(กระทู้นี้แค่อยากบ่น อยากระบาย อยากแชร์ค่ะ

)
ของเราล่าสุดเจอแบบให้เราออกแบบแผ่นเมนูอาหารให้ค่ะ ตอนแรกก็เหมือนจะง่ายๆ ไม่เรื่องมาก บอกว่าแค่สวยๆก็พอ ลูกค้าคนนี้อายุมากกว่า 60 ปีค่ะ คนนี้ดูทรงน่าจะมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินตั้งแต่แรก แต่เราก็พยายามออกแบบให้ประหยัดเงินที่สุด เมนูอาหารมากกว่า 50 เมนู และขอให้ใส่รูปภาพทั้งหมด ทุกเมนู และเราต้องหารูปภาพเหล่านั้นเองทุกรูปภาพ เรามองแล้วว่าถ้าใส่ลูกเล่นมากไปจะเปลืองเนื้อที่มาก อาจจะทำให้ต้องออกแบบหลายแผ่นและอาจต้องเพิ่มเงิน เราจึงพยายามประหยัด (แถมลดราคาให้เขาไปอีก)
เราออกแบบเป็นสไตล์เรียบง่ายค่ะ พอออกแบบเสร็จ เราก็ให้ลูกค้าดูงาน แต่เขาก็ดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร ทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ ไม่แก้อะไรเลย เราเลยรู้สึกว่า อืม ลูกค้าคนนี้ไม่เรื่องมากดีเนอะ เราจึงทำงานจนเสร็จและไปถึงขั้นตอนของการจ่ายเงินค่ะ เท่านั้นแหละ ลูกค้าคนนี้ก็มีอาการเริ่มงอแง บอกว่าแพงจัง นู้นนี่นั่น เริ่มพูดเปรียบเทียบร้านเรากับร้านอื่น เริ่มถามหาของแถมนู้นนี่นั่น พฤติกรรมผิดไปจากตอนสั่งงานเลยค่ะ เพราะตอนสั่งงานก็ไม่เรื่องมาก ไม่ซับซ้อน ไม่มีเงื่อนไขเยอะ ไม่มีคำสั่งอะไรเยอะเลยค่ะ
เราก็เลยแอบไปบ่นกับป้าข้างบ้านที่สนิทๆกัน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก จนวันรุ่งขึ้น มีป้าคนหนึ่ง (ขอตั้งชื่อว่าเอ) ป้าเอตื่นแต่เช้า และรีบเดินมาหาป้าข้างบ้านของเราอย่างตั้งอกตั้งใจแบบผิดวิสัยของแก แต่ป้าเอเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ที่ดีมากค่ะ ใครๆก็คิดว่าแกเป็นคนดี หลังจากเหตุการณ์นี้ไป ก็เป็นตอนสายๆของวันเดียวกัน...ป้าข้างบ้านเลยตัดสินใจเล่าเรื่องที่ป้าเอไปหาแกในตอนเช้าให้เราฟัง และแกบอกว่า ป้าเอ มาเล่าให้แกฟังว่าเราออกแบบงานได้ไม่ดี แย่มาก ป้าที่เป็นลูกค้าของเราบ่นกับป้าเอใหญ่เลย แล้วป้าลูกค้าคนนั้นก็ทิ้งงานเราลงขยะไปค่ะ ในเหตุการณ์นั้น ป้าเอก็เลยพูดสมทบกับป้าลูกค้าเราไปว่า ลูกสาวแกที่เป็นครูออกแบบงานได้ดีกว่าเราอีก นู้นนี่นั่น ป้าลูกค้าคนนั้นก็เลยหันไปติดต่อทำงานออกแบบกับลูกสาวป้าเอแทน แต่เท่าที่เรามอง ลูกสาวป้าเอน่าจะไม่ได้ทำงานออกแบบนั้นด้วยความสามารถของตนเอง หล่อนน่าจะไปหาชิ้นงานมาจากเน็ตและแก้ไขเอาเท่านั้น
จากบทเรียนที่เราได้จากเรื่องนี้คือ ถ้าเจอลูกค้าที่ไม่มีเงื่อนไขมาก เรื่องน้อยๆ ดูเรื่องไม่เยอะ ต้องระวัง เพราะคนเรื่องไม่เยอะ ดูเหมือนไม่มีกรอบให้เรานี่แหละ อาจจะเรื่องเยอะที่สุดก็ได้ เพราะก่อนที่เราจะตัดสินใจปริ้นงานออกมา เราได้ให้ป้าลูกค้าคนดังกล่าวตรวจสอบก่อนแล้วค่ะ เราถามแกว่าอยากให้แก้ไขอย่างไรตรงไหนอีกไหม แกบอกว่าไม่ต้องแก้แล้ว ดีแล้ว ท่าทางแกดูสบายๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย (และเราไม่ได้กำหนดข้อจำกัดด้วยว่าจะให้ลูกค้าแก้ไขขั้นต่ำได้กี่รอบ) คือดูภาพรวมงานนี้เหมือนง่ายมากในทุกๆด้าน แต่พอทำออกมาจริงๆ คุณป้าลูกค้าที่ดูเหมือนจะเป็นคนมีปัญหาน้อยที่สุดคนนี้ กลับเอาเรื่องของเราไปพูดแบล็คเมล์กับคนอื่น ว่าเราออกแบบงานได้แย่ ทั้งที่ความจริง แกเป็นคนปล่อยให้งานนี้มันเสร็จสิ้นออกมาด้วยตัวของแกเอง ทั้งๆที่แกไม่พอใจงานชิ้นนี้ในก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แต่กลับไม่แจ้งกับเราให้แก้ไข และพอเราทำออกมา แกรับงานไปแล้วก็นำผลงานเราไปอวดให้คนอื่นดู แล้วตำหนิเราลับหลัง จนเข้าทางป้าเอที่จ้องจะแว้งกัดเราอยู่แล้ว ได้พูดเอาดีเข้าลูกสาวตัวเอง
โดยปกติที่เราเคยรับงานลูกค้ามา ถ้าหากว่างานไม่ถูกใจลูกค้า ลูกค้าจะบอกเราตรงๆเลยค่ะ เราจึงสามารถแก้ได้ถูกใจลูกค้าที่สุด และส่วนใหญ่ก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะเราขึ้นชื่อว่าตามใจลูกค้ามาก และลูกค้าส่วนใหญ่ที่เราเคยเจอมา เขาจะบอกแนวทางของพวกเขาชัดเจน ว่าเขาชอบแบบไหน สไตล์ไหน อยากได้แบบไหน เพราะลูกค้าแต่ละคนมีความชอบและรสนิยมไม่เหมือนกันค่ะ บางคนอยากได้หรูหรา บางคนอยากได้แบบเรียบง่าย แต่เราก็ไม่คิดว่าจะมาเจอเคสนี้เหมือนกันค่ะ อาจจะพลาดที่เราไม่คุยงานให้ละเอียดตั้งแต่แรกด้วยค่ะ เพราะเคสก่อนๆที่เจอมา ไม่เคยเจอแบบนี้เหมือนกันค่ะ งานที่ไม่มีขอบเขตและคำสั่งที่ชัดเจน เลยพลาดไป เพราะคำว่า "เอาแบบสวยๆอ่ะ" มันอยากที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจค่ะ เพราะคำว่า "สวย" ในนิยามของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
แล้วมีใครเคยเจอแบบไหนบ้างคะ มาแชร์กัน
มีใครเคยเจอลูกค้างานกราฟิคดีไซต์แย่ๆบ้างไหมคะ เจอแบบไหนกันบ้าง
ของเราล่าสุดเจอแบบให้เราออกแบบแผ่นเมนูอาหารให้ค่ะ ตอนแรกก็เหมือนจะง่ายๆ ไม่เรื่องมาก บอกว่าแค่สวยๆก็พอ ลูกค้าคนนี้อายุมากกว่า 60 ปีค่ะ คนนี้ดูทรงน่าจะมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินตั้งแต่แรก แต่เราก็พยายามออกแบบให้ประหยัดเงินที่สุด เมนูอาหารมากกว่า 50 เมนู และขอให้ใส่รูปภาพทั้งหมด ทุกเมนู และเราต้องหารูปภาพเหล่านั้นเองทุกรูปภาพ เรามองแล้วว่าถ้าใส่ลูกเล่นมากไปจะเปลืองเนื้อที่มาก อาจจะทำให้ต้องออกแบบหลายแผ่นและอาจต้องเพิ่มเงิน เราจึงพยายามประหยัด (แถมลดราคาให้เขาไปอีก)
เราออกแบบเป็นสไตล์เรียบง่ายค่ะ พอออกแบบเสร็จ เราก็ให้ลูกค้าดูงาน แต่เขาก็ดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร ทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ ไม่แก้อะไรเลย เราเลยรู้สึกว่า อืม ลูกค้าคนนี้ไม่เรื่องมากดีเนอะ เราจึงทำงานจนเสร็จและไปถึงขั้นตอนของการจ่ายเงินค่ะ เท่านั้นแหละ ลูกค้าคนนี้ก็มีอาการเริ่มงอแง บอกว่าแพงจัง นู้นนี่นั่น เริ่มพูดเปรียบเทียบร้านเรากับร้านอื่น เริ่มถามหาของแถมนู้นนี่นั่น พฤติกรรมผิดไปจากตอนสั่งงานเลยค่ะ เพราะตอนสั่งงานก็ไม่เรื่องมาก ไม่ซับซ้อน ไม่มีเงื่อนไขเยอะ ไม่มีคำสั่งอะไรเยอะเลยค่ะ
เราก็เลยแอบไปบ่นกับป้าข้างบ้านที่สนิทๆกัน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก จนวันรุ่งขึ้น มีป้าคนหนึ่ง (ขอตั้งชื่อว่าเอ) ป้าเอตื่นแต่เช้า และรีบเดินมาหาป้าข้างบ้านของเราอย่างตั้งอกตั้งใจแบบผิดวิสัยของแก แต่ป้าเอเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ที่ดีมากค่ะ ใครๆก็คิดว่าแกเป็นคนดี หลังจากเหตุการณ์นี้ไป ก็เป็นตอนสายๆของวันเดียวกัน...ป้าข้างบ้านเลยตัดสินใจเล่าเรื่องที่ป้าเอไปหาแกในตอนเช้าให้เราฟัง และแกบอกว่า ป้าเอ มาเล่าให้แกฟังว่าเราออกแบบงานได้ไม่ดี แย่มาก ป้าที่เป็นลูกค้าของเราบ่นกับป้าเอใหญ่เลย แล้วป้าลูกค้าคนนั้นก็ทิ้งงานเราลงขยะไปค่ะ ในเหตุการณ์นั้น ป้าเอก็เลยพูดสมทบกับป้าลูกค้าเราไปว่า ลูกสาวแกที่เป็นครูออกแบบงานได้ดีกว่าเราอีก นู้นนี่นั่น ป้าลูกค้าคนนั้นก็เลยหันไปติดต่อทำงานออกแบบกับลูกสาวป้าเอแทน แต่เท่าที่เรามอง ลูกสาวป้าเอน่าจะไม่ได้ทำงานออกแบบนั้นด้วยความสามารถของตนเอง หล่อนน่าจะไปหาชิ้นงานมาจากเน็ตและแก้ไขเอาเท่านั้น
จากบทเรียนที่เราได้จากเรื่องนี้คือ ถ้าเจอลูกค้าที่ไม่มีเงื่อนไขมาก เรื่องน้อยๆ ดูเรื่องไม่เยอะ ต้องระวัง เพราะคนเรื่องไม่เยอะ ดูเหมือนไม่มีกรอบให้เรานี่แหละ อาจจะเรื่องเยอะที่สุดก็ได้ เพราะก่อนที่เราจะตัดสินใจปริ้นงานออกมา เราได้ให้ป้าลูกค้าคนดังกล่าวตรวจสอบก่อนแล้วค่ะ เราถามแกว่าอยากให้แก้ไขอย่างไรตรงไหนอีกไหม แกบอกว่าไม่ต้องแก้แล้ว ดีแล้ว ท่าทางแกดูสบายๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย (และเราไม่ได้กำหนดข้อจำกัดด้วยว่าจะให้ลูกค้าแก้ไขขั้นต่ำได้กี่รอบ) คือดูภาพรวมงานนี้เหมือนง่ายมากในทุกๆด้าน แต่พอทำออกมาจริงๆ คุณป้าลูกค้าที่ดูเหมือนจะเป็นคนมีปัญหาน้อยที่สุดคนนี้ กลับเอาเรื่องของเราไปพูดแบล็คเมล์กับคนอื่น ว่าเราออกแบบงานได้แย่ ทั้งที่ความจริง แกเป็นคนปล่อยให้งานนี้มันเสร็จสิ้นออกมาด้วยตัวของแกเอง ทั้งๆที่แกไม่พอใจงานชิ้นนี้ในก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แต่กลับไม่แจ้งกับเราให้แก้ไข และพอเราทำออกมา แกรับงานไปแล้วก็นำผลงานเราไปอวดให้คนอื่นดู แล้วตำหนิเราลับหลัง จนเข้าทางป้าเอที่จ้องจะแว้งกัดเราอยู่แล้ว ได้พูดเอาดีเข้าลูกสาวตัวเอง
โดยปกติที่เราเคยรับงานลูกค้ามา ถ้าหากว่างานไม่ถูกใจลูกค้า ลูกค้าจะบอกเราตรงๆเลยค่ะ เราจึงสามารถแก้ได้ถูกใจลูกค้าที่สุด และส่วนใหญ่ก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะเราขึ้นชื่อว่าตามใจลูกค้ามาก และลูกค้าส่วนใหญ่ที่เราเคยเจอมา เขาจะบอกแนวทางของพวกเขาชัดเจน ว่าเขาชอบแบบไหน สไตล์ไหน อยากได้แบบไหน เพราะลูกค้าแต่ละคนมีความชอบและรสนิยมไม่เหมือนกันค่ะ บางคนอยากได้หรูหรา บางคนอยากได้แบบเรียบง่าย แต่เราก็ไม่คิดว่าจะมาเจอเคสนี้เหมือนกันค่ะ อาจจะพลาดที่เราไม่คุยงานให้ละเอียดตั้งแต่แรกด้วยค่ะ เพราะเคสก่อนๆที่เจอมา ไม่เคยเจอแบบนี้เหมือนกันค่ะ งานที่ไม่มีขอบเขตและคำสั่งที่ชัดเจน เลยพลาดไป เพราะคำว่า "เอาแบบสวยๆอ่ะ" มันอยากที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจค่ะ เพราะคำว่า "สวย" ในนิยามของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
แล้วมีใครเคยเจอแบบไหนบ้างคะ มาแชร์กัน