การเป็น "พุทธศาสนิกชนจะต้องมีวินัย" ความเข้าใจผิดของพุทธศาสนิกชนส่วนมาก เข้าใจผิดประโยคที่ว่า "ศาสนาพุทธให้เสรีภาพในการนับ
ถือพุทธศาสนา" โดยเข้าใจว่า พุทธศาสนิกชนไม่จำเป็นที่จะค้องรักษาศีล 5 หรือจะเลือกถือศีล ข้อใดเมื่อใดก็ได้ โดยไม่มีการบังคับ และเรื่อง
อบายมุขนั้นมันเป็นเสรีภาพ ใครจะกระทำหรือไม่ทำก็ได้ ไม่มีใครบังคับ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ พุทธศาสนิกชนมีเสรีภาพ ในการดำเนินชีวิต คนแต่ละ
คนเป็นผู้กำหนดวิถีของตนเอง”
ซึ่งความจริง เสรีภาพในการนับถือพุทธศาสนานั้นหมายถึงเสรีภาพในการที่ จะนับถือหรือเลิกนับถือศาสนาพุทธเมื่อใดก็ได้ ไม่มีการบังคับซึ่งสอด
คล้องกับหลักประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนไม่มีการถูกลงโทษไม่ว่าจะบนโลกนี้หรือโลกแห่งจิตวิญญาณ
แต่ไม่ได้หมายถึงหลักคำสอนแห่ง
ศาสนาของค์สัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พุทธศาสนิกชน จะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จะเรียกว่า พุทธศาสนิกชนได้อย่างไร?
ความดีงามของพุทธศาสนาคือ เป็นศาสนาที่สอนสัจธรรมช่วยให้คนพ้นทุกข์ทางใจ มี “เสรีภาพด้านใน” (ทางด้านจิตวิญญาณ)
ความหมายของ "วินัย" หมายถึง ระเบียบ กฎเกณฑ์ข้อบังคับสำหรับควบคุมความประพฤติทางกายของคนในสังคมให้เรียบร้อยดีงาม เป็นแบบแผน
อันหนึ่งอันเดียวกัน สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ 
เมื่อคนปฏิบัติตามวินัย จนเกิดเป็นคุณสมบัติของเขาขึ้นมา คุณสมบัติที่เกิดขึ้นในตัวบุคคลนั้นเรียกว่า ศีล,ฉะนั้น ผู้มีศีล คือผู้ที่ตั้งอยู่ในวินัย การตั้ง
อยู่ในวินัย หรือที่ชอบเรียกในปัจจุบันว่า ความมีวินัยนี้ เรียกว่า ศีล เวลานี้เราใช้คำว่าศีลในความหมายแคบมาก ก็เลยต้องใช้คำว่าความมีวินัย ที่จริง
ความมีวินัยนั่นแหละ คือความหมายของคำว่าศีล
พุทธสมาชิกจะต้องมีวินัยซึ่งเป็นระเบียบแบบแผน ในการนับถือพุทธศาสนา ถ้าไม่มี "วินัย" หรือ "ธรรมวินัย" แล้วจะไม่เรียกบุคคลผู้นั้นว่า “เป็นผู้
ที่นับถือศาสนาพุทธ” เป็นบุคคลที่ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม, ความสำคัญของวินัย อยู่ที่การฝึกคนให้มีศีล ศีลนั้นมีความสำคัญมาก เมื่อคนตั้ง
อยู่ในวินัยอย่างที่เรียกกันว่าเป็นคนมีวินัยแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในสิ่งที่เรียกว่า แสงเงินแสงทองของชีวิตที่ดี
งาม ซึ่งมี ๗ ประการด้วยกัน ความมีวินัยหรือศีลนี้เป็นรุ่งอรุณของการศึกษา หรือแสงเงินแสงทองนั้นอย่างหนึ่ง
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อพระอาทิตย์จะอุทัย ย่อมมีแสงเงินแสงทองขึ้นมาก่อน ฉันใด ชีวิตที่ดีงามจะเกิดขึ้น โดยมีความถึงพร้อมด้วยศีลหรือความ
มีวินัยนี้เป็นสิ่งบ่งบอกเบื้องแรกด้วย ฉันนั้น ถ้าคนตั้งอยู่ในวินัยมีศีลแล้ว ก็มั่นใจได้ว่าชีวิตที่ดีงามจะเกิดขึ้น เท่ากับว่าพระพุทธเจ้าตรัสให้คำรับรอง
ไว้ว่าศีลหรือความมีวินัยเป็นรุ่งอรุณของการศึกษา เป็นสัญญาณว่ามนุษย์จะมีการพัฒนาและมีชีวิตที่ดีงามต่อไป
เมื่อคนปฏิบัติตามวินัย จนเกิดเป็นคุณสมบัติของเขาขึ้นมา คุณสมบัติที่เกิดขึ้นในตัวบุคคลนั้นเรียกว่า ศีล
ฉะนั้น ผู้มีศีล คือผู้ที่ตั้งอยู่ในวินัย การตั้งอยู่ในวินัย หรือที่ชอบเรียกในปัจจุบันว่า ความมีวินัยนี้ เรียกว่า ศีล เวลานี้เราใช้คำว่าศีลในความ
หมายแคบมาก ก็เลยต้องใช้คำว่าความมีวินัย ที่จริงความมีวินัยนั่นแหละ คือความหมายของคำว่าศีล
1. ศีล มีความสำคัญต่อการควบคุมกาย วาจา และใจของคนให้เรียบร้อย สงบร่มเย็น และเป็นสุข
2. ศีล มีความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม หากคนในสังคม กลุ่มคนขาดศีลสังคมกลุ่มคนนั้นๆ ก็ไม่น่าอยู่ จะมีปัญหามากมายตามมา
3. ศีล เป็นระบบการควบคุมและขัดเกลาพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต มีผลต่อกิจกรรม พิธีกรรม พฤติกรรม ความเป็นไปของผู้คนในสังคม
4. ศีล เป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นหัวใจสำคัญต่อการประพฤติปฏิบัติชอบของชาวพุทธตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะศีล คือ สิ่งที่จะ
ต้องมาก่อนมาอันดับแรกในการศึกษาและปฏิบัติธรรมในศาสนาพุทธ คือ เริ่มจาก ศีล สมาธิ ปัญหา ถ้าไม่มีศีลก็จะไม่มีสมาธิและจะเกิดปัญญา
ไม่ได้
5. ศีล มีความสำคัญต่อความเป็นมนุษย์ของคน คนกับมนุษย์จะมีความเหมือนกันเพียงร่างกายแต่จะแตกต่างกันที่มีศีล คนถ้าไม่มีศีล
ก็จะไม่แตกต่างจากสัตว์ทั่วๆไป อาจร้ายกว่าสัตว์ด้วยซ้ำ ศีลจะทำคนให้เป็นมนุษย์ได้ เพราะจะเป็นมนุษย์ได้จะต้องเป็นคนมีศีล ควบ
คุมกำกับจิตใจตลอดเวลา หลักมนุษยธรรมอันทำให้คนเป็นมนุษย์ก็คือ ศีลนั่นเอง
ศีล 5 ก็คือข้อบังคับ หรือ วินัย ที่เรียกว่า สิกขาบท ๕ สำหรับพุทธศาสนิกชน ให้ปฏิบัติเป็นประจำในชีวิตประจำวัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ผู้
ที่รับนับถือพุทธศาสนา หรือพุทธศาสนิกชนนั้น จะต้องอนู่ภายใต้ วินัย หรือข้อบังคับ 5 ประการ สำหรับฆารวาส จะเลือกปฏิบัตศีลข้อ
หนึ่งข้อใดตามใจชอบไม่ได้ ถ้าพุทธศาสนิกชนผู้ใดไม่รักษาศีลของ ฆารวาส ก็ถือว่าไม่ใช่พุทธศาสนิกชน
การประพฤติปฏิบัติตามศีล 5 เห็นได้ว่า ศีล 5 นั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยสามารถแบ่งการประพฤติปฏิบัติได้เป็น 5 ข้อที่สามารถ
จำแนกความเป็นมนุษย์และสัตว์ได้อย่างชัดเจนได้ดังต่อไปนี้
ข้อที่ 1 งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
ข้อที่ 2 งดเว้นจากการลักขโมย
ข้อที่ 3 งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
ข้อที่ 4 งดเว้นจากการพูดเท็จ พูดคำหยาบ คำส่อเสียด เพ้อเจ้อ
ข้อที่ 5 งดเว้นจากการดื่มสุรา
จากเหตุผลที่กล่าวมานี้ ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ หรือผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็น "พุทธศาสนิกชน" นั้นอยู่ภายใต้ ข้อบังคับที่เรียกว่า "ธรรมวินัย" ของพุทธ
ศาสนา จะเลือกถือศีลข้อหนึ่งข้อใด หรือไม่ถือเลย ตามใจชอบไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จากบทความ;
https://www.payutto.net/book-content/วินัยกับศีล/
https://thaihealthlife.com/ศีล5/
https://www.sanook.com/horoscope/98197/
พุทธศาสนาสอนให้พุทธบริษัทใช้ปัญญา นั้นก็คือเมื่อรู้หลักธรรมแล้วให้นำหลักธรรมนั้นมาประยุกต์ใช้ในสังคมไทย สังคมพุทธศาสนา ท่านพุทธบริษัท ชาวไทยทั้งหลายท่านสามารถที่จะทำให้สังคมไทยอันเป็นที่รักของชาวไทยทุกๆคน ปราศจากอบายมุข เป็นสังคมที่สอาดเช่นบางประเทศ สังคมที่ไม่มีอบายมุขที่ยั่วยุกิเลสได้ โดยการนำ เป็ญจศีลมาประยุกต์ใช้ในสังคมไทยประยุคใช้ ในสังคมไทยเรา
ยังมีชาวพุทธจำนวนมากที่เข้าใจผิดกับเรื่องเสรีภาพในการนับถือศาสนา:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=25&siri=29
[๒๗๖] เธอทั้งหลายควรทำ "ความเพียร
เอง" เถิด
ตถาคตเป็นเพียงผู้ชี้บอกเท่านั้น
ผู้บำเพ็ญภาวนา ดำเนินตามทางนี้แล้ว เพ่งพินิจอยู่
จักพ้นจากเครื่องผูกแห่งมารได้
"ความเพียรพยายามรักษาความดีทั้งปวงให้ เป็นพื้นฐานในความประพฤติปฏิบัติทุกอย่าง คือการฝึกให้มีวินัยประจําตัวนั่นเอง
นั้นก็คือ
"ความเพียรพยายาม ก็คือการฝึกให้มีวินัยประจําตัวนั่นเอง"
จะเห็นได้ว่าพุทธศาสนาสอนให้พุทธศาสนิกชนต้อง
ถือศาสนาอย่างมีวินัย ตามหลักธรรมที่พระอง์ทรงกำหนดไว้ ถ้าเขาผู้นั้นเรียกตัวเองว่า "พุทธศาสนิกชน" ถ้านับถือพุทธศาสนาแล้วไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมของพุทธศาสนา แล้วจะเรียกว่าเป็นพุทธบริษัทได้อย่างไร?
แต่เสรีภาพในการถือศาสนา ของพระพุทธองค์ ไม่ใช่หมายความว่า "คุณจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจเอง" ไม่มีบทลงโทษ
จากศาสดา ไม่มีบทบังคับว่าคุณต้องทำ ถ้าคุณเลือกปฏิบัติคุณก็ไม่ใช่พุทธศาสนิกชนตามคำปฏิญาณ
ในเรื่องการที่ไม่มีบทลงโทษจากศาสดานั้น ทุกๆศาสนา "
ศาสดาไม่อาจจะลงโทษผู้ใดได้เนื่องจากศาสดาเป็นเพียงสื่อเท่านั้น" ส่วนโทษทางจิตวิญญาณ
นั้นเป็นการลงโทษของโลกแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งแต่ละศาสนาก็มีการกำหนดไว้เช่นกัน ทางพุทธศาสนาถ้าผู้ใดไม่ปฏิบัติตามศีลฝ่าฝืนเบ็ญจศีลก็อาจ
จะได้รับโทษตามหลักความเชื่อของพุทธศาสนา
การที่สังคมไทยเราอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยอบายมุข ทั่วทุกหัวระแหง มีการทุจริตคอรัปชั่นตั้งแต่ระดับสูงลงมาถึงระดับรากหญ้า กระบวนยุติธรรมถูก ทำลายอย่างที่ไม่ม่ีความละอาย นักโทษติดสินบน หรือมีอิทธิพลก็ไม่ต้องติดคุก นักการเมืองตระบัดสัตย์ หลอกลวงประชาชน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ประชา ชนชาวไทยในสังคมพุทธศาสนา มีความรู้หลักการทางพุทธศาสนาอย่างมากมาย แต่ไม่รู้จัการประยุกต์ใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ซึ่งไม่ต่างจาก "พระโปฐิละผู้แบกคัมภีร์เปล่า" มีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พุทธศาสนิกชนจต้องใช้ปัญญาในการประยุกต์หลักธรรมเพื่อสร้างสังคมไทยให้ใสสะอาด
เราประชาชนชาวไทยคงจะเคยได้เห็นสังคมของประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอย่างมีวินัย อย่างเคร่งครัดตามหลักคำสอนของศาสนาของ เขา ซึ่งในสังคมนั้นจะไม่มีสิ่งที่เป็นอบายมุข คดีอาชญากรรมน้อยมากหรือแทบไม่มีเลยทีเดียว มีการอนุญาตให้ฆ่าสัตว์บางชนิดได้เฉพาะที่เป็นอาหารเท่า นั้น ไม่มีซ่องหรือสถานที่บริการทางเพศทุกๆประเภท, ไม่มีสถานที่ผลิตเครื่องดองของเมา ไม่มีโรงงานกลั่นสุรา, มีกฏหมายลงโทษการขายหรือเสพย์สารเสพติดอย่างรุนแรงที่สุด มีการลงโทษที่รุนแรงในคดีลักทรัพย์และการประพฤติผิดทางเพศ
ในสังคมดังกล่าวนี้ สำหรับประชาชนชาวไทยเราที่ส่วนมากปล่อยชีวิตไปตามกิเลส ถือศาสนาโดยการขาดวินัยแล้ว เขาจะรู้สึกอึกอัดและคับแค้นใจ และไม่ต้องการที่จะดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมเช่นนั้น แต่การที่ประชาชนของประเทศดังกล่าวอยู่ในสังคมเช่นนั้นอย่างมีความสุข ก็เนื่องจากเขาเหล่านั้นนับถือศาสนาประจำสังคมของเขาอย่างมีวินัยนั้นเอง
สังคมไทยเราก็สามารถที่จะมีความสุขและดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุขได้ โดยปราศจากอบายมุขทุกๆชนิดในสังคมของเรา เพราะว่าชาวไทยส่วนใหญ่ 93-95% ของประเทศนับถือพุทธศาสนา ศาสนาที่สอนให้พุทธบริษัทนับถือศาสนาอย่างมีเหตุผลและอย่างมีเสรีภาพ ส่วนมากประชาชนชาวไทยไม่เข้าใจว่า เสรีภาพในศาสนานั้นหมายถึงอะไร? ส่วนมากเข้าใจว่าเมื่อปฏิญาณตนเป็นพุทธบริษัทแล้ว จะถือและไม่ถือศีลข้อใดก็ได้เป็นเสรีภาพของพุทธศาสนิกชน ซึ่งความเข้าใจเช่นนี้ผิดถนัด เพราะเมื่อใดก็ามถ้าเขาไม่ถือปฏิบัติหลักธรรมพื้นฐานของพุทธศาสนาแล้วเขาก็ไม่ใช่พุทธบริษัทตามที่เขาปฏิญาณตนไว้
การประยุกต์ใช้ศีล 5 เพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทย
การดำเนินชีวิตประจำวันของคนไทยน้ั้น ควรตั้งกฎเกณฑ์ หรือระเบียบข้อบังคับให้กับตนเองนั้นก็คือการใช้ชีวิตอย่างมีวินัยในการปฏิบัติธรรมศีล 5 เพื่อให้การครองชีวิตอยู่อย่างประเสริฐทั้งทางกาย วาจา และใจ ศีล 5 ซ่ึงเป็นหลักธรรมพื้นฐานในพุทธศาสนาที่ประชาชนชาวไทย ควรใช้เป็นหลักประจำใจในการดำเนินชีวิต ในสังคมไทยได้อย่างมีความสุข การใช้หลักศีล 5 เป็นแนวทางในการดำเนิรนชีวิต จะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้
หากได้ประยุกต์ ศีลเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างใช้สติปัญญา ย่อมเกิดประโยชน์ต่อการ ดำรงชีพ เช่น จะไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่มีความอยากได้ส่ิ่งของคนอ่ื่น ไม่นอกใจคู่ครองของตนเอง ไม่โกหก และไม่เสพส่ิ่งท่ีทำให้ขาดสติ
อย่าเป็น "ผู้แบกคัมภีร์เปล่า"
ถือพุทธศาสนา" โดยเข้าใจว่า พุทธศาสนิกชนไม่จำเป็นที่จะค้องรักษาศีล 5 หรือจะเลือกถือศีล ข้อใดเมื่อใดก็ได้ โดยไม่มีการบังคับ และเรื่อง
อบายมุขนั้นมันเป็นเสรีภาพ ใครจะกระทำหรือไม่ทำก็ได้ ไม่มีใครบังคับ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ พุทธศาสนิกชนมีเสรีภาพ ในการดำเนินชีวิต คนแต่ละ
คนเป็นผู้กำหนดวิถีของตนเอง”
ซึ่งความจริง เสรีภาพในการนับถือพุทธศาสนานั้นหมายถึงเสรีภาพในการที่ จะนับถือหรือเลิกนับถือศาสนาพุทธเมื่อใดก็ได้ ไม่มีการบังคับซึ่งสอด
คล้องกับหลักประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนไม่มีการถูกลงโทษไม่ว่าจะบนโลกนี้หรือโลกแห่งจิตวิญญาณ แต่ไม่ได้หมายถึงหลักคำสอนแห่ง
ศาสนาของค์สัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พุทธศาสนิกชน จะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จะเรียกว่า พุทธศาสนิกชนได้อย่างไร?
ความดีงามของพุทธศาสนาคือ เป็นศาสนาที่สอนสัจธรรมช่วยให้คนพ้นทุกข์ทางใจ มี “เสรีภาพด้านใน” (ทางด้านจิตวิญญาณ)
ความหมายของ "วินัย" หมายถึง ระเบียบ กฎเกณฑ์ข้อบังคับสำหรับควบคุมความประพฤติทางกายของคนในสังคมให้เรียบร้อยดีงาม เป็นแบบแผน
อันหนึ่งอันเดียวกัน สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อคนปฏิบัติตามวินัย จนเกิดเป็นคุณสมบัติของเขาขึ้นมา คุณสมบัติที่เกิดขึ้นในตัวบุคคลนั้นเรียกว่า ศีล,ฉะนั้น ผู้มีศีล คือผู้ที่ตั้งอยู่ในวินัย การตั้ง
อยู่ในวินัย หรือที่ชอบเรียกในปัจจุบันว่า ความมีวินัยนี้ เรียกว่า ศีล เวลานี้เราใช้คำว่าศีลในความหมายแคบมาก ก็เลยต้องใช้คำว่าความมีวินัย ที่จริง
ความมีวินัยนั่นแหละ คือความหมายของคำว่าศีล
พุทธสมาชิกจะต้องมีวินัยซึ่งเป็นระเบียบแบบแผน ในการนับถือพุทธศาสนา ถ้าไม่มี "วินัย" หรือ "ธรรมวินัย" แล้วจะไม่เรียกบุคคลผู้นั้นว่า “เป็นผู้
ที่นับถือศาสนาพุทธ” เป็นบุคคลที่ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม, ความสำคัญของวินัย อยู่ที่การฝึกคนให้มีศีล ศีลนั้นมีความสำคัญมาก เมื่อคนตั้ง
อยู่ในวินัยอย่างที่เรียกกันว่าเป็นคนมีวินัยแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในสิ่งที่เรียกว่า แสงเงินแสงทองของชีวิตที่ดี
งาม ซึ่งมี ๗ ประการด้วยกัน ความมีวินัยหรือศีลนี้เป็นรุ่งอรุณของการศึกษา หรือแสงเงินแสงทองนั้นอย่างหนึ่ง
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อพระอาทิตย์จะอุทัย ย่อมมีแสงเงินแสงทองขึ้นมาก่อน ฉันใด ชีวิตที่ดีงามจะเกิดขึ้น โดยมีความถึงพร้อมด้วยศีลหรือความ
มีวินัยนี้เป็นสิ่งบ่งบอกเบื้องแรกด้วย ฉันนั้น ถ้าคนตั้งอยู่ในวินัยมีศีลแล้ว ก็มั่นใจได้ว่าชีวิตที่ดีงามจะเกิดขึ้น เท่ากับว่าพระพุทธเจ้าตรัสให้คำรับรอง
ไว้ว่าศีลหรือความมีวินัยเป็นรุ่งอรุณของการศึกษา เป็นสัญญาณว่ามนุษย์จะมีการพัฒนาและมีชีวิตที่ดีงามต่อไป
เมื่อคนปฏิบัติตามวินัย จนเกิดเป็นคุณสมบัติของเขาขึ้นมา คุณสมบัติที่เกิดขึ้นในตัวบุคคลนั้นเรียกว่า ศีล
ฉะนั้น ผู้มีศีล คือผู้ที่ตั้งอยู่ในวินัย การตั้งอยู่ในวินัย หรือที่ชอบเรียกในปัจจุบันว่า ความมีวินัยนี้ เรียกว่า ศีล เวลานี้เราใช้คำว่าศีลในความ
หมายแคบมาก ก็เลยต้องใช้คำว่าความมีวินัย ที่จริงความมีวินัยนั่นแหละ คือความหมายของคำว่าศีล
1. ศีล มีความสำคัญต่อการควบคุมกาย วาจา และใจของคนให้เรียบร้อย สงบร่มเย็น และเป็นสุข
2. ศีล มีความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม หากคนในสังคม กลุ่มคนขาดศีลสังคมกลุ่มคนนั้นๆ ก็ไม่น่าอยู่ จะมีปัญหามากมายตามมา
3. ศีล เป็นระบบการควบคุมและขัดเกลาพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต มีผลต่อกิจกรรม พิธีกรรม พฤติกรรม ความเป็นไปของผู้คนในสังคม
4. ศีล เป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นหัวใจสำคัญต่อการประพฤติปฏิบัติชอบของชาวพุทธตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะศีล คือ สิ่งที่จะ
ต้องมาก่อนมาอันดับแรกในการศึกษาและปฏิบัติธรรมในศาสนาพุทธ คือ เริ่มจาก ศีล สมาธิ ปัญหา ถ้าไม่มีศีลก็จะไม่มีสมาธิและจะเกิดปัญญา
ไม่ได้
5. ศีล มีความสำคัญต่อความเป็นมนุษย์ของคน คนกับมนุษย์จะมีความเหมือนกันเพียงร่างกายแต่จะแตกต่างกันที่มีศีล คนถ้าไม่มีศีล
ก็จะไม่แตกต่างจากสัตว์ทั่วๆไป อาจร้ายกว่าสัตว์ด้วยซ้ำ ศีลจะทำคนให้เป็นมนุษย์ได้ เพราะจะเป็นมนุษย์ได้จะต้องเป็นคนมีศีล ควบ
คุมกำกับจิตใจตลอดเวลา หลักมนุษยธรรมอันทำให้คนเป็นมนุษย์ก็คือ ศีลนั่นเอง
ศีล 5 ก็คือข้อบังคับ หรือ วินัย ที่เรียกว่า สิกขาบท ๕ สำหรับพุทธศาสนิกชน ให้ปฏิบัติเป็นประจำในชีวิตประจำวัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ผู้
ที่รับนับถือพุทธศาสนา หรือพุทธศาสนิกชนนั้น จะต้องอนู่ภายใต้ วินัย หรือข้อบังคับ 5 ประการ สำหรับฆารวาส จะเลือกปฏิบัตศีลข้อ
หนึ่งข้อใดตามใจชอบไม่ได้ ถ้าพุทธศาสนิกชนผู้ใดไม่รักษาศีลของ ฆารวาส ก็ถือว่าไม่ใช่พุทธศาสนิกชน
การประพฤติปฏิบัติตามศีล 5 เห็นได้ว่า ศีล 5 นั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยสามารถแบ่งการประพฤติปฏิบัติได้เป็น 5 ข้อที่สามารถ
จำแนกความเป็นมนุษย์และสัตว์ได้อย่างชัดเจนได้ดังต่อไปนี้
ข้อที่ 1 งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
ข้อที่ 2 งดเว้นจากการลักขโมย
ข้อที่ 3 งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
ข้อที่ 4 งดเว้นจากการพูดเท็จ พูดคำหยาบ คำส่อเสียด เพ้อเจ้อ
ข้อที่ 5 งดเว้นจากการดื่มสุรา
จากเหตุผลที่กล่าวมานี้ ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ หรือผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็น "พุทธศาสนิกชน" นั้นอยู่ภายใต้ ข้อบังคับที่เรียกว่า "ธรรมวินัย" ของพุทธ
ศาสนา จะเลือกถือศีลข้อหนึ่งข้อใด หรือไม่ถือเลย ตามใจชอบไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พุทธศาสนาสอนให้พุทธบริษัทใช้ปัญญา นั้นก็คือเมื่อรู้หลักธรรมแล้วให้นำหลักธรรมนั้นมาประยุกต์ใช้ในสังคมไทย สังคมพุทธศาสนา ท่านพุทธบริษัท ชาวไทยทั้งหลายท่านสามารถที่จะทำให้สังคมไทยอันเป็นที่รักของชาวไทยทุกๆคน ปราศจากอบายมุข เป็นสังคมที่สอาดเช่นบางประเทศ สังคมที่ไม่มีอบายมุขที่ยั่วยุกิเลสได้ โดยการนำ เป็ญจศีลมาประยุกต์ใช้ในสังคมไทยประยุคใช้ ในสังคมไทยเรา
ยังมีชาวพุทธจำนวนมากที่เข้าใจผิดกับเรื่องเสรีภาพในการนับถือศาสนา:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[๒๗๖] เธอทั้งหลายควรทำ "ความเพียรเอง" เถิด
ตถาคตเป็นเพียงผู้ชี้บอกเท่านั้น
ผู้บำเพ็ญภาวนา ดำเนินตามทางนี้แล้ว เพ่งพินิจอยู่
จักพ้นจากเครื่องผูกแห่งมารได้
"ความเพียรพยายามรักษาความดีทั้งปวงให้ เป็นพื้นฐานในความประพฤติปฏิบัติทุกอย่าง คือการฝึกให้มีวินัยประจําตัวนั่นเอง
นั้นก็คือ "ความเพียรพยายาม ก็คือการฝึกให้มีวินัยประจําตัวนั่นเอง"
จะเห็นได้ว่าพุทธศาสนาสอนให้พุทธศาสนิกชนต้อง ถือศาสนาอย่างมีวินัย ตามหลักธรรมที่พระอง์ทรงกำหนดไว้ ถ้าเขาผู้นั้นเรียกตัวเองว่า "พุทธศาสนิกชน" ถ้านับถือพุทธศาสนาแล้วไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมของพุทธศาสนา แล้วจะเรียกว่าเป็นพุทธบริษัทได้อย่างไร?
แต่เสรีภาพในการถือศาสนา ของพระพุทธองค์ ไม่ใช่หมายความว่า "คุณจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจเอง" ไม่มีบทลงโทษ
จากศาสดา ไม่มีบทบังคับว่าคุณต้องทำ ถ้าคุณเลือกปฏิบัติคุณก็ไม่ใช่พุทธศาสนิกชนตามคำปฏิญาณ
ในเรื่องการที่ไม่มีบทลงโทษจากศาสดานั้น ทุกๆศาสนา "ศาสดาไม่อาจจะลงโทษผู้ใดได้เนื่องจากศาสดาเป็นเพียงสื่อเท่านั้น" ส่วนโทษทางจิตวิญญาณ
นั้นเป็นการลงโทษของโลกแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งแต่ละศาสนาก็มีการกำหนดไว้เช่นกัน ทางพุทธศาสนาถ้าผู้ใดไม่ปฏิบัติตามศีลฝ่าฝืนเบ็ญจศีลก็อาจ
จะได้รับโทษตามหลักความเชื่อของพุทธศาสนา
การที่สังคมไทยเราอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยอบายมุข ทั่วทุกหัวระแหง มีการทุจริตคอรัปชั่นตั้งแต่ระดับสูงลงมาถึงระดับรากหญ้า กระบวนยุติธรรมถูก ทำลายอย่างที่ไม่ม่ีความละอาย นักโทษติดสินบน หรือมีอิทธิพลก็ไม่ต้องติดคุก นักการเมืองตระบัดสัตย์ หลอกลวงประชาชน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ประชา ชนชาวไทยในสังคมพุทธศาสนา มีความรู้หลักการทางพุทธศาสนาอย่างมากมาย แต่ไม่รู้จัการประยุกต์ใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ซึ่งไม่ต่างจาก "พระโปฐิละผู้แบกคัมภีร์เปล่า" มีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พุทธศาสนิกชนจต้องใช้ปัญญาในการประยุกต์หลักธรรมเพื่อสร้างสังคมไทยให้ใสสะอาด
เราประชาชนชาวไทยคงจะเคยได้เห็นสังคมของประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอย่างมีวินัย อย่างเคร่งครัดตามหลักคำสอนของศาสนาของ เขา ซึ่งในสังคมนั้นจะไม่มีสิ่งที่เป็นอบายมุข คดีอาชญากรรมน้อยมากหรือแทบไม่มีเลยทีเดียว มีการอนุญาตให้ฆ่าสัตว์บางชนิดได้เฉพาะที่เป็นอาหารเท่า นั้น ไม่มีซ่องหรือสถานที่บริการทางเพศทุกๆประเภท, ไม่มีสถานที่ผลิตเครื่องดองของเมา ไม่มีโรงงานกลั่นสุรา, มีกฏหมายลงโทษการขายหรือเสพย์สารเสพติดอย่างรุนแรงที่สุด มีการลงโทษที่รุนแรงในคดีลักทรัพย์และการประพฤติผิดทางเพศ
ในสังคมดังกล่าวนี้ สำหรับประชาชนชาวไทยเราที่ส่วนมากปล่อยชีวิตไปตามกิเลส ถือศาสนาโดยการขาดวินัยแล้ว เขาจะรู้สึกอึกอัดและคับแค้นใจ และไม่ต้องการที่จะดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมเช่นนั้น แต่การที่ประชาชนของประเทศดังกล่าวอยู่ในสังคมเช่นนั้นอย่างมีความสุข ก็เนื่องจากเขาเหล่านั้นนับถือศาสนาประจำสังคมของเขาอย่างมีวินัยนั้นเอง
สังคมไทยเราก็สามารถที่จะมีความสุขและดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุขได้ โดยปราศจากอบายมุขทุกๆชนิดในสังคมของเรา เพราะว่าชาวไทยส่วนใหญ่ 93-95% ของประเทศนับถือพุทธศาสนา ศาสนาที่สอนให้พุทธบริษัทนับถือศาสนาอย่างมีเหตุผลและอย่างมีเสรีภาพ ส่วนมากประชาชนชาวไทยไม่เข้าใจว่า เสรีภาพในศาสนานั้นหมายถึงอะไร? ส่วนมากเข้าใจว่าเมื่อปฏิญาณตนเป็นพุทธบริษัทแล้ว จะถือและไม่ถือศีลข้อใดก็ได้เป็นเสรีภาพของพุทธศาสนิกชน ซึ่งความเข้าใจเช่นนี้ผิดถนัด เพราะเมื่อใดก็ามถ้าเขาไม่ถือปฏิบัติหลักธรรมพื้นฐานของพุทธศาสนาแล้วเขาก็ไม่ใช่พุทธบริษัทตามที่เขาปฏิญาณตนไว้
การประยุกต์ใช้ศีล 5 เพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทย
การดำเนินชีวิตประจำวันของคนไทยน้ั้น ควรตั้งกฎเกณฑ์ หรือระเบียบข้อบังคับให้กับตนเองนั้นก็คือการใช้ชีวิตอย่างมีวินัยในการปฏิบัติธรรมศีล 5 เพื่อให้การครองชีวิตอยู่อย่างประเสริฐทั้งทางกาย วาจา และใจ ศีล 5 ซ่ึงเป็นหลักธรรมพื้นฐานในพุทธศาสนาที่ประชาชนชาวไทย ควรใช้เป็นหลักประจำใจในการดำเนินชีวิต ในสังคมไทยได้อย่างมีความสุข การใช้หลักศีล 5 เป็นแนวทางในการดำเนิรนชีวิต จะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ หากได้ประยุกต์ ศีลเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างใช้สติปัญญา ย่อมเกิดประโยชน์ต่อการ ดำรงชีพ เช่น จะไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่มีความอยากได้ส่ิ่งของคนอ่ื่น ไม่นอกใจคู่ครองของตนเอง ไม่โกหก และไม่เสพส่ิ่งท่ีทำให้ขาดสติ