออออ 🥹

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่