ตอนที่ 4 บริษัท อาหารสัตว์ไทย (มหาชน) จำกัด
ผมมายืนอยู่ที่หน้าสำนักงานแห่งหนึ่ง มีป้ายเขียนว่า “บริษัท อาหารสัตว์ไทย (มหาชน) จำกัด สาขา อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์” หลังจากที่ผมไปรายงานตัวกับผู้จัดการใหญ่ที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้จัดการใหญ่จึงให้ผมมาเริ่มฝึกงานที่สาขานี้ก่อนครบ 1 เดือนแล้วถ้าผ่านการทดลองงานจะบรรจุผมให้เป็นสัตวบาลส่งเสริมการตลาดของบริษัทฯ อย่างเต็มตัว แล้วนี่แหล่ะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาปรากฏตัวนะที่แห่งนี้ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการท่องแดนอีสานของผม
ผมยืนมองอยู่หน้าสำนักงานแห่งนี้พักหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าผมมาไม่ผิดที่ หลังจากแน่ใจว่ามาถูกที่แล้วก็วางสัมภาระที่ติดตัวมาไว้ที่หน้าสำนักงานแล้วก็เดินเข้าไปด้านในพร้อมเอกสารจากสำนักงานใหญ่เพื่อมารายงานตัวต่อสาขาแห่งนี้ ผมเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งทำงานอยู่คนเดียวที่โต๊ะทำงานข้างผนังห้องจึงเข้าไปกล่าวสวัสดี
“สวัสดีครับ...ผมมารายงานตัวครับ ผมเป็นพนักงานใหม่สำนักงานใหญ่มีคำสั่งให้ผมมาประจำที่สาขานี้ครับ...นี่ครับเอกสาร” ผมพูดจบก็ยื่นเอกสารให้พนักงานสาวสวยคนนั้น เธอดูตกใจเล็กน้อยแล้วก็บอกว่า
“รอสักครู่นะคะ” แล้วเธอก็ยกหูโทรศัพท์ ผมคิดว่าเธอคงโทร.เข้าสำนักงานใหญ่เพื่อสอบถามตัวตนของผมว่ามีอยู่จริงไหมเพราะอยู่ดีๆก็โผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วเธอก็วางหูโทรศัพท์และหันมามองผมแล้วอ่อยขึ้นว่า
“คุณณพฉัตร เปาชัย ใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ...ผมณพฉัตร เปาชัย ครับ” ผมตอบ
“ยินดีต้อนรับค่ะที่จะได้มาร่วมงานกัน” เธอบอกหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ผมเผลอคิดในใจผู้หญิงอะไรวะทั้งสวยทั้งน่ารักพูดจาก็สุภาพอ่อนโยน
“คุณณพฉัตรคะ เป็นไรรึป่าวทำไมเงียบไป” เธอพูดสะกิด
“อ๋อ!..เปล่าครับแค่มืนหัวนิดหน่อย สงสัยจะเดินทางมาไกลนะครับผมไม่เป็นไรแล้ว” ผมตอบไปแล้วก็ถามต่อ
“เอ่อ!..คุณครับ ทางสำนักงานใหญ่บอกว่าให้ผมเริ่มทำงานได้เลยโดยรายละเอียดของการทำงานให้มาสอบถามที่สาขานี้ได้เลย ผมพึ่งมาใหม่ยังไม่รู้อะไรคุณจะกรุณาอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ” เธอยิ้มสวยแล้วพูดต่อ
“เรื่องการทำงานค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ...คุณพึ่งมาเหนื่อยๆ...เอ๊ะ!..แล้วสัมภาระของคุณล่ะคะไม่เอามาด้วยเหรอ” เธอถาม
“อ๋อ...เอามาครับแต่ผมเอาวางไว้ข้างนอกถ้าเอาเข้ามาด้วยผมกลัวมันเกะกะสำนักงานนะครับ...เอ่อ!..คุณครับแถวนี้พอจะมีห้องเช่าหรือห้องพักบ้างรึป่าวครับผมพึ่งมาจากกรุงเทพฯยังไม่รู้จะไปพักที่ไหนเลย” ผมถาม เธอตอบว่า
“แถวนี้ไม่มีหรอกคะ...บ้านนอกก็แบบนี้แหล่ะ...ถ้าจะมีก็ในตัวเมืองกาฬสินธุ์นุ่นล่ะคะ”
“อ้าว!..นี่ก็บ่ายมากแล้วจะให้เข้าตัวเมืองกาฬสินธุ์อีกสงสัยคืนนี้ผมต้องนอนข้างถนนแน่ๆเลย...เฮ้อ!..เวรกรรม” ผมบ่นแต่แอบสังเกตเธอมีอาการยิ้มปนหัวเราะนิดๆแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า
“คุณณพฉัตรคะ ถ้าไม่รังเกียจที่นี่ก็พอจะมีที่ให้พักนะคะ...เป็นห้องเก็บเอกสารของบริษัทฯแต่ก็กว้างขวางพอใช้เป็นที่พักอาศัยได้ค่ะใช้พักนอนไปก่อนจนกว่าจะหาที่พักใหม่ก็ได้นะคะ”
“จริงหรือครับ...โอ้แม่เจ้า...ขอบพระคุณมากครับ ผมอยู่ง่าย กินง่าย อยู่แล้วครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับคุณเจ้าหน้าที่คนสวยแถมใจดีอีกต่างหาก” เธอยิ้มแบบเขินๆแล้วเดินพาผมไปที่ห้องเก็บเอกสารที่ว่านั่น เป็นห้องโถงชั้นล่างโดยใช้เป็นที่เก็บเอกสารและเข้าของต่างๆของสาขา แต่ก็มีที่ว่างให้นอนพักผ่อนได้ ดีทีเดียวผมคิดในใจ (ไอ้สติว่าไงวะ – ว่าไงก็ว่าตามกันนั่นแหล่ะโว้ย!..)
ผมขอบคุณพนักงานสาวสวยคนนั้นอีกครั้งแล้วรีบนำสัมภาระมาจัดให้เข้าที่ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะออกมาเพื่อทำการสำรวจพื้นที่ในเรื่องอาหารการกินและร้านค้าต่างๆในละแวกใกล้ๆสำนักงาน พอออกจากห้องมาก็เห็นพนักงานสาวสวยคนนั้นยังคงทำงานอยู่เลยถือวิสาสะเดินเข้าไปทัก
“นี่คุณเย็นมากแล้วยังไม่เลิกงานอีกเหรอครับ” ผมถามเธอ
“สรุปงานยังไม่เสร็จเลยยังกลับไม่ได้หรอกคะ งานพวกนี้ต้องสรุปให้เสร็จวันต่อวันยิ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ - ทองๆแล้วจะต้องให้แม่นยำผิดพลาดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย” เธอตอบ
“แสดงว่าคุณเป็นพนักงานบัญชีล่ะซินะ ผมเดาถูกไหม” ผมถามแกมเดา
“ใช่ค่ะแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดฉันยังรับผิดชอบเกี่ยวกับงานธุรการต่างๆในสำนักงานอีกด้วยคะ” ผมถามต่อ
“อย่างนี้ก็เหนื่อยแย่เลยนะสิครับ...คุณกลับบ้านค่ำมืดอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอครับ” เธอจึงตอบว่า
“ไม่หรอกคะบางวันเสร็จงานเร็วก็กลับบ้านแต่ถ้าเสร็จตอนค่ำมืดฉันจะพักที่นี่คะเพราะมีห้องพักอีกห้องอยู่ชั้น 2 ทางบริษัทฯเขาอนุญาตให้ฉันพักได้คะ เพราะค่ำมืดแล้วทางกลับบ้านของฉันมันเปลี่ยวฉันกลัวอันตรายหนะค่ะ” ผมได้ฟังเธอเล่าแล้วนึกสงสารจริงๆ ผมจึงเปลี่ยนเรื่องพูด
“เอ่อ!...คุณครับแถวนี้พอจะมีของกินขายไหมครับ”
“อ๋อ!..มีคะคุณเดินออกสำนักงานไปแล้วเลี้ยวซ้ายเดินต่อไปอีกประมาณ 100 เมตรก็จะเจอร้านก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ร้านเหล้าก็มีนะคะ” เธอบอก
“จริงเหรอครับมีร้านเหล้าด้วย...แหล่มเลย ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาคุณทำงานแล้วผมขอออกไปสำรวจแดนอีสานก่อนนะครับ...ว่าแต่คุณอยากทานอะไรไหมผมจะซื้อมาฝาก...ได้โปรดอย่าปฏิเสธนะครับผมเดาว่าคุณยังไม่ได้ทานอะไรแน่ๆเลย แล้วคุณก็ต้องพักที่สำนักงานแห่งนี้อีกด้วย...ได้โปรดอย่าคิดมากนะครับผมแค่อยากตอบแทนน้ำใจของคุณที่ใจดีให้ที่พักแก่ผมนะครับ...ทำงานตามสบายนะครับเดี๋ยวผมกลับมา” ผมพูดแบบมัดมือชก สักพักผมก็เดินกลับเข้ามาที่สำนักงานโดยหิ้วของมาด้วย เบียร์ 2 ขวด เกี๊ยวน้ำ ลาบอีสาน น้ำตก และข้าวเหนียว 2 ห่อ
“คุณครับเสร็จงานหรือยังครับมาพักกินข้าวกันก่อนเถอะเครียดมากเดี๋ยวจะเป็นลมเอานะ” เธอหันมามองแล้วอุทาน…
“โอ้โฮ!...คุณทำอะไรคะนี่ซื้ออะไรมาตั้งเยอะแยะ จะกินหมดหรือคะนี่”
“หมดไม่หมดเดี๋ยวก็รู้ครับ คุณใกล้ทำงานเสร็จหรือยังล่ะถ้ายังไม่เสร็จมาพักกินข้าวก่อนเดี๋ยวจะเป็นลมหน้ามืดเอานะ ในครัวมีจานชามใส่อาหารหรือเปล่าครับ ผมจะไปจัดจานอาหารนะครับ” ผมถาม
“มีคะรบกวนคุณด้วยนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับคุณผู้หญิง” ผมตอบแบบกวนๆเล็กน้อย แล้วผมก็จัดแจงอาหารเป็นที่เรียบร้อย นำมาวางที่ชุดโต๊ะรับแขก สักพักเธอจัดการงานของเธอเรียบร้อยแล้วเธอมานั่งโต๊ะร่วมกับผมแบบอาการเขินนิดๆ น่ารักจริงๆใครบอกสาวอีสานขี้เหร่วะมันคนนั้นต้องไปทบทวนตำราใหม่ซะแล้ว ออกจะสวยอย่างนางฟ้า เรา 2 คนทานอาหารด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยคงเป็นเพราะความหิว ทานอาหารกันไป จิบเบียร์กันไป พูดคุยทำความรู้จักที่มาที่ไปของแต่ละคนเหมือนไม่ใช่คนแปลกหน้ากันเลยสักนิดหรือจะเป็นบุพเพสันนิวาทหรือเปล่า เราพูดคุยกันจนดึกก็ต้องแยกย้ายกันไปพักผ่อน
“เอ่อ!..คุณคะนี่ก็ดึกมาแล้วคุณไปพักผ่อนเถอะคะคุณพึ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเองแล้วฉันก็จะพักผ่อนเหมือนกัน ราตรีสวัสดิ์นะคะ”
“ราตรีสวัสดิ์เช่นกันครับ” ผมตอบแล้วยิ้มให้เธอทำให้ผมรู้สึกถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน
รุ่งเช้าอีกวันหลังจากที่นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเพราะอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ผมตื่นขึ้นมาประมาณตี 5 พิจารณาสถานที่พักหลับนอน เออ!..ห้องนี้ก็ไม่เลวนี่หว่าไม่ต้องไปหาห้องเช่าที่อื่นแล้วอยู่มันที่นี่แหล่ะวะ เดี๋ยวไปขอร้องพนักงานสาวสวยคนนั้นแจ้งทางบริษัทฯ ให้ผมพักที่นี่ก็น่าจะได้ ต้องลองดู ตื่นแต่เช้าตรู่เดินงัวเงียจะเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาจะได้สดชื่นขึ้นบ้างเดินมาถึงหน้าห้องน้ำแล้วจู่ๆก็มีหญิงสาวเปิดประตูห้องน้ำออกมา พอเห็นกันแล้วต่างคนก็ต่างตกใจผมโผลงไปแบบไม่ได้ตั้งใจ
“คุณผู้หญิง ผมต้องขอโทษนะครับที่ทำให้คุณตกใจ มันเป็นความเคยชินหนะครับตอนเรียนอยู่กรุงเทพฯผมเป็นเด็กวัด ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อจัดเตรียมเข้าของออกตามหลวงพ่อไปบิณฑบาตนะครับเลยติดเป็นนิสัย ขอโทษอีกครั้งนะครับ” ผมกล่าวขอโทษแบบหน้าซีดๆเขินๆเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรคะฉันก็มักตื่นแต่เช้าเสมอความเคยชินเหมือนกันคะ” เธอยิ้มแบบเขินอายแล้วก็เดินขึ้นห้องไป ผมนึกขึ้นได้แล้วเขกกบาลตัวเองไปหนึ่งที “ทำไมไม่ถามชื่อเธอวะ...ไอ้ฟาย!!!”
เวลา 08.00 น. หลังจากที่ทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็แต่งตัวออกมาที่สำนักงานพร้อมเริ่มต้นทำงานแล้ว และผมก็มาเจอเจ้าหน้าที่สาวสวยคนเดิมคนนั้น หน้าตาสดใสกำลังจัดเข้าของบนโต๊ะทำงานของเธอ เห็นแล้วทำให้ผมมีจิตใจชื่นบานเป็นอย่างยิ่ง แล้วผมก็ตรงเข้าไปทักทายเธอตามมารยาท
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเจ้าหน้าที่” ผมทักไป
“อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะคุณณพพฉัตร เมื่อคืนหลับสบายดีไหมคะ” เธอทักตอบแบบเขินอายเล็กน้อยเพราะมีเบื้องหลังที่มาที่ไป
“โอ้...หลับสบายมากเลยครับเหมือนนอนหลับในกุฏิกับหลวงพ่อที่วัดไผ่ตันเลยครับจนสะดุ้งตื่นตอนประมาณตี 5 นึกว่าจะต้องออกติดตามหลวงพ่อไปออกบิณฑบาตชะอย่างนั้นจนเรามาเจอกันนั่นแหล่ะครับ...แฮ่ะๆๆๆ” ผมตอบแกมหยอกเธอเล่นๆเธอก็ยิ้มแบบเขินๆ ผมได้ใจรีบรุกในทันที
“เอ่อ...คุณครับผมยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลยขอประทานโทษนะครับ คุณชื่ออะไรครับผมจะได้เรียกถูก” เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วตอบมาว่า
“ดิฉันชื่อเจนจิราหรือจะเรียกว่าปุ๊ก็ได้ค่ะ”
“ผมชื่อเล่นว่าหนึ่งครับ ยินดีทีได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับคุณปุ๊” เธอพยักหน้าอมยิ้มแบบเขินอายเล็กน้อย ผมคิดในใจ (ผู้หญิงอะไรวะทั้งสวยทั้งน่ารักกิริยาก็อ่อนน้อมโอ้แม่เจ้าโว้ยอยากได้เป็นแฟนจริงๆเลย – หั้นแน่คิดจะจีบเขาละซิระวังน้ำตาจะเช็ดหัวเข่านะโว้ย - ไอ้สติไอ้เวรปากเสียอีกแล้วนะนี่มันเรื่องของกูเว้ย!..ยุ่งไม่เข้าเรื่องไปให้พ้นสมองกูเลยไป)
(มีต่อนะครับ)
เด็กเทพวัดไผ่ตัน The Hero From Phaitan Temple ตอนที่ 4
ผมยืนมองอยู่หน้าสำนักงานแห่งนี้พักหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าผมมาไม่ผิดที่ หลังจากแน่ใจว่ามาถูกที่แล้วก็วางสัมภาระที่ติดตัวมาไว้ที่หน้าสำนักงานแล้วก็เดินเข้าไปด้านในพร้อมเอกสารจากสำนักงานใหญ่เพื่อมารายงานตัวต่อสาขาแห่งนี้ ผมเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งทำงานอยู่คนเดียวที่โต๊ะทำงานข้างผนังห้องจึงเข้าไปกล่าวสวัสดี
“สวัสดีครับ...ผมมารายงานตัวครับ ผมเป็นพนักงานใหม่สำนักงานใหญ่มีคำสั่งให้ผมมาประจำที่สาขานี้ครับ...นี่ครับเอกสาร” ผมพูดจบก็ยื่นเอกสารให้พนักงานสาวสวยคนนั้น เธอดูตกใจเล็กน้อยแล้วก็บอกว่า
“รอสักครู่นะคะ” แล้วเธอก็ยกหูโทรศัพท์ ผมคิดว่าเธอคงโทร.เข้าสำนักงานใหญ่เพื่อสอบถามตัวตนของผมว่ามีอยู่จริงไหมเพราะอยู่ดีๆก็โผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วเธอก็วางหูโทรศัพท์และหันมามองผมแล้วอ่อยขึ้นว่า
“คุณณพฉัตร เปาชัย ใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ...ผมณพฉัตร เปาชัย ครับ” ผมตอบ
“ยินดีต้อนรับค่ะที่จะได้มาร่วมงานกัน” เธอบอกหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ผมเผลอคิดในใจผู้หญิงอะไรวะทั้งสวยทั้งน่ารักพูดจาก็สุภาพอ่อนโยน
“คุณณพฉัตรคะ เป็นไรรึป่าวทำไมเงียบไป” เธอพูดสะกิด
“อ๋อ!..เปล่าครับแค่มืนหัวนิดหน่อย สงสัยจะเดินทางมาไกลนะครับผมไม่เป็นไรแล้ว” ผมตอบไปแล้วก็ถามต่อ
“เอ่อ!..คุณครับ ทางสำนักงานใหญ่บอกว่าให้ผมเริ่มทำงานได้เลยโดยรายละเอียดของการทำงานให้มาสอบถามที่สาขานี้ได้เลย ผมพึ่งมาใหม่ยังไม่รู้อะไรคุณจะกรุณาอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ” เธอยิ้มสวยแล้วพูดต่อ
“เรื่องการทำงานค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ...คุณพึ่งมาเหนื่อยๆ...เอ๊ะ!..แล้วสัมภาระของคุณล่ะคะไม่เอามาด้วยเหรอ” เธอถาม
“อ๋อ...เอามาครับแต่ผมเอาวางไว้ข้างนอกถ้าเอาเข้ามาด้วยผมกลัวมันเกะกะสำนักงานนะครับ...เอ่อ!..คุณครับแถวนี้พอจะมีห้องเช่าหรือห้องพักบ้างรึป่าวครับผมพึ่งมาจากกรุงเทพฯยังไม่รู้จะไปพักที่ไหนเลย” ผมถาม เธอตอบว่า
“แถวนี้ไม่มีหรอกคะ...บ้านนอกก็แบบนี้แหล่ะ...ถ้าจะมีก็ในตัวเมืองกาฬสินธุ์นุ่นล่ะคะ”
“อ้าว!..นี่ก็บ่ายมากแล้วจะให้เข้าตัวเมืองกาฬสินธุ์อีกสงสัยคืนนี้ผมต้องนอนข้างถนนแน่ๆเลย...เฮ้อ!..เวรกรรม” ผมบ่นแต่แอบสังเกตเธอมีอาการยิ้มปนหัวเราะนิดๆแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า
“คุณณพฉัตรคะ ถ้าไม่รังเกียจที่นี่ก็พอจะมีที่ให้พักนะคะ...เป็นห้องเก็บเอกสารของบริษัทฯแต่ก็กว้างขวางพอใช้เป็นที่พักอาศัยได้ค่ะใช้พักนอนไปก่อนจนกว่าจะหาที่พักใหม่ก็ได้นะคะ”
“จริงหรือครับ...โอ้แม่เจ้า...ขอบพระคุณมากครับ ผมอยู่ง่าย กินง่าย อยู่แล้วครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับคุณเจ้าหน้าที่คนสวยแถมใจดีอีกต่างหาก” เธอยิ้มแบบเขินๆแล้วเดินพาผมไปที่ห้องเก็บเอกสารที่ว่านั่น เป็นห้องโถงชั้นล่างโดยใช้เป็นที่เก็บเอกสารและเข้าของต่างๆของสาขา แต่ก็มีที่ว่างให้นอนพักผ่อนได้ ดีทีเดียวผมคิดในใจ (ไอ้สติว่าไงวะ – ว่าไงก็ว่าตามกันนั่นแหล่ะโว้ย!..)
ผมขอบคุณพนักงานสาวสวยคนนั้นอีกครั้งแล้วรีบนำสัมภาระมาจัดให้เข้าที่ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะออกมาเพื่อทำการสำรวจพื้นที่ในเรื่องอาหารการกินและร้านค้าต่างๆในละแวกใกล้ๆสำนักงาน พอออกจากห้องมาก็เห็นพนักงานสาวสวยคนนั้นยังคงทำงานอยู่เลยถือวิสาสะเดินเข้าไปทัก
“นี่คุณเย็นมากแล้วยังไม่เลิกงานอีกเหรอครับ” ผมถามเธอ
“สรุปงานยังไม่เสร็จเลยยังกลับไม่ได้หรอกคะ งานพวกนี้ต้องสรุปให้เสร็จวันต่อวันยิ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ - ทองๆแล้วจะต้องให้แม่นยำผิดพลาดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย” เธอตอบ
“แสดงว่าคุณเป็นพนักงานบัญชีล่ะซินะ ผมเดาถูกไหม” ผมถามแกมเดา
“ใช่ค่ะแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดฉันยังรับผิดชอบเกี่ยวกับงานธุรการต่างๆในสำนักงานอีกด้วยคะ” ผมถามต่อ
“อย่างนี้ก็เหนื่อยแย่เลยนะสิครับ...คุณกลับบ้านค่ำมืดอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอครับ” เธอจึงตอบว่า
“ไม่หรอกคะบางวันเสร็จงานเร็วก็กลับบ้านแต่ถ้าเสร็จตอนค่ำมืดฉันจะพักที่นี่คะเพราะมีห้องพักอีกห้องอยู่ชั้น 2 ทางบริษัทฯเขาอนุญาตให้ฉันพักได้คะ เพราะค่ำมืดแล้วทางกลับบ้านของฉันมันเปลี่ยวฉันกลัวอันตรายหนะค่ะ” ผมได้ฟังเธอเล่าแล้วนึกสงสารจริงๆ ผมจึงเปลี่ยนเรื่องพูด
“เอ่อ!...คุณครับแถวนี้พอจะมีของกินขายไหมครับ”
“อ๋อ!..มีคะคุณเดินออกสำนักงานไปแล้วเลี้ยวซ้ายเดินต่อไปอีกประมาณ 100 เมตรก็จะเจอร้านก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ร้านเหล้าก็มีนะคะ” เธอบอก
“จริงเหรอครับมีร้านเหล้าด้วย...แหล่มเลย ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาคุณทำงานแล้วผมขอออกไปสำรวจแดนอีสานก่อนนะครับ...ว่าแต่คุณอยากทานอะไรไหมผมจะซื้อมาฝาก...ได้โปรดอย่าปฏิเสธนะครับผมเดาว่าคุณยังไม่ได้ทานอะไรแน่ๆเลย แล้วคุณก็ต้องพักที่สำนักงานแห่งนี้อีกด้วย...ได้โปรดอย่าคิดมากนะครับผมแค่อยากตอบแทนน้ำใจของคุณที่ใจดีให้ที่พักแก่ผมนะครับ...ทำงานตามสบายนะครับเดี๋ยวผมกลับมา” ผมพูดแบบมัดมือชก สักพักผมก็เดินกลับเข้ามาที่สำนักงานโดยหิ้วของมาด้วย เบียร์ 2 ขวด เกี๊ยวน้ำ ลาบอีสาน น้ำตก และข้าวเหนียว 2 ห่อ
“คุณครับเสร็จงานหรือยังครับมาพักกินข้าวกันก่อนเถอะเครียดมากเดี๋ยวจะเป็นลมเอานะ” เธอหันมามองแล้วอุทาน…
“โอ้โฮ!...คุณทำอะไรคะนี่ซื้ออะไรมาตั้งเยอะแยะ จะกินหมดหรือคะนี่”
“หมดไม่หมดเดี๋ยวก็รู้ครับ คุณใกล้ทำงานเสร็จหรือยังล่ะถ้ายังไม่เสร็จมาพักกินข้าวก่อนเดี๋ยวจะเป็นลมหน้ามืดเอานะ ในครัวมีจานชามใส่อาหารหรือเปล่าครับ ผมจะไปจัดจานอาหารนะครับ” ผมถาม
“มีคะรบกวนคุณด้วยนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับคุณผู้หญิง” ผมตอบแบบกวนๆเล็กน้อย แล้วผมก็จัดแจงอาหารเป็นที่เรียบร้อย นำมาวางที่ชุดโต๊ะรับแขก สักพักเธอจัดการงานของเธอเรียบร้อยแล้วเธอมานั่งโต๊ะร่วมกับผมแบบอาการเขินนิดๆ น่ารักจริงๆใครบอกสาวอีสานขี้เหร่วะมันคนนั้นต้องไปทบทวนตำราใหม่ซะแล้ว ออกจะสวยอย่างนางฟ้า เรา 2 คนทานอาหารด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยคงเป็นเพราะความหิว ทานอาหารกันไป จิบเบียร์กันไป พูดคุยทำความรู้จักที่มาที่ไปของแต่ละคนเหมือนไม่ใช่คนแปลกหน้ากันเลยสักนิดหรือจะเป็นบุพเพสันนิวาทหรือเปล่า เราพูดคุยกันจนดึกก็ต้องแยกย้ายกันไปพักผ่อน
“เอ่อ!..คุณคะนี่ก็ดึกมาแล้วคุณไปพักผ่อนเถอะคะคุณพึ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเองแล้วฉันก็จะพักผ่อนเหมือนกัน ราตรีสวัสดิ์นะคะ”
“ราตรีสวัสดิ์เช่นกันครับ” ผมตอบแล้วยิ้มให้เธอทำให้ผมรู้สึกถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน
รุ่งเช้าอีกวันหลังจากที่นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเพราะอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ผมตื่นขึ้นมาประมาณตี 5 พิจารณาสถานที่พักหลับนอน เออ!..ห้องนี้ก็ไม่เลวนี่หว่าไม่ต้องไปหาห้องเช่าที่อื่นแล้วอยู่มันที่นี่แหล่ะวะ เดี๋ยวไปขอร้องพนักงานสาวสวยคนนั้นแจ้งทางบริษัทฯ ให้ผมพักที่นี่ก็น่าจะได้ ต้องลองดู ตื่นแต่เช้าตรู่เดินงัวเงียจะเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาจะได้สดชื่นขึ้นบ้างเดินมาถึงหน้าห้องน้ำแล้วจู่ๆก็มีหญิงสาวเปิดประตูห้องน้ำออกมา พอเห็นกันแล้วต่างคนก็ต่างตกใจผมโผลงไปแบบไม่ได้ตั้งใจ
“คุณผู้หญิง ผมต้องขอโทษนะครับที่ทำให้คุณตกใจ มันเป็นความเคยชินหนะครับตอนเรียนอยู่กรุงเทพฯผมเป็นเด็กวัด ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อจัดเตรียมเข้าของออกตามหลวงพ่อไปบิณฑบาตนะครับเลยติดเป็นนิสัย ขอโทษอีกครั้งนะครับ” ผมกล่าวขอโทษแบบหน้าซีดๆเขินๆเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรคะฉันก็มักตื่นแต่เช้าเสมอความเคยชินเหมือนกันคะ” เธอยิ้มแบบเขินอายแล้วก็เดินขึ้นห้องไป ผมนึกขึ้นได้แล้วเขกกบาลตัวเองไปหนึ่งที “ทำไมไม่ถามชื่อเธอวะ...ไอ้ฟาย!!!”
เวลา 08.00 น. หลังจากที่ทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็แต่งตัวออกมาที่สำนักงานพร้อมเริ่มต้นทำงานแล้ว และผมก็มาเจอเจ้าหน้าที่สาวสวยคนเดิมคนนั้น หน้าตาสดใสกำลังจัดเข้าของบนโต๊ะทำงานของเธอ เห็นแล้วทำให้ผมมีจิตใจชื่นบานเป็นอย่างยิ่ง แล้วผมก็ตรงเข้าไปทักทายเธอตามมารยาท
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเจ้าหน้าที่” ผมทักไป
“อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะคุณณพพฉัตร เมื่อคืนหลับสบายดีไหมคะ” เธอทักตอบแบบเขินอายเล็กน้อยเพราะมีเบื้องหลังที่มาที่ไป
“โอ้...หลับสบายมากเลยครับเหมือนนอนหลับในกุฏิกับหลวงพ่อที่วัดไผ่ตันเลยครับจนสะดุ้งตื่นตอนประมาณตี 5 นึกว่าจะต้องออกติดตามหลวงพ่อไปออกบิณฑบาตชะอย่างนั้นจนเรามาเจอกันนั่นแหล่ะครับ...แฮ่ะๆๆๆ” ผมตอบแกมหยอกเธอเล่นๆเธอก็ยิ้มแบบเขินๆ ผมได้ใจรีบรุกในทันที
“เอ่อ...คุณครับผมยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลยขอประทานโทษนะครับ คุณชื่ออะไรครับผมจะได้เรียกถูก” เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วตอบมาว่า
“ดิฉันชื่อเจนจิราหรือจะเรียกว่าปุ๊ก็ได้ค่ะ”
“ผมชื่อเล่นว่าหนึ่งครับ ยินดีทีได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับคุณปุ๊” เธอพยักหน้าอมยิ้มแบบเขินอายเล็กน้อย ผมคิดในใจ (ผู้หญิงอะไรวะทั้งสวยทั้งน่ารักกิริยาก็อ่อนน้อมโอ้แม่เจ้าโว้ยอยากได้เป็นแฟนจริงๆเลย – หั้นแน่คิดจะจีบเขาละซิระวังน้ำตาจะเช็ดหัวเข่านะโว้ย - ไอ้สติไอ้เวรปากเสียอีกแล้วนะนี่มันเรื่องของกูเว้ย!..ยุ่งไม่เข้าเรื่องไปให้พ้นสมองกูเลยไป)
(มีต่อนะครับ)