เด็กเทพวัดไผ่ตัน The Hero From Phaitan Temple ตอนที่ 4


ตอนที่  4  บริษัท  อาหารสัตว์ไทย  (มหาชน)  จำกัด 
 
                ผมมายืนอยู่ที่หน้าสำนักงานแห่งหนึ่ง  มีป้ายเขียนว่า  “บริษัท  อาหารสัตว์ไทย  (มหาชน)  จำกัด  สาขา อ.ยางตลาด  จ.กาฬสินธุ์”  หลังจากที่ผมไปรายงานตัวกับผู้จัดการใหญ่ที่คณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ผู้จัดการใหญ่จึงให้ผมมาเริ่มฝึกงานที่สาขานี้ก่อนครบ  1  เดือนแล้วถ้าผ่านการทดลองงานจะบรรจุผมให้เป็นสัตวบาลส่งเสริมการตลาดของบริษัทฯ  อย่างเต็มตัว  แล้วนี่แหล่ะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาปรากฏตัวนะที่แห่งนี้  และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการท่องแดนอีสานของผม   
 
                ผมยืนมองอยู่หน้าสำนักงานแห่งนี้พักหนึ่ง  เพื่อให้แน่ใจว่าผมมาไม่ผิดที่  หลังจากแน่ใจว่ามาถูกที่แล้วก็วางสัมภาระที่ติดตัวมาไว้ที่หน้าสำนักงานแล้วก็เดินเข้าไปด้านในพร้อมเอกสารจากสำนักงานใหญ่เพื่อมารายงานตัวต่อสาขาแห่งนี้  ผมเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งทำงานอยู่คนเดียวที่โต๊ะทำงานข้างผนังห้องจึงเข้าไปกล่าวสวัสดี

                “สวัสดีครับ...ผมมารายงานตัวครับ  ผมเป็นพนักงานใหม่สำนักงานใหญ่มีคำสั่งให้ผมมาประจำที่สาขานี้ครับ...นี่ครับเอกสาร”  ผมพูดจบก็ยื่นเอกสารให้พนักงานสาวสวยคนนั้น  เธอดูตกใจเล็กน้อยแล้วก็บอกว่า 
                “รอสักครู่นะคะ” แล้วเธอก็ยกหูโทรศัพท์  ผมคิดว่าเธอคงโทร.เข้าสำนักงานใหญ่เพื่อสอบถามตัวตนของผมว่ามีอยู่จริงไหมเพราะอยู่ดีๆก็โผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  แล้วเธอก็วางหูโทรศัพท์และหันมามองผมแล้วอ่อยขึ้นว่า 
                “คุณณพฉัตร  เปาชัย  ใช่ไหมคะ”  
                “ใช่ครับ...ผมณพฉัตร  เปาชัย  ครับ”  ผมตอบ  
                “ยินดีต้อนรับค่ะที่จะได้มาร่วมงานกัน”  เธอบอกหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส  ผมเผลอคิดในใจผู้หญิงอะไรวะทั้งสวยทั้งน่ารักพูดจาก็สุภาพอ่อนโยน  
                “คุณณพฉัตรคะ  เป็นไรรึป่าวทำไมเงียบไป”  เธอพูดสะกิด 
                “อ๋อ!..เปล่าครับแค่มืนหัวนิดหน่อย  สงสัยจะเดินทางมาไกลนะครับผมไม่เป็นไรแล้ว”  ผมตอบไปแล้วก็ถามต่อ 
                “เอ่อ!..คุณครับ  ทางสำนักงานใหญ่บอกว่าให้ผมเริ่มทำงานได้เลยโดยรายละเอียดของการทำงานให้มาสอบถามที่สาขานี้ได้เลย  ผมพึ่งมาใหม่ยังไม่รู้อะไรคุณจะกรุณาอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ”  เธอยิ้มสวยแล้วพูดต่อ 
                “เรื่องการทำงานค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ...คุณพึ่งมาเหนื่อยๆ...เอ๊ะ!..แล้วสัมภาระของคุณล่ะคะไม่เอามาด้วยเหรอ”  เธอถาม  
                “อ๋อ...เอามาครับแต่ผมเอาวางไว้ข้างนอกถ้าเอาเข้ามาด้วยผมกลัวมันเกะกะสำนักงานนะครับ...เอ่อ!..คุณครับแถวนี้พอจะมีห้องเช่าหรือห้องพักบ้างรึป่าวครับผมพึ่งมาจากกรุงเทพฯยังไม่รู้จะไปพักที่ไหนเลย”  ผมถาม  เธอตอบว่า  
                “แถวนี้ไม่มีหรอกคะ...บ้านนอกก็แบบนี้แหล่ะ...ถ้าจะมีก็ในตัวเมืองกาฬสินธุ์นุ่นล่ะคะ”  
                “อ้าว!..นี่ก็บ่ายมากแล้วจะให้เข้าตัวเมืองกาฬสินธุ์อีกสงสัยคืนนี้ผมต้องนอนข้างถนนแน่ๆเลย...เฮ้อ!..เวรกรรม”  ผมบ่นแต่แอบสังเกตเธอมีอาการยิ้มปนหัวเราะนิดๆแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า 
                “คุณณพฉัตรคะ  ถ้าไม่รังเกียจที่นี่ก็พอจะมีที่ให้พักนะคะ...เป็นห้องเก็บเอกสารของบริษัทฯแต่ก็กว้างขวางพอใช้เป็นที่พักอาศัยได้ค่ะใช้พักนอนไปก่อนจนกว่าจะหาที่พักใหม่ก็ได้นะคะ”  
                “จริงหรือครับ...โอ้แม่เจ้า...ขอบพระคุณมากครับ  ผมอยู่ง่าย  กินง่าย  อยู่แล้วครับ  ขอบคุณอีกครั้งนะครับคุณเจ้าหน้าที่คนสวยแถมใจดีอีกต่างหาก” เธอยิ้มแบบเขินๆแล้วเดินพาผมไปที่ห้องเก็บเอกสารที่ว่านั่น เป็นห้องโถงชั้นล่างโดยใช้เป็นที่เก็บเอกสารและเข้าของต่างๆของสาขา  แต่ก็มีที่ว่างให้นอนพักผ่อนได้  ดีทีเดียวผมคิดในใจ (ไอ้สติว่าไงวะ – ว่าไงก็ว่าตามกันนั่นแหล่ะโว้ย!..) 
 
                ผมขอบคุณพนักงานสาวสวยคนนั้นอีกครั้งแล้วรีบนำสัมภาระมาจัดให้เข้าที่  เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะออกมาเพื่อทำการสำรวจพื้นที่ในเรื่องอาหารการกินและร้านค้าต่างๆในละแวกใกล้ๆสำนักงาน  พอออกจากห้องมาก็เห็นพนักงานสาวสวยคนนั้นยังคงทำงานอยู่เลยถือวิสาสะเดินเข้าไปทัก  
                “นี่คุณเย็นมากแล้วยังไม่เลิกงานอีกเหรอครับ” ผมถามเธอ 
                “สรุปงานยังไม่เสร็จเลยยังกลับไม่ได้หรอกคะ  งานพวกนี้ต้องสรุปให้เสร็จวันต่อวันยิ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ - ทองๆแล้วจะต้องให้แม่นยำผิดพลาดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”  เธอตอบ  
                “แสดงว่าคุณเป็นพนักงานบัญชีล่ะซินะ  ผมเดาถูกไหม”  ผมถามแกมเดา  
                “ใช่ค่ะแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดฉันยังรับผิดชอบเกี่ยวกับงานธุรการต่างๆในสำนักงานอีกด้วยคะ” ผมถามต่อ 
                “อย่างนี้ก็เหนื่อยแย่เลยนะสิครับ...คุณกลับบ้านค่ำมืดอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอครับ”  เธอจึงตอบว่า 
                “ไม่หรอกคะบางวันเสร็จงานเร็วก็กลับบ้านแต่ถ้าเสร็จตอนค่ำมืดฉันจะพักที่นี่คะเพราะมีห้องพักอีกห้องอยู่ชั้น 2 ทางบริษัทฯเขาอนุญาตให้ฉันพักได้คะ  เพราะค่ำมืดแล้วทางกลับบ้านของฉันมันเปลี่ยวฉันกลัวอันตรายหนะค่ะ”  ผมได้ฟังเธอเล่าแล้วนึกสงสารจริงๆ  ผมจึงเปลี่ยนเรื่องพูด 
                “เอ่อ!...คุณครับแถวนี้พอจะมีของกินขายไหมครับ”  
                “อ๋อ!..มีคะคุณเดินออกสำนักงานไปแล้วเลี้ยวซ้ายเดินต่อไปอีกประมาณ 100 เมตรก็จะเจอร้านก๋วยเตี๋ยว  อาหารตามสั่ง  ร้านเหล้าก็มีนะคะ” เธอบอก 
                “จริงเหรอครับมีร้านเหล้าด้วย...แหล่มเลย  ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาคุณทำงานแล้วผมขอออกไปสำรวจแดนอีสานก่อนนะครับ...ว่าแต่คุณอยากทานอะไรไหมผมจะซื้อมาฝาก...ได้โปรดอย่าปฏิเสธนะครับผมเดาว่าคุณยังไม่ได้ทานอะไรแน่ๆเลย  แล้วคุณก็ต้องพักที่สำนักงานแห่งนี้อีกด้วย...ได้โปรดอย่าคิดมากนะครับผมแค่อยากตอบแทนน้ำใจของคุณที่ใจดีให้ที่พักแก่ผมนะครับ...ทำงานตามสบายนะครับเดี๋ยวผมกลับมา”  ผมพูดแบบมัดมือชก  สักพักผมก็เดินกลับเข้ามาที่สำนักงานโดยหิ้วของมาด้วย  เบียร์ 2 ขวด  เกี๊ยวน้ำ  ลาบอีสาน  น้ำตก  และข้าวเหนียว 2 ห่อ  
                “คุณครับเสร็จงานหรือยังครับมาพักกินข้าวกันก่อนเถอะเครียดมากเดี๋ยวจะเป็นลมเอานะ”  เธอหันมามองแล้วอุทาน… 
                “โอ้โฮ!...คุณทำอะไรคะนี่ซื้ออะไรมาตั้งเยอะแยะ  จะกินหมดหรือคะนี่”  
                “หมดไม่หมดเดี๋ยวก็รู้ครับ  คุณใกล้ทำงานเสร็จหรือยังล่ะถ้ายังไม่เสร็จมาพักกินข้าวก่อนเดี๋ยวจะเป็นลมหน้ามืดเอานะ  ในครัวมีจานชามใส่อาหารหรือเปล่าครับ  ผมจะไปจัดจานอาหารนะครับ”  ผมถาม  
                “มีคะรบกวนคุณด้วยนะคะ”  
                “ด้วยความยินดีครับคุณผู้หญิง”  ผมตอบแบบกวนๆเล็กน้อย  แล้วผมก็จัดแจงอาหารเป็นที่เรียบร้อย  นำมาวางที่ชุดโต๊ะรับแขก  สักพักเธอจัดการงานของเธอเรียบร้อยแล้วเธอมานั่งโต๊ะร่วมกับผมแบบอาการเขินนิดๆ  น่ารักจริงๆใครบอกสาวอีสานขี้เหร่วะมันคนนั้นต้องไปทบทวนตำราใหม่ซะแล้ว  ออกจะสวยอย่างนางฟ้า  เรา 2 คนทานอาหารด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยคงเป็นเพราะความหิว  ทานอาหารกันไป  จิบเบียร์กันไป  พูดคุยทำความรู้จักที่มาที่ไปของแต่ละคนเหมือนไม่ใช่คนแปลกหน้ากันเลยสักนิดหรือจะเป็นบุพเพสันนิวาทหรือเปล่า  เราพูดคุยกันจนดึกก็ต้องแยกย้ายกันไปพักผ่อน  
                 “เอ่อ!..คุณคะนี่ก็ดึกมาแล้วคุณไปพักผ่อนเถอะคะคุณพึ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ  เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเองแล้วฉันก็จะพักผ่อนเหมือนกัน  ราตรีสวัสดิ์นะคะ”  
                 “ราตรีสวัสดิ์เช่นกันครับ” ผมตอบแล้วยิ้มให้เธอทำให้ผมรู้สึกถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน
 
                 รุ่งเช้าอีกวันหลังจากที่นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเพราะอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทาง  ผมตื่นขึ้นมาประมาณตี 5 พิจารณาสถานที่พักหลับนอน  เออ!..ห้องนี้ก็ไม่เลวนี่หว่าไม่ต้องไปหาห้องเช่าที่อื่นแล้วอยู่มันที่นี่แหล่ะวะ  เดี๋ยวไปขอร้องพนักงานสาวสวยคนนั้นแจ้งทางบริษัทฯ  ให้ผมพักที่นี่ก็น่าจะได้  ต้องลองดู  ตื่นแต่เช้าตรู่เดินงัวเงียจะเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาจะได้สดชื่นขึ้นบ้างเดินมาถึงหน้าห้องน้ำแล้วจู่ๆก็มีหญิงสาวเปิดประตูห้องน้ำออกมา  พอเห็นกันแล้วต่างคนก็ต่างตกใจผมโผลงไปแบบไม่ได้ตั้งใจ
 
                 “คุณผู้หญิง  ผมต้องขอโทษนะครับที่ทำให้คุณตกใจ  มันเป็นความเคยชินหนะครับตอนเรียนอยู่กรุงเทพฯผมเป็นเด็กวัด  ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อจัดเตรียมเข้าของออกตามหลวงพ่อไปบิณฑบาตนะครับเลยติดเป็นนิสัย  ขอโทษอีกครั้งนะครับ”  ผมกล่าวขอโทษแบบหน้าซีดๆเขินๆเล็กน้อย  
                 “ไม่เป็นไรคะฉันก็มักตื่นแต่เช้าเสมอความเคยชินเหมือนกันคะ”  เธอยิ้มแบบเขินอายแล้วก็เดินขึ้นห้องไป  ผมนึกขึ้นได้แล้วเขกกบาลตัวเองไปหนึ่งที “ทำไมไม่ถามชื่อเธอวะ...ไอ้ฟาย!!!”

                เวลา  08.00 น.  หลังจากที่ทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็แต่งตัวออกมาที่สำนักงานพร้อมเริ่มต้นทำงานแล้ว  และผมก็มาเจอเจ้าหน้าที่สาวสวยคนเดิมคนนั้น  หน้าตาสดใสกำลังจัดเข้าของบนโต๊ะทำงานของเธอ  เห็นแล้วทำให้ผมมีจิตใจชื่นบานเป็นอย่างยิ่ง  แล้วผมก็ตรงเข้าไปทักทายเธอตามมารยาท  
                “อรุณสวัสดิ์ครับคุณเจ้าหน้าที่”  ผมทักไป  
                “อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะคุณณพพฉัตร  เมื่อคืนหลับสบายดีไหมคะ”  เธอทักตอบแบบเขินอายเล็กน้อยเพราะมีเบื้องหลังที่มาที่ไป  
                “โอ้...หลับสบายมากเลยครับเหมือนนอนหลับในกุฏิกับหลวงพ่อที่วัดไผ่ตันเลยครับจนสะดุ้งตื่นตอนประมาณตี 5 นึกว่าจะต้องออกติดตามหลวงพ่อไปออกบิณฑบาตชะอย่างนั้นจนเรามาเจอกันนั่นแหล่ะครับ...แฮ่ะๆๆๆ”  ผมตอบแกมหยอกเธอเล่นๆเธอก็ยิ้มแบบเขินๆ  ผมได้ใจรีบรุกในทันที 
                “เอ่อ...คุณครับผมยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลยขอประทานโทษนะครับ  คุณชื่ออะไรครับผมจะได้เรียกถูก”  เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วตอบมาว่า 
                “ดิฉันชื่อเจนจิราหรือจะเรียกว่าปุ๊ก็ได้ค่ะ”  
                “ผมชื่อเล่นว่าหนึ่งครับ  ยินดีทีได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับคุณปุ๊” เธอพยักหน้าอมยิ้มแบบเขินอายเล็กน้อย  ผมคิดในใจ  (ผู้หญิงอะไรวะทั้งสวยทั้งน่ารักกิริยาก็อ่อนน้อมโอ้แม่เจ้าโว้ยอยากได้เป็นแฟนจริงๆเลย – หั้นแน่คิดจะจีบเขาละซิระวังน้ำตาจะเช็ดหัวเข่านะโว้ย - ไอ้สติไอ้เวรปากเสียอีกแล้วนะนี่มันเรื่องของกูเว้ย!..ยุ่งไม่เข้าเรื่องไปให้พ้นสมองกูเลยไป)

                  (มีต่อนะครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่