เรื่องเล่า ลางสังหรณ์

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับพอดีผมเป็นคนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่ง เลยอยากลงประสบการณ์ขนหัวลุกของตัวเองที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองครับผม  เผื่อมีคนเข้ามาอ่าน ขอเริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะครับ
" เรื่องมีอยู่ว่าสมัยที่ผมอายุประมาณ 17 ปี ประมาณปี59 ตอนนั้นผมบวชเรีบยนอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร คือผมมีเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันสมัยประถมเพื่อนคนนี้ผมขอสมมติว่าชื่อ " เอ๋ " แล้วกันครับ ผมกับเอ๋นี่ก้จะเคยแกล้งกันบ้าง ดีกันบ้าง ก็คือเคยกวนเคยกัดกันอะไรประมาณนั้นครับ วันนึงผมก็นั่งเลื่อนเฟสเล่นครับแล้วไปเจอเพื่อนคนนึงโพส R.I.P แล้วลงรูปของเอ๋ ผมก็เลยตะหงิดใจว่า "เห้ย เพื่อนผิดใจทะเลาะอะไรกันรึเปล่า ทำไมเล่นกันแรงจัง" ผมก็เลยทักไปถามเพื่อนคนนั้นว่า เอ๋เป็นอะไร ทำไมถึงโพสแบบนั้น เขาก็บอกว่า เอ๋เสียแล้ว เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว คือก่อนวันที่เอ๋นจะเสียวันนึง ผมอยากจะทักไปกวนแต่ก็ไม่ได้ทักไป แล้วเรื่องก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์ครับ พระอาจารย์ก็พาผมกับเณรอีก 2 รูปออกเดินสายหาเด็กที่บ้านยากจนอยากเรียนมาบวชเรียนที่วัดซึ่งจะไปติดป้ายตามจังหวัดต่างๆ จนกระทั่งไปถึงจ.บุรีรัมย์ แล้วจะมาทางสระแก้วซึ่งเข้ามาทางบ้านผม พอเข้าสระแก้ถึงถนนเส้นท่าเกษมผมก็สังเกตุเห็นถนนมันสะท้อนแสง ความคิดของเราก็ผุดขึ้นมาในหัวว่า ถ้ารถเบรคกะทันหันคงจะเอาไม่อยู่เนาะ ผมก็คิดแค่นั้นก็ไม่มีอะไร
คืนนั้นพระอาจารย์ก็พาไปนอนที่วัดใกล้บ้านของพระอาจารย์ ผมก็นอนตามปกติ แต่คืนนั้นผมฝันว่า " คือมีเพื่อน สมัยเด็กๆ และเอ๋ พากันมานั่งเล่นบนสะพานแขวน ซึ่งสะพานนี้จะแขวนอยูกลางภูเขา 2 สองลูก ก็เหมือนนั่งดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็นครับ พอรู้สึกว่าเริ่มเย็นแล้วผมก็เลยชวนเพื่อนๆกลับ เพื่อนก็ก็พากันเดินกลับกันแล้ว ผมก็กำลังเดินตามเพื่อนๆไป ซึ่งเอ๋ที่ยืนอยู่ด้านหลังผมถามผมว่า " กล้วย ไปอยู่กับเรามั้ย ผมก็นึกขึ้นได้ว่าเอ๋เสียไปแล้ว ผมจึงปฏิเสธเอ๋ว่า "เอ๋เสียไปแล้วเราไปด้วยไม่ได้หรอก เรามีพ่อแม่ที่ต้องดูแล " เอ๋เข้าก็สวนผมกลับมาว่า "ทีเราหล่ะ เราก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลเหมือนกันทำไมเราถึงตายอ่ะ"
ผมก็เลยพูดไปว่า เอ๋เป็นโรคนะ เอ๋ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย พูดจบผมก็เดินกลับไปหาเพื่อนๆ แต่เอ๋ก็ยืนอยู่ตรงที่เดิมครับ หลังจากนั้นผมก็ตื่นก็ไม่ได้คิดอะไร
ก้เตรียมตัวกลับวัดที่กำแพงเพชร ผมเดินมานั่งข้างรถตู้แล้วมองไปที่ล้อรถตู้ แล้วสังเกตุเห็นล้อมันดูเหมือนว่าถ้าบวกกับถนนที่ผมเจอเมื่อตอนที่เดินทางเข้าสระแก้วคงคุมรถไม่อยู่แน่ 
พอถึงเวลาขึ้นรถ ปกติผมจะไม่ค่อยนั่งด้านหน้า แต่วันนั้นไม่รู้อะไรดนใจให้ผมนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ โดยให้เหตุผลว่าด้านหน้าแอร์มันเย็นดี หลังจากนั้นก็ออกรถตามปกติ พออกรถไปได้สักพักผมก้เห็นว่ากล้องหน้ารถยังไม่ได้เสียบ ผมก็ลังเลว่าจะเสียบดีไหมเพราะเรากลัวว่าอาจารย์แกเป็นคนถอดออกแล้วถ้าเราเสียบก้กลัวแกจะว่าเอา  ไอเรามันก็ดื้อสะด้วย รอจังหวะพระอาจารย์แกหลับบวกกับแวะปั้มพอดีผมก็เลยหยิบกล้องหน้ารถขึ้นมาเสียบ ที่อยากเสียบเปิดกล้องหน้ารถเพราะในใจคิดมาตลอดทางว่า ช่วงนี้ใกล้ช่วงสงกรานต์เผื่อมีอุบัติเหตุรถข้างหน้าชนกันหรือรถเราชนคนจะได้มีหลักฐานไว้ให้ตำรวจ ในใจคือคิดแต่นั้นจริงๆ พอออกจากปั้มน้ำมันมาได้สักพัก ผมก็เคลิ้มๆจะหลับ แต่รู้สึกตัวตื่นตอนรถตู้เบรคเหมือนรถด้านหน้าเขเบรคไปนิดนึง ผมก็พยายามจะไม่หลับ แต่ก็ดันเคลิ้มๆอีกรอบ ครั้งนี้สดุ้งตื่นเพราะรถเบรคจนล้อล็อค ผมเห็นรถกะบะข้างหน้าหยุดไปแล้ว คนขับรถตู้แกหักรถเบียดเข้าทางเกาะกลางถนนซึ่งมีช่องพอให้รถที่ผมนั่งแทรกเข้าไปได้แต่พอจะพ้นรถกะบะไปแล้วผมเห็นคนเดิมออกมาจกหน้ารถกะบบโดยที่ไม่มองรถเลยคือตอนนั้นผมหันไปมองหน้าคนขับแกก็กัดฟันแน่นแล้ว คือมันไม่มีทางให้รถไปแล้ว จนสุดท้ายรถที่ผมนั่งอยู่ก็ได้ชนลุงคนนั้นไป ผมเห็นน้ำแข็งกับขวดเหล้าที่แกถือมากระจายออกไปกับพื้นทั้งหมดเลย ผมหันไปมองกล้องหน้ารถมันก็แหงนขึ้นไปข้างบน ผมเลยกดมันลงให้เห็นตรงที่ลุงคนนั้นนอนอยู่ หลังจากนั้นตำรวจมาเคลียร์พื้นที่เสร็จก้พากันไปที่โรงพัก ตอนนั้นน่าจะอยู่ที่สระบุรี สรุปลุงคนนั้นแกก็ไปเสียที่ ร.พ แต่ก็มาทราบทีหลังว่าลุงที่โดนชนแกนามสกุลเดียวกับแม่ของพระอาจารย์ของผม เรื่องก็มีประมาณนี้ครับ

ปล.ผมเรียบเรียงไม่เก่งเลยอาจจะไม่ค่ยรู้เรื่องนะครับ
(เรื่องนี้อาจจะไม่ได้เจอผีหรืออาจจะไม่ได้น่ากลัวนะครับ เป็นแค่ประสบการณ์ลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผม)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่