ตอนที่ 7 แทบขาดใจ
เวลาประมาณ 19.00 น. ท่านหญิงพิสมัยก็เดินออกมาจากด้านหลัง เราสองคนยกมือไหว้สวัสดีทำความเคารพ ท่านหญิงพูดว่า
“เชิญนั่ง ทำตัวตามสบายเลยจ๊ะไม่ต้องเกรงใจนะฉันแต่อยากทำความรู้จักกับพวกเธอเป็นการส่วนตัวเท่านั้นเอง ฉันเห็นประวัติการทำงานของเธอทั้ง 2 คนแล้วน่าสนใจมากโดยเฉพาะ คุณณพฉัตร” ท่านหญิงพูดต่อ “เอาอย่างนี้นะคนแรกฉันอยากรู้จักคุณเจนจิราก่อน คุณเจนจิรานามสกุลของคุณคืออะไรนะ” ท่านถามปุ๊
“หนูชื่อ นางสาวเจนจิรา กุดคำ คะท่าน”
“เธอชื่อเล่นว่า ปุ๊ ใช่ไหม” “ใช่คะ” ปุ๊ตอบ “ถ้ายังนั้นฉันจะเรียกเธอว่าปุ๊ก็แล้วกันนะ ปุ๊ เธอลองเล่าประวัติของเธอให้ฉันฟังคล่าวๆซิ ว่าบ้านอยู่ที่ไหน พ่อแม่เป็นใครทำอาชีพอะไร มีพี่น้องกี่คน แล้วเธอเรียนจบจากที่ไหน เข้ามาทำงานในบริษัทฯนี้ได้ยังไง” ท่านหญิงถามยาวเลย ปุ๊ตัวสั่นบีบมือผมแน่นผมหันไปมองพยักหน้าให้ประมาณว่ามั่นใจหน่อยผมอยู่ข้างๆนี่นะ แล้วปุ๊ก็เริ่มเล่า
“หนูเกิดมาในครอบครัวเกษตรกรคะมีอาชีพทำไร่ ทำสวน อยู่หมู่บ้านกุดดงคะ โดยมีพ่อกับแม่เป็นเสาหลัก หนูเป็นพี่สาวคนโค มีน้องสาว 1 คน น้องชายคนเล็กอีก 1 คน หนูและน้องๆก็ช่วยพ่อกับแม่ทำไร่ทำสวน มีที่พึ่งคือพ่อกับแม่ที่ส่งเสียให้หนูและน้องๆได้เรียนหนังสือ ตอนหนูเรียนอยู่วิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธุ์ ปวช.3 แผนกการบัญชี พ่อของหนูก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเลยขาดเสาหลักในครอบครัวจึงทำให้หนูไม่สามารถเรียนต่อได้ต้องออกมาช่วยแม่ทำไร่ทำสวนเพื่อเอาค่าใช้จ่ายส่งน้องๆให้ได้เรียนกันต่อไป อยู่ต่อมาประมาณ 2 ปี บริษัทอาหารสัตว์ไทยฯ เปิดรับสมัครพนักงานทั่วไปหนูก็เลยไปสมัครโชคดีได้งานตำแหน่งเจ้าหน้าที่การบัญชีประจำสาขายางตลาดคะ ซึ่งถือว่าโชคดีมากสำหรับหนูเพราะระยะทางจากสำนักงานถึงบ้านห่างกันแค่ 5 กิโลเมตรเองคะ หนูดีใจมากที่ได้ทำงานใกล้บ้านหนูพยายามตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่บางครั้งกว่าจะสรุปงานเสร็จก็ค่ำมืดปัญหามันก็คือระหว่างทางกลับบ้านกุดดงค่อนข้างเปลี่ยวเวลากลับตอนมืดๆหนูก็กลัวอันตรายคะ หนูก็เลยขออนุญาตผู้จัดการใหญ่ว่าถ้าหากวันไหนหนูเสร็จงานดึกจะขอพักที่สำนักงานได้ไหม ผู้จัดการใหญ่อนุญาตให้พักได้คะหนูดีใจมาก ตั้งใจทำงานให้ดีพยายามพัฒนาตัวเองมาตลอดเพื่อเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆจนหนูเริ่มรู้งานและชำนาญมากขึ้นจึงได้รับผิดชอบเกี่ยวกับงานด้านเอกสารทั้งหมดในสาขายางตลาดคะ” ปุ๊ตอบอย่างมั่นใจ ท่านหญิงจึงถามต่อ
“แล้วเธอมีปัญหาอะไรคับข้องใจบ้างไหมในที่ทำงาน”
“ก็มีอยู่คะคือว่าเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวหนูเอง เพราะตั้งแต่หนูได้รับอนุญาตให้พักที่สาขาได้ตอนแรกหนูก็ดีใจนะคะที่ไม่ต้องขี่รถกลับบ้านตอนค่ำมืดเพราะทางกลับของหนูค่อนข้างเปลี่ยวหนูกลัวอันตราย แต่แล้วหนูก็ต้องมากลัวอีกก็คือวันไหนถ้าผู้จัดการใหญ่รู้ว่าหนูพักอยู่ที่สำนักงานคนเดียวท่านจะมาหาอ้างว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ท่านพยายามพูดจาแทะโลมเกี้ยวภาราสีหนูตลอดเวลาบางครั้งก็พยายามหนูชวนออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยบ้างอ้างว่าไปเปิดหูเปิดตาแต่หนูไม่ยอมไปด้วยเพราะหนูกลัวคะ หนูเคยชวนพวกพี่ๆส่งเสริมการตลาดมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยก็ไม่มีใครยอมมาอ้างภาระทางครอบครัว จริงๆหนูก็ไม่อยากกลับค่ำๆมืดๆหรอกนะคะแต่สรุปงานประจำวันไม่เสร็จก็ต้องเลยตามเลยต้องนอนที่สำนักงาน หนูกังวลทุกครั้งเลยที่หนูต้องนอนเฝ้าสำนักงานคนเดียวกลัวว่าผู้จัดการใหญ่จะโผล่มาตอนไหนหนูกลัวมากคะ จนมี หนึ่ง ณพฉัตร คนนี้แหล่ะคะได้เข้ามาขออยู่ด้วยหนูถึงได้วางใจว่าหนูจะต้องปลอดภัยแน่ๆ เขาเป็นคนขรึมๆ ทึ่มๆ บ๊องๆ และซื่อๆ และเป็นสุภาพบุรุษมากไม่เคยล่วงเกินหนูเลยแม้แต่น้อยทั้งกายและวาจา อาจจะมีแซวกันเล่นเล็กน้อย หยอกล้อกันบ้าง แต่หนึ่งไม่เคยล่วงเกินหนูเลยแม้แต่ครั้งเดียว หนูไว้ใจเขามากคะ หนึ่งเล่นกีตาร์เก่งและร้องเพลงเพราะมาก บางทีหนึ่งก็มีมุขตลกๆให้ได้ขำตลอด ถ้ามีหนึ่งอยู่หนูรู้สึกปลอดภัยมากคะ แต่ถ้าหนึ่งย้ายไปหนูคงต้องตกอยู่ในความหวาดระแวงแบบนั้นอีกต่อไปละคะ” ผมได้ยินปุ๊พูดแล้วผมอึ้งจริงๆเธอกล้าพูดต่อหน้าเจ้านายแบบไม่กลัวมีภัยเลยสักนิดสุดยอดจริงๆแฟนเรา
“ของปุ๊หมดแล้วนะ ต่อไปคุณณพฉัตร หรือจะให้เรียก หนึ่ง ดี” ท่านถาม
“หนึ่งดีกว่าครับฟังแล้วสนิทใจดี” ผมตอบ
“ถ้าอย่างนั้นหนึ่งเธอเล่าประวัติและประสบการณ์ชีวิตของเธอให้ฟังหน่อยซิ” ท่านถาม
“ครับท่าน ผมชื่อ นายณพฉัตร เปาชัย บ้านเกิดอยู่ที่ จ.ลำพูน ครับ ผมคิดว่าท่านคงอยากจะฟังอย่างกระชับ..ใช่ไหมครับ...ประมาณ 3 ชั่วโมงนะครับ” ผมล้อท่านเล่น
“จะบ้าเหรออะไรกันตั้ง 3 ชั่วโมง” ผมยิ้มแล้วพูดว่า
“ขอประทานอภัยนะครับท่านผมสังเกตท่านตอนฟังเรื่องของปุ๊แล้วดูมีอาการเศร้าๆผมก็เลยอยากเล่นมุขตลกให้คลายเศร้าบ้างนะครับ..ขอได้โปรดอภัยให้ด้วยนะครับ” แล้วผมก็เริ่มเรื่อง
“พื้นฐานทางครอบครัวของผมกับปุ๊ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากเพียงแต่ว่าผมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ-แม่ บางคนอาจจะคิดว่าลูกคนเดียวคงจะสบายพ่อแม่ตามใจแน่นอนซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ผมบอกก่อนว่าครอบครัวผมไม่ได้ร่ำรวยแค่พอมีพอกิน พ่อผมเป็นช่างพิมพ์ในโรงพิมพ์ในตัวอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน แม่เป็นแม่บ้านและรับจ้างทั่วไปแล้วแต่เขาจะจ้าง ผมเป็นลูกคนเดียวพ่อแม่คงหาเงินส่งเสียการเรียนได้ไม่ลำบากนัก แต่ผมไม่คิดอย่างนั้นพ่อแม่หาเงินได้ ผมก็ต้องทำได้ซิ ตอนอยู่ชั้นประถมมีโรงงานข้าวเกรียบกุ้งมาเปิดภายในหมู่บ้านผมก็ขอสมัครเข้าทำงานแต่ทำช่วงเช้าก่อนจะไปโรงเรียนได้ค่าแรงวันละ 5 บาท แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเงินไปโรงเรียนในวันนั้นแล้วโดยไม่ต้องขอแม่ โตขึ้นหน่อยอยู่มัธยมวันธรรมดาก็ไปเรียน วันหยุดก็รับจ้างทั่วไปแล้วแต่เขาจะจ้าง ตัดหญ้าในสวนบ้าง ปลูกต้นไม้บ้าง ค่าจ้างผมได้วันละ 40 บาท รวมกันวันเสาร์กับวันอาทิตย์ก็ 80 บาท ผมก็พอมีเงินเก็บบางส่วนแม่ก็ให้เอาไว้ใช้ส่วนตัวผมจึงไม่ค่อยได้รบกวนเงินของพ่อกับแม่มากนัก จนผมเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายผมสอบติดโรงเรียนสัตวแพทย์ กรมปศุสัตว์ บางเขนกรุงเทพฯ แล้วมีญาติของเพื่อนผมผู้ใจดีนำผมกับเพื่อนที่สอบติดมาพร้อมกันมาฝากให้เป็นลูกศิษย์ของท่านพระครูสุพินหรือว่าหลวงพ่อสุพิน ที่วัดไผ่ตัน สะพานควาย กรุงเทพฯ ให้ผมกับเพื่อนได้คอยรับใช้หลวงพ่อออกติดตามหลวงพ่อออกบิณฑบาตทุกวัน เป็นลูกศิษย์คอยรับใช้ท่าน ถึงเวลาผมก็ไปเรียนหนังสือ จนผมเรียนจบจากโรงเรียนสัตวแพทย์ อันที่จริงแล้วนักศึกษาที่เรียนจบจากสถาบันแห่งนี้ จะต้องได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่ง สัตวแพทย์ ระดับ 2 สังกัดกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยอัตโนมัติ แต่โชคร้ายในปีที่ผมเรียนจบ กรมปศุสัตว์ไม่มีงบประมาณที่จะรับการบรรจุข้าราชการ เลยต้องให้ไปหาประสบการณ์ทำงานอื่นไปก่อนอีก 4 ปี ถ้าพร้อมจะเรียกมาบรรจุเข้าเป็นข้าราชการพวกผมเสียใจกันมากพ่อแม่ต่างก็คาดหวังอยากให้เราเป็นข้าราชการแต่ก็ผิดหวัง ในกลุ่มเพื่อนๆผมบางคนก็เลือกที่จะกลับไปบ้านนอก บางคนอยู่เผชิญชีวิตในเมืองกรุงต่อ ผมก็เหมือนกันจะอยู่ต่อเพราะกลับไปบ้านก็ไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไร ไร่นาก็ไม่มี ผมก็เลยเที่ยวสมัครงานไปเรื่อยๆ ไว้หลายที่รวมทั้งบริษัทฯนี้ด้วย ตอนแรกผมได้งานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งทำงานในแผนก Packing ก็ทำไปเรื่อยๆพอมีรายได้พอใช้พอกิน แต่เหมือนสวรรค์มาโปรดผม วันหนึ่งมีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของห้างมาตามหาผมให้ไปรับโทรศัพท์สายด่วน ผมแปลกใจมากเพราะเบอร์โทรนี้ผมไม่ได้บอกใครนอกจากหลวงพ่อองค์เดียว ผมตกใจมากกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับหลวงพ่อ พอรับโทรศัพท์เป็นเสียงของหลวงพ่อท่านเอง ท่านบอกผมว่าบริษัท อาหารสัตว์ไทย (มหาชน) จำกัด เรียกตัวผมเข้าทำงานโดยให้ไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยขอนแข่นในอีก 2 วันข้างหน้า หลวงพ่อท่านเป็นห่วงกลัวผมจะพลาดโอกาสจึงรีบโทรมาบอกโดยบอกให้ผมตัดสินใจให้ดีเพราะมันเป็นสายงานวิชาชีพที่เรียนมาและเป็นอนาคตของผมเอง ผมดีใจมากรีบลาออกจากห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นทันที ในวันเดินทางผมกราบลาหลวงพ่อผู้มีพระคุณอย่างสูงในชีวิตเพื่อจะไปเผชิญชะตาชีวิตของตัวเอง และแล้วผมก็มาถึงดินแดนอีสานจนได้ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่เคยรู้จัก ทั้งเรื่องภาษาการพูดคุย ผมใช้ภาษากลางหรือบางทีก็ภาษากายในการสื่อสารมาตลอดทาง จนผมมาถึงม.ขอนแก่นจนได้ แล้วท่านเชื่อไหมครับคนแรกที่ผมเจอตอนมารอสัมภาษณ์งานคือพี่ทศพรได้พูดคุยทำความรู้จักกันตอนอยู่ขอนแก่น จึงทราบว่าพี่ทศพรก็มารายงานตัวในตำแหน่งผู้จัดการเหมือนกัน ยังมีการแซวกันเล่นๆว่าวันหน้าคงได้ร่วมกันนะไอ้น้อง แต่เหมือนชะตากรรมมีจริงผมกับพี่ทศก็ได้มาร่วมงานที่บริษัทฯแห่งนี้กันจริงๆเลยทำให้การทำงานง่ายขึ้นมากและแล้วผมก็มาพบสวยสาวผู้ใจดีคนนี้แหล่ะครับที่เป็นธุระเรื่องที่พักให้ผมโดยที่ผมไม่ต้องออกไปเช่าอยู่ข้างนอก ในด้านการทำงานของผมคิดว่าท่านหญิงคงพอจะทราบมาบ้างแล้วจากพี่ทศพร ต่อไปผมคิดว่าท่านหญิงคงอยากจะรู้แนวคิดและวิธีคิดในการทำงานของผมใช่ไหมครับ ผมจะเริ่มต้นจากพ่อของผม คุณพ่อบุญทวี เปาชัย เป็นช่างพิมพ์ลูกจ้างโรงพิมพ์แห่งหนึ่งในตัวอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน คือตอนเด็กๆช่วงปิดเทอมพ่อผมมักจะพาผมไปช่วยงานที่โรงพิมพ์ที่พ่อทำงานบ่อยๆผมเห็นพ่อทำงานแล้วทึ่ง พ่อเป็นคนละเอียดงานชิ้นไหนออกมาไม่ดีในสายตาของพ่อๆจะไม่ยอมให้ผ่านพ่อจะต้องแก้ไขให้ดีที่สุดจนถึงมือลูกค้า ผมเคยถามพ่อว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ พ่อตอบผมว่าเขาจ้างเรามาทำในสิ่งที่เขาต้องการและต้องให้ดีเราก็ควรจะทำให้ดีที่สุดตามที่ลูกค้าเขาต้องการเพื่อความเชื่อมั่นในสินค้าและชื่อเสียงโรงพิมพ์ของเรา คำพูดของพ่อนี่แหล่ะครับผมจดจำมาจนทุกวันนี้ล่ะครับ อีกอย่างนะครับท่านผมขอเข้าเรื่องเกี่ยวกับสินค้าของเราบ้างครับท่านผมมีความคิดเห็นอยากเสนอหากท่านยินดีจะรับฟัง” ผมถามท่าน
“ลองพูดมาสิฉันยินดีรับฟัง” ท่านตอบ
“ ท่านครับเกี่ยวกับเรื่องการกินอาหารของสัตว์น่ะครับ อาหารของเราถึงแม้จะได้มาตรฐานด้านโภชนาการก็จริง แต่ในการผลิตแต่ละล็อดวัตถุดิบอาจแตกต่างกันไปแล้วแต่ฤดูกาลเพราะฉะนั้นอาจทำให้รสชาติของอาหารแตกต่างกันไป เมื่อสัตว์กินเข้าไปแล้วไม้คุ้นกับรสชาติที่เคยกินก็เลยทำให้กินน้อยลงหรือไม่ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ง่ายทำให้มีลูกค้าบางรายไม่เข้าใจหาว่าอาหารของเราไม่มีคุณภาพ ผมขออนุญาตเสนอวิธีการแก้ไขนะครับ” ผมขออนุญาต
“ หนึ่ง..ว่าไปเลยฉันรอฟังอยู่..เร็วซิ” ท่านเร่ง
“ วิธีการง่ายมากๆเลยครับแค่ให้พนักงานขายของเราคอยติดตามการให้อาหารสัตว์ของลูกค้าของตนเองบ่อยๆ โดยการให้ผสมอาหารจากชุดเก่าและใหม่ในสูตร 3 วันหรือ 5 วัน แล้วแต่กรณีทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนชุดอาหาร สัตวบาลทุกคนรู้วิธีการนี้ดีอยู่แล้วเพียงแต่ให้หมั่นคอยติดตามเท่านั้นล่ะครับแล้วปัญหาจะบรรเทาลงไปได้ อาหารของเราก็ยังจะได้รับการยอมรับอยู่ทั้งนี้ก็สุดแท้แต่พนักงานขายคนนั้นจะขยันแค่ไหนแล้วอีกอย่างครับ ให้ท่านเน้นสัตวบาลส่งเสริมการตลาดทุกคนให้พกกระเป๋ายาสัตว์นำติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่ไปพบลูกค้าซึ่งถ้าเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับสัตว์ของลูกค้า จะได้เข้าทำการแก้ปัญหาได้ในอย่างทันท่วงทีซึ่งตัวผมเองนั้นจะพกกระเป๋ายาสัตว์ทุกครั้งเมื่อเข้าพบกับลูกค้าเพราะฉะนั้นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพสัตว์ในส่วนของลูกค้าที่ผมรับผิดชอบจึงไม่ค่อยมีปัญหามากนัก...ผมก็มีเรื่องเสนอเท่านี้ครับท่าน หากท่านมีเรื่องจะซักถามผมและปุ๊เพิ่มเติมพวกผมยินดีตอบทุกคำถามครับใช่ไหมครับปุ๊”
(มีต่อครับผม)
เด็กเทพวัดไผ่ตัน The Hero From Phaitan Temple ตอนที่ 7
“เชิญนั่ง ทำตัวตามสบายเลยจ๊ะไม่ต้องเกรงใจนะฉันแต่อยากทำความรู้จักกับพวกเธอเป็นการส่วนตัวเท่านั้นเอง ฉันเห็นประวัติการทำงานของเธอทั้ง 2 คนแล้วน่าสนใจมากโดยเฉพาะ คุณณพฉัตร” ท่านหญิงพูดต่อ “เอาอย่างนี้นะคนแรกฉันอยากรู้จักคุณเจนจิราก่อน คุณเจนจิรานามสกุลของคุณคืออะไรนะ” ท่านถามปุ๊
“หนูชื่อ นางสาวเจนจิรา กุดคำ คะท่าน”
“เธอชื่อเล่นว่า ปุ๊ ใช่ไหม” “ใช่คะ” ปุ๊ตอบ “ถ้ายังนั้นฉันจะเรียกเธอว่าปุ๊ก็แล้วกันนะ ปุ๊ เธอลองเล่าประวัติของเธอให้ฉันฟังคล่าวๆซิ ว่าบ้านอยู่ที่ไหน พ่อแม่เป็นใครทำอาชีพอะไร มีพี่น้องกี่คน แล้วเธอเรียนจบจากที่ไหน เข้ามาทำงานในบริษัทฯนี้ได้ยังไง” ท่านหญิงถามยาวเลย ปุ๊ตัวสั่นบีบมือผมแน่นผมหันไปมองพยักหน้าให้ประมาณว่ามั่นใจหน่อยผมอยู่ข้างๆนี่นะ แล้วปุ๊ก็เริ่มเล่า
“หนูเกิดมาในครอบครัวเกษตรกรคะมีอาชีพทำไร่ ทำสวน อยู่หมู่บ้านกุดดงคะ โดยมีพ่อกับแม่เป็นเสาหลัก หนูเป็นพี่สาวคนโค มีน้องสาว 1 คน น้องชายคนเล็กอีก 1 คน หนูและน้องๆก็ช่วยพ่อกับแม่ทำไร่ทำสวน มีที่พึ่งคือพ่อกับแม่ที่ส่งเสียให้หนูและน้องๆได้เรียนหนังสือ ตอนหนูเรียนอยู่วิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธุ์ ปวช.3 แผนกการบัญชี พ่อของหนูก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเลยขาดเสาหลักในครอบครัวจึงทำให้หนูไม่สามารถเรียนต่อได้ต้องออกมาช่วยแม่ทำไร่ทำสวนเพื่อเอาค่าใช้จ่ายส่งน้องๆให้ได้เรียนกันต่อไป อยู่ต่อมาประมาณ 2 ปี บริษัทอาหารสัตว์ไทยฯ เปิดรับสมัครพนักงานทั่วไปหนูก็เลยไปสมัครโชคดีได้งานตำแหน่งเจ้าหน้าที่การบัญชีประจำสาขายางตลาดคะ ซึ่งถือว่าโชคดีมากสำหรับหนูเพราะระยะทางจากสำนักงานถึงบ้านห่างกันแค่ 5 กิโลเมตรเองคะ หนูดีใจมากที่ได้ทำงานใกล้บ้านหนูพยายามตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่บางครั้งกว่าจะสรุปงานเสร็จก็ค่ำมืดปัญหามันก็คือระหว่างทางกลับบ้านกุดดงค่อนข้างเปลี่ยวเวลากลับตอนมืดๆหนูก็กลัวอันตรายคะ หนูก็เลยขออนุญาตผู้จัดการใหญ่ว่าถ้าหากวันไหนหนูเสร็จงานดึกจะขอพักที่สำนักงานได้ไหม ผู้จัดการใหญ่อนุญาตให้พักได้คะหนูดีใจมาก ตั้งใจทำงานให้ดีพยายามพัฒนาตัวเองมาตลอดเพื่อเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆจนหนูเริ่มรู้งานและชำนาญมากขึ้นจึงได้รับผิดชอบเกี่ยวกับงานด้านเอกสารทั้งหมดในสาขายางตลาดคะ” ปุ๊ตอบอย่างมั่นใจ ท่านหญิงจึงถามต่อ
“แล้วเธอมีปัญหาอะไรคับข้องใจบ้างไหมในที่ทำงาน”
“ก็มีอยู่คะคือว่าเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวหนูเอง เพราะตั้งแต่หนูได้รับอนุญาตให้พักที่สาขาได้ตอนแรกหนูก็ดีใจนะคะที่ไม่ต้องขี่รถกลับบ้านตอนค่ำมืดเพราะทางกลับของหนูค่อนข้างเปลี่ยวหนูกลัวอันตราย แต่แล้วหนูก็ต้องมากลัวอีกก็คือวันไหนถ้าผู้จัดการใหญ่รู้ว่าหนูพักอยู่ที่สำนักงานคนเดียวท่านจะมาหาอ้างว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ท่านพยายามพูดจาแทะโลมเกี้ยวภาราสีหนูตลอดเวลาบางครั้งก็พยายามหนูชวนออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยบ้างอ้างว่าไปเปิดหูเปิดตาแต่หนูไม่ยอมไปด้วยเพราะหนูกลัวคะ หนูเคยชวนพวกพี่ๆส่งเสริมการตลาดมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยก็ไม่มีใครยอมมาอ้างภาระทางครอบครัว จริงๆหนูก็ไม่อยากกลับค่ำๆมืดๆหรอกนะคะแต่สรุปงานประจำวันไม่เสร็จก็ต้องเลยตามเลยต้องนอนที่สำนักงาน หนูกังวลทุกครั้งเลยที่หนูต้องนอนเฝ้าสำนักงานคนเดียวกลัวว่าผู้จัดการใหญ่จะโผล่มาตอนไหนหนูกลัวมากคะ จนมี หนึ่ง ณพฉัตร คนนี้แหล่ะคะได้เข้ามาขออยู่ด้วยหนูถึงได้วางใจว่าหนูจะต้องปลอดภัยแน่ๆ เขาเป็นคนขรึมๆ ทึ่มๆ บ๊องๆ และซื่อๆ และเป็นสุภาพบุรุษมากไม่เคยล่วงเกินหนูเลยแม้แต่น้อยทั้งกายและวาจา อาจจะมีแซวกันเล่นเล็กน้อย หยอกล้อกันบ้าง แต่หนึ่งไม่เคยล่วงเกินหนูเลยแม้แต่ครั้งเดียว หนูไว้ใจเขามากคะ หนึ่งเล่นกีตาร์เก่งและร้องเพลงเพราะมาก บางทีหนึ่งก็มีมุขตลกๆให้ได้ขำตลอด ถ้ามีหนึ่งอยู่หนูรู้สึกปลอดภัยมากคะ แต่ถ้าหนึ่งย้ายไปหนูคงต้องตกอยู่ในความหวาดระแวงแบบนั้นอีกต่อไปละคะ” ผมได้ยินปุ๊พูดแล้วผมอึ้งจริงๆเธอกล้าพูดต่อหน้าเจ้านายแบบไม่กลัวมีภัยเลยสักนิดสุดยอดจริงๆแฟนเรา
“ของปุ๊หมดแล้วนะ ต่อไปคุณณพฉัตร หรือจะให้เรียก หนึ่ง ดี” ท่านถาม
“หนึ่งดีกว่าครับฟังแล้วสนิทใจดี” ผมตอบ
“ถ้าอย่างนั้นหนึ่งเธอเล่าประวัติและประสบการณ์ชีวิตของเธอให้ฟังหน่อยซิ” ท่านถาม
“ครับท่าน ผมชื่อ นายณพฉัตร เปาชัย บ้านเกิดอยู่ที่ จ.ลำพูน ครับ ผมคิดว่าท่านคงอยากจะฟังอย่างกระชับ..ใช่ไหมครับ...ประมาณ 3 ชั่วโมงนะครับ” ผมล้อท่านเล่น
“จะบ้าเหรออะไรกันตั้ง 3 ชั่วโมง” ผมยิ้มแล้วพูดว่า
“ขอประทานอภัยนะครับท่านผมสังเกตท่านตอนฟังเรื่องของปุ๊แล้วดูมีอาการเศร้าๆผมก็เลยอยากเล่นมุขตลกให้คลายเศร้าบ้างนะครับ..ขอได้โปรดอภัยให้ด้วยนะครับ” แล้วผมก็เริ่มเรื่อง
“พื้นฐานทางครอบครัวของผมกับปุ๊ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากเพียงแต่ว่าผมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ-แม่ บางคนอาจจะคิดว่าลูกคนเดียวคงจะสบายพ่อแม่ตามใจแน่นอนซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ผมบอกก่อนว่าครอบครัวผมไม่ได้ร่ำรวยแค่พอมีพอกิน พ่อผมเป็นช่างพิมพ์ในโรงพิมพ์ในตัวอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน แม่เป็นแม่บ้านและรับจ้างทั่วไปแล้วแต่เขาจะจ้าง ผมเป็นลูกคนเดียวพ่อแม่คงหาเงินส่งเสียการเรียนได้ไม่ลำบากนัก แต่ผมไม่คิดอย่างนั้นพ่อแม่หาเงินได้ ผมก็ต้องทำได้ซิ ตอนอยู่ชั้นประถมมีโรงงานข้าวเกรียบกุ้งมาเปิดภายในหมู่บ้านผมก็ขอสมัครเข้าทำงานแต่ทำช่วงเช้าก่อนจะไปโรงเรียนได้ค่าแรงวันละ 5 บาท แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเงินไปโรงเรียนในวันนั้นแล้วโดยไม่ต้องขอแม่ โตขึ้นหน่อยอยู่มัธยมวันธรรมดาก็ไปเรียน วันหยุดก็รับจ้างทั่วไปแล้วแต่เขาจะจ้าง ตัดหญ้าในสวนบ้าง ปลูกต้นไม้บ้าง ค่าจ้างผมได้วันละ 40 บาท รวมกันวันเสาร์กับวันอาทิตย์ก็ 80 บาท ผมก็พอมีเงินเก็บบางส่วนแม่ก็ให้เอาไว้ใช้ส่วนตัวผมจึงไม่ค่อยได้รบกวนเงินของพ่อกับแม่มากนัก จนผมเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายผมสอบติดโรงเรียนสัตวแพทย์ กรมปศุสัตว์ บางเขนกรุงเทพฯ แล้วมีญาติของเพื่อนผมผู้ใจดีนำผมกับเพื่อนที่สอบติดมาพร้อมกันมาฝากให้เป็นลูกศิษย์ของท่านพระครูสุพินหรือว่าหลวงพ่อสุพิน ที่วัดไผ่ตัน สะพานควาย กรุงเทพฯ ให้ผมกับเพื่อนได้คอยรับใช้หลวงพ่อออกติดตามหลวงพ่อออกบิณฑบาตทุกวัน เป็นลูกศิษย์คอยรับใช้ท่าน ถึงเวลาผมก็ไปเรียนหนังสือ จนผมเรียนจบจากโรงเรียนสัตวแพทย์ อันที่จริงแล้วนักศึกษาที่เรียนจบจากสถาบันแห่งนี้ จะต้องได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่ง สัตวแพทย์ ระดับ 2 สังกัดกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยอัตโนมัติ แต่โชคร้ายในปีที่ผมเรียนจบ กรมปศุสัตว์ไม่มีงบประมาณที่จะรับการบรรจุข้าราชการ เลยต้องให้ไปหาประสบการณ์ทำงานอื่นไปก่อนอีก 4 ปี ถ้าพร้อมจะเรียกมาบรรจุเข้าเป็นข้าราชการพวกผมเสียใจกันมากพ่อแม่ต่างก็คาดหวังอยากให้เราเป็นข้าราชการแต่ก็ผิดหวัง ในกลุ่มเพื่อนๆผมบางคนก็เลือกที่จะกลับไปบ้านนอก บางคนอยู่เผชิญชีวิตในเมืองกรุงต่อ ผมก็เหมือนกันจะอยู่ต่อเพราะกลับไปบ้านก็ไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไร ไร่นาก็ไม่มี ผมก็เลยเที่ยวสมัครงานไปเรื่อยๆ ไว้หลายที่รวมทั้งบริษัทฯนี้ด้วย ตอนแรกผมได้งานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งทำงานในแผนก Packing ก็ทำไปเรื่อยๆพอมีรายได้พอใช้พอกิน แต่เหมือนสวรรค์มาโปรดผม วันหนึ่งมีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของห้างมาตามหาผมให้ไปรับโทรศัพท์สายด่วน ผมแปลกใจมากเพราะเบอร์โทรนี้ผมไม่ได้บอกใครนอกจากหลวงพ่อองค์เดียว ผมตกใจมากกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับหลวงพ่อ พอรับโทรศัพท์เป็นเสียงของหลวงพ่อท่านเอง ท่านบอกผมว่าบริษัท อาหารสัตว์ไทย (มหาชน) จำกัด เรียกตัวผมเข้าทำงานโดยให้ไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยขอนแข่นในอีก 2 วันข้างหน้า หลวงพ่อท่านเป็นห่วงกลัวผมจะพลาดโอกาสจึงรีบโทรมาบอกโดยบอกให้ผมตัดสินใจให้ดีเพราะมันเป็นสายงานวิชาชีพที่เรียนมาและเป็นอนาคตของผมเอง ผมดีใจมากรีบลาออกจากห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นทันที ในวันเดินทางผมกราบลาหลวงพ่อผู้มีพระคุณอย่างสูงในชีวิตเพื่อจะไปเผชิญชะตาชีวิตของตัวเอง และแล้วผมก็มาถึงดินแดนอีสานจนได้ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่เคยรู้จัก ทั้งเรื่องภาษาการพูดคุย ผมใช้ภาษากลางหรือบางทีก็ภาษากายในการสื่อสารมาตลอดทาง จนผมมาถึงม.ขอนแก่นจนได้ แล้วท่านเชื่อไหมครับคนแรกที่ผมเจอตอนมารอสัมภาษณ์งานคือพี่ทศพรได้พูดคุยทำความรู้จักกันตอนอยู่ขอนแก่น จึงทราบว่าพี่ทศพรก็มารายงานตัวในตำแหน่งผู้จัดการเหมือนกัน ยังมีการแซวกันเล่นๆว่าวันหน้าคงได้ร่วมกันนะไอ้น้อง แต่เหมือนชะตากรรมมีจริงผมกับพี่ทศก็ได้มาร่วมงานที่บริษัทฯแห่งนี้กันจริงๆเลยทำให้การทำงานง่ายขึ้นมากและแล้วผมก็มาพบสวยสาวผู้ใจดีคนนี้แหล่ะครับที่เป็นธุระเรื่องที่พักให้ผมโดยที่ผมไม่ต้องออกไปเช่าอยู่ข้างนอก ในด้านการทำงานของผมคิดว่าท่านหญิงคงพอจะทราบมาบ้างแล้วจากพี่ทศพร ต่อไปผมคิดว่าท่านหญิงคงอยากจะรู้แนวคิดและวิธีคิดในการทำงานของผมใช่ไหมครับ ผมจะเริ่มต้นจากพ่อของผม คุณพ่อบุญทวี เปาชัย เป็นช่างพิมพ์ลูกจ้างโรงพิมพ์แห่งหนึ่งในตัวอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน คือตอนเด็กๆช่วงปิดเทอมพ่อผมมักจะพาผมไปช่วยงานที่โรงพิมพ์ที่พ่อทำงานบ่อยๆผมเห็นพ่อทำงานแล้วทึ่ง พ่อเป็นคนละเอียดงานชิ้นไหนออกมาไม่ดีในสายตาของพ่อๆจะไม่ยอมให้ผ่านพ่อจะต้องแก้ไขให้ดีที่สุดจนถึงมือลูกค้า ผมเคยถามพ่อว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ พ่อตอบผมว่าเขาจ้างเรามาทำในสิ่งที่เขาต้องการและต้องให้ดีเราก็ควรจะทำให้ดีที่สุดตามที่ลูกค้าเขาต้องการเพื่อความเชื่อมั่นในสินค้าและชื่อเสียงโรงพิมพ์ของเรา คำพูดของพ่อนี่แหล่ะครับผมจดจำมาจนทุกวันนี้ล่ะครับ อีกอย่างนะครับท่านผมขอเข้าเรื่องเกี่ยวกับสินค้าของเราบ้างครับท่านผมมีความคิดเห็นอยากเสนอหากท่านยินดีจะรับฟัง” ผมถามท่าน
“ลองพูดมาสิฉันยินดีรับฟัง” ท่านตอบ
“ ท่านครับเกี่ยวกับเรื่องการกินอาหารของสัตว์น่ะครับ อาหารของเราถึงแม้จะได้มาตรฐานด้านโภชนาการก็จริง แต่ในการผลิตแต่ละล็อดวัตถุดิบอาจแตกต่างกันไปแล้วแต่ฤดูกาลเพราะฉะนั้นอาจทำให้รสชาติของอาหารแตกต่างกันไป เมื่อสัตว์กินเข้าไปแล้วไม้คุ้นกับรสชาติที่เคยกินก็เลยทำให้กินน้อยลงหรือไม่ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ง่ายทำให้มีลูกค้าบางรายไม่เข้าใจหาว่าอาหารของเราไม่มีคุณภาพ ผมขออนุญาตเสนอวิธีการแก้ไขนะครับ” ผมขออนุญาต
“ หนึ่ง..ว่าไปเลยฉันรอฟังอยู่..เร็วซิ” ท่านเร่ง
“ วิธีการง่ายมากๆเลยครับแค่ให้พนักงานขายของเราคอยติดตามการให้อาหารสัตว์ของลูกค้าของตนเองบ่อยๆ โดยการให้ผสมอาหารจากชุดเก่าและใหม่ในสูตร 3 วันหรือ 5 วัน แล้วแต่กรณีทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนชุดอาหาร สัตวบาลทุกคนรู้วิธีการนี้ดีอยู่แล้วเพียงแต่ให้หมั่นคอยติดตามเท่านั้นล่ะครับแล้วปัญหาจะบรรเทาลงไปได้ อาหารของเราก็ยังจะได้รับการยอมรับอยู่ทั้งนี้ก็สุดแท้แต่พนักงานขายคนนั้นจะขยันแค่ไหนแล้วอีกอย่างครับ ให้ท่านเน้นสัตวบาลส่งเสริมการตลาดทุกคนให้พกกระเป๋ายาสัตว์นำติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่ไปพบลูกค้าซึ่งถ้าเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับสัตว์ของลูกค้า จะได้เข้าทำการแก้ปัญหาได้ในอย่างทันท่วงทีซึ่งตัวผมเองนั้นจะพกกระเป๋ายาสัตว์ทุกครั้งเมื่อเข้าพบกับลูกค้าเพราะฉะนั้นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพสัตว์ในส่วนของลูกค้าที่ผมรับผิดชอบจึงไม่ค่อยมีปัญหามากนัก...ผมก็มีเรื่องเสนอเท่านี้ครับท่าน หากท่านมีเรื่องจะซักถามผมและปุ๊เพิ่มเติมพวกผมยินดีตอบทุกคำถามครับใช่ไหมครับปุ๊”
(มีต่อครับผม)