อิสราเอล “จู่โจมจำกัดวงครั้งใหญ่” ในกาซา ลั่น “ยังให้โอกาส” ฮามาสปล่อยตัวประกัน.
https://www.dailynews.co.th/news/2841273/
กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการ "จู่โจมจำกัดวงครั้งใหญ่" ในฉนวนกาซา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการบุกภาคพื้นดิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงกล่าวว่า "กำลังให้โอกาส" กลุ่มฮามาส ในการปล่อยตัวประกันทั้งหมด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่า กองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่าหน่วยรบพิเศษ “
ปฏิบัติการจู่โจมแบบจำกัดวง” ต่อเป้าหมายบางแห่ง ในเขตทางเหนือของฉนวนกาซา โดยมีการโจมตีผู้ก่อการร้าย และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาส ซึ่งรวมถึงการทำลายฐานยิงจรวดต่อต้านรถถัง เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ทหารถอนกำลังออกมาแล้วทั้งหมดเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ซึ่งมีขอบเขตกว้างกว่าปฏิบัติการแบบจำกัดวง ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ก่อนการเปิดฉากปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา ที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอลกล่าวว่า จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ขอระบุช่วงเวลาชัดเจน
ขณะที่นาย
ไมเคิล เฮอร์ซ็อก เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหรัฐ กล่าวว่า อิสราเอล “
กำลังให้โอกาส” กลุ่มฮามาส ในการปล่อยตัวประกันทั้งหมด “
อย่างไม่มีเงื่อนไข”พร้อมทั้งเน้นว่า การควบคุมตัวประกัน “
เป็นอาชญากรรม” ท่ามกลางการวิเคราะห์ของหลายฝ่าย ว่าอิสราเอลชะลอปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา เพื่อเพิ่มเวลาให้กับกาตาร์และอียิปต์ ในการเจรจาอิสรภาพของตัวประกันราว 200 คน ที่จนถึงตอนนี้ กลุ่มฮามาสปล่อยตัวออกมาเพียง 4 คน.
“จิรัฏฐ์”ข้องใจ ร่างประชามติไม่ผ่านสภาฯ ทำไมมองประชาชนโง่ เชื่อส.ส.ร.ไม่มาจากเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4251946
จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวในรายการ The Politics กรณีที่ประชุมสภาฯ คว่ำร่างประชามติของ “
ก้าวไกล” ว่า รู้สึกผิดหวังที่ญัตติที่เสนอไม่ผ่าน ทำไมมองประชาชนว่าโง่กว่าส.ส. แล้วจะมีประชาธิปไตยมาทำไม อีกทั้งตั้งส.ส.ร.โดยการเลือกตั้งขัดหลักประชาธิปไตยอย่างไร ไม่เข้าใจว่าจะศึกษาอะไร และศึกษาเพื่ออะไร พร้อมยืนยันไม่เข้าไปมีส่วนร่วมกับกระบวนการนี้แน่นอน เชื่อว่า สิ่งที่จะออกมาคือ ส.ส.ร.ไม่ใด้มาจากการเลือกตั้ง 100% และการแก้รัฐธรรมนูญจะแก้เพียงบางมาตราเท่านั้น ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
ศิริกัญญา แนะรบ.พูดตรงๆ ดิจิทัลติดปัญหาอะไร ถึงปรับเกณฑ์ใหม่ ไม่จ่ายถ้วนหน้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4251894
‘ศิริกัญญา’ มอง ปรับเกณฑ์ดิจิทัลวอลเล็ตไม่จ่ายถ้วนหน้า เหตุงบไม่เพียงพอ แนะรบ.ทวนนโยบายใหม่ อย่ายึดติดรูปแบบให้เน้นตามวัตถุประสงค์เดิม ระบุ หากไม่ใช้งบผูกพันร้านค้าไร้แรงจูงใจร่วมโครงการ หวั่น โครงการไม่ต่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ชี้ หากออกพ.ร.ก.เงินกู้เป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 ตุลาคม 2566 ที่รัฐสภา น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กระทรวงการคลังออกหลักเกณฑ์ใหม่ว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท อาจจะไม่ได้ครบทุกคน มองกรณีอย่างไร ว่า คิดว่า ปัญหาสำคัญที่จำเป็นจะต้องมีการปรับหลักเกณฑ์ที่คัดกรองคนรวยออก ไม่ว่าจะเป็น 1.คนที่มีเงินเดือน 25,000 บาท ขึ้นไป 2.เงินเดือนเกิน 50,000 บาท ขึ้นไป 3.ตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลน่าจะมีปัญหาในเรื่องงบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการอย่างแน่นอน จึงจำเป็นที่จะต้องลด จำนวนคนที่ได้รับผลประโยชน์ แต่ถึงแม้จะพยายามลดจำนวนลงแล้ว แต่ยังพบว่ามีคนที่จะต้องได้รับอยู่ที่ประมาณ 43-49 ล้านคนอยู่ดี ดังนั้นโอกาสที่จะใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ก็มีค่อนข้างน้อย
น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ยังมีข้อเสนอว่า จะใช้งบผูกพันปีละ 1 แสนล้านบาท เป็นเวลา 4 ปี ยิ่งชัดเจนว่าหลังจากคำนวณแล้ว แสดงว่า งบฯปี 67 มีที่ว่างให้ ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพียงแค่ 1 แสนล้านบาทเท่านั้น และหากต้องผูกพันไป 4 ปี เท่ากับว่า จะมีร้านค้าบางส่วนที่จะไม่ได้เงินสดในทันที แต่ต้องรอแลกเป็นรายรอบปีงบประมาณ ซึ่งจะกระทบกับร้านค้า เพราะหากต้องการเงินสดมาหมุนเวียนในร้านค้าของตัวเอง ก็จะไม่มีแรงจูงใจมากพอ และจะไม่เข้าร่วมในโครงการนี้ด้วยซ้ำ เป็นการตอกย้ำกับสิ่งที่ตนเคยพูดว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตมาถึงทางตันแล้ว เนื่องจากไม่สามารถที่จะให้ธนาคารของรัฐ หรือธนาคารออมสินดำเนินโครงการนี้ ออกไปก่อนได้ จึงติดข้อจำกัดหลักที่เป็นตอใหญ่ คือเรื่องของงบประมาณและที่มาที่จะต้องใช้ในครั้งนี้
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า คิดว่า การปรับเงื่อนไขในครั้งนี้ต้องพิจารณาด้วย ว่ายังคงสามารถทำได้ตามวัตถุประสงค์และผลที่คาดว่า จะได้รับดั้งเดิมหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนไปหมดแล้วก็อาจจะต้องทบทวนวิธีการและนโยบายใหม่ทั้งหมดด้วยซ้ำไป
เมื่อถามว่า การปรับหลักเกณฑ์ จะทำให้จำนวนผู้ที่ได้รับเงินลดลงไป สะท้อนอะไรได้บ้าง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จริงๆ ลดไปแค่นิดเดียว หากใช้เกณฑ์แรกจะลดลงไปแค่ 13 ล้านคน หากใช้เกณฑ์ที่สอง จะลดไปแค่ 7 ล้านคน ดังนั้น การปรับหลักเกณฑ์เหล่านี้อาจจะไม่ช่วยอะไรมากนักในแง่ประหยัดงบประมาณลง เป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องคำนึงว่าจะทำอย่างไรต่อ แต่ถ้าปรับไปใช้ทางเลือกที่สาม คือใช้เกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็จะไม่ใช่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยซ้ำ แต่เป็นการประคับประคองค่าครองชีพให้แก่ผู้ที่มีรายได้น้อย หรือผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแทน เป็นการเปลี่ยนรูปแบบ วัตถุประสงค์ และผลที่จะได้รับอย่างชัดเจน
ดังนั้น ถ้าจะคงรูปแบบเป็นแค่การแจกเงินไว้ แต่วัตถุประสงค์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่พูด ก็ควรจะต้องมีการทบทวน เข้าใจดีว่า นโยบายนี้เป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงไว้ แต่ถ้าสามารถบอกได้อย่างตรงไปตรงมา ว่า ติดปัญหาเรื่องอะไร ก็คิดว่าประชาชนจะเข้าใจได้ ว่ารัฐบาลได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะทำโครงการนี้ แต่มีอุปสรรคชิ้นใหญ่ คืองบประมาณ
เมื่อถามว่า คำว่า ทบทวน หมายถึงยกเลิกโครงการนี้ใช่หรือไม่ น.ส.
ศิริกัญญากล่าวว่า เป็นการเปลี่ยนวิธีการมากกว่า เข้าใจดีว่าสัญญาทางใจที่มีไว้ให้ผู้สนับสนุนก็สำคัญเช่นกัน แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน เราก็มีวิธีการที่จะไปได้หลายทาง
เมื่อถามว่า สุดท้ายโครงการนี้จะกลับไปเป็นเหมือนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือไม่ น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องรอดูว่า จะกลายเป็นรูปแบบนั้นหรือไม่ แต่งบประมาณที่นำไปทบทวนกับแต่ละหน่วยงานของรัฐนั้น เขาทำกันเสร็จแล้ว และเริ่มทยอยส่งกลับมาที่สำนักงบประมาณแล้ว ดังนั้น สำนักงบฯ มีข้อมูลอยู่ในมือแล้ว ว่าสามารถตัดลดหรือเกลี่ยงบประมาณของปี 67 ได้เท่าไหร่ ซึ่งปรากฏว่าได้แค่ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นถ้าจะไม่ทำประมาณผูกพันข้ามปี ทางออกทางเดียว คือให้เฉพาะผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็จะไม่ใช่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเพียงแค่การเยียวยาค่าครองชีพ ต้องบอกรัฐบาลว่าต้องทบทวนวัตถุประสงค์ของโครงการนี้อย่างจริงจัง อย่ายึดติดที่รูปแบบ แต่ให้ดูที่เป้าหมายว่าอยากได้ผลลัพธ์อะไร และออกแบบนโยบายให้เป็นไปตามนั้นมากกว่า
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจะตรวจสอบโครงการนี้อย่างไรบ้าง น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ต้องรอให้คณะกรรมการชุดใหญ่ของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีมติออกมาก่อน เพราะขณะนี้มีเพียงแค่ความเห็นของอนุกรรมการเท่านั้น เรายังใจดีให้เวลารัฐบาลกลับไปคิดทบทวนรายละเอียดทุกอย่าง และให้คณะกรรมการชุดใหญ่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี และเราจะทำการตรวจสอบกันต่อไป ซึ่งหลายกรรมาธิการได้ตั้งท่ารอที่จะเรียกหน่วยงานมาพูดคุยในรายละเอียดอยู่ กระทู้สดก็ยังรออยู่แม้จะเป็นช่วงปิดสมัยประชุมไปแล้ว แต่เปิดสมัยประชุมเมื่อไหร่ ก็คงจะมีการพูดคุยในเรื่องนี้อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า จากเกณฑ์ที่ออกมา การคัดกรองจะมีปัญหาหรือไม่ว่าใครมีรายได้เท่าไหร่บ้าง น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ไม่อยากให้สับสนในเรื่องนี้ เพราะปัญหาใหญ่คือเรื่องของงบประมาณมากกว่า ส่วนเรื่องหลักเกณฑ์เข้าใจว่าเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในการคัดครองผู้ที่ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยดูรายได้จากการยื่นต่อสรรพากร และขอข้อมูลจากธนาคารพาณิชย์ว่ามีเงินฝากเท่าไหร่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าจะยาก แต่อาจจะมีความผิดพลาดเพราะบางคนอาจจะไม่ได้ยื่นรายได้ต่อสรรพากร หรือมีสินทรัพย์ที่ไม่ใช่เงินฝาก
เมื่อถามถึงกรณีที่ นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า จะไม่ใช้งบผูกพัน แต่หากงบกลางปี 67 ไม่เพียงพอ ก็จะต้องใช้งบผูกพันใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ถ้าเป็นหลักเกณฑ์แรกที่จะต้องใช้เม็ดเงิน 430,000 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณปี 67 ไม่พอแน่นอน ถ้าไม่ใช่งบผูกพันเลยก็น่าจะมีเม็ดเงินอยู่ 1 แสนล้านบาท ซึ่งก็จะเปิดทางให้หลักเกณฑ์ข้อที่ 3 นั่นคือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนั้น จึงอยากให้พุ่งไปที่แหล่งที่มางบประมาณมากกว่า มีเงินเท่าไหร่กันแน่ที่จะใช้ทำโครงการนี้
เมื่อถามว่า หากอนุกรรมการหารือกับธนาคารกรุงไทย จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า ยิ่งเป็นไปไม่ได้กันใหญ่ น่าจะหารือกับธนาคารกรุงไทยในเรื่องการทำซุปเปอร์แอป เพราะธนาคารกรุงไทยมีประสบการณ์ในการทำแอปเป๋าตังมาก่อน ธนาคารกรุงไทยน่าจะเป็นผู้ดำเนินการทำแอปพลิเคชันต่อได้อย่างรวดเร็ว ในส่วนแหล่งเงินที่จะใช้ในโครงการนี้นั้น ไม่ใช่มาจากธนาคารออมสิน เพราะติดข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ออมสิน มาตรา 7 ที่ระบุวัตถุประสงค์ที่ธนาคารสามารถทำได้ ซึ่งไม่มีข้อไหนที่จะให้ดำดเนินโครงการแจกเงินได้เลยแม้แต่ข้อเดียว ไม่อย่างนั้นต้องแก้ไขกฎหมายผ่านสภาฯ
เมื่อถามว่า มองอย่างไร หากรัฐบาลเลิกใช้วิธีออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินฉุกเฉิน เป็นหนทางสุดท้าย น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า ในทางเทคนิคการออกพ.ร.ก.เงินกู้เหมือนช่วงวิกฤติโควิด ที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินนั้นเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด แต่ในขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน ว่าพ.ร.ก.จะออกได้ เมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น ก็ต้องถามสำนักบริหารหนี้ ส.บ.น. ว่าจะยอมกู้ให้หรือไม่ในกรณีที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน และเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ แต่ในทางการเมืองต้องยอมรับว่า การออกพ.ร.ก.เงินกู้ขณะนี้ ที่ไม่ได้เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจหนักขนาดนั้นก็ต้องเจอแรงต้านมหาศาลแน่นอน
“
เตือนไว้ว่า ถ้าออกเป็นพ.ร.ก.เงินกู้เมื่อไหร่ นี่อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมืองได้” น.ส.ศิริกัญญากล่าว
JJNY : อิสราเอลลั่น“ยังให้โอกาส”ฮามาส│“จิรัฏฐ์”ข้องใจ ร่างประชามติไม่ผ่าน│ศิริกัญญาแนะรบ.พูดตรงๆ│โรงงานน้ำตาลทรายรับขึ้น
https://www.dailynews.co.th/news/2841273/
กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการ "จู่โจมจำกัดวงครั้งใหญ่" ในฉนวนกาซา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการบุกภาคพื้นดิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงกล่าวว่า "กำลังให้โอกาส" กลุ่มฮามาส ในการปล่อยตัวประกันทั้งหมด
ทั้งนี้ ทหารถอนกำลังออกมาแล้วทั้งหมดเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ซึ่งมีขอบเขตกว้างกว่าปฏิบัติการแบบจำกัดวง ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ก่อนการเปิดฉากปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา ที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอลกล่าวว่า จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ขอระบุช่วงเวลาชัดเจน
ขณะที่นายไมเคิล เฮอร์ซ็อก เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหรัฐ กล่าวว่า อิสราเอล “กำลังให้โอกาส” กลุ่มฮามาส ในการปล่อยตัวประกันทั้งหมด “อย่างไม่มีเงื่อนไข”พร้อมทั้งเน้นว่า การควบคุมตัวประกัน “เป็นอาชญากรรม” ท่ามกลางการวิเคราะห์ของหลายฝ่าย ว่าอิสราเอลชะลอปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา เพื่อเพิ่มเวลาให้กับกาตาร์และอียิปต์ ในการเจรจาอิสรภาพของตัวประกันราว 200 คน ที่จนถึงตอนนี้ กลุ่มฮามาสปล่อยตัวออกมาเพียง 4 คน.
“จิรัฏฐ์”ข้องใจ ร่างประชามติไม่ผ่านสภาฯ ทำไมมองประชาชนโง่ เชื่อส.ส.ร.ไม่มาจากเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4251946
จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวในรายการ The Politics กรณีที่ประชุมสภาฯ คว่ำร่างประชามติของ “ก้าวไกล” ว่า รู้สึกผิดหวังที่ญัตติที่เสนอไม่ผ่าน ทำไมมองประชาชนว่าโง่กว่าส.ส. แล้วจะมีประชาธิปไตยมาทำไม อีกทั้งตั้งส.ส.ร.โดยการเลือกตั้งขัดหลักประชาธิปไตยอย่างไร ไม่เข้าใจว่าจะศึกษาอะไร และศึกษาเพื่ออะไร พร้อมยืนยันไม่เข้าไปมีส่วนร่วมกับกระบวนการนี้แน่นอน เชื่อว่า สิ่งที่จะออกมาคือ ส.ส.ร.ไม่ใด้มาจากการเลือกตั้ง 100% และการแก้รัฐธรรมนูญจะแก้เพียงบางมาตราเท่านั้น ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 ตุลาคม 2566 ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กระทรวงการคลังออกหลักเกณฑ์ใหม่ว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท อาจจะไม่ได้ครบทุกคน มองกรณีอย่างไร ว่า คิดว่า ปัญหาสำคัญที่จำเป็นจะต้องมีการปรับหลักเกณฑ์ที่คัดกรองคนรวยออก ไม่ว่าจะเป็น 1.คนที่มีเงินเดือน 25,000 บาท ขึ้นไป 2.เงินเดือนเกิน 50,000 บาท ขึ้นไป 3.ตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลน่าจะมีปัญหาในเรื่องงบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการอย่างแน่นอน จึงจำเป็นที่จะต้องลด จำนวนคนที่ได้รับผลประโยชน์ แต่ถึงแม้จะพยายามลดจำนวนลงแล้ว แต่ยังพบว่ามีคนที่จะต้องได้รับอยู่ที่ประมาณ 43-49 ล้านคนอยู่ดี ดังนั้นโอกาสที่จะใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ก็มีค่อนข้างน้อย
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ยังมีข้อเสนอว่า จะใช้งบผูกพันปีละ 1 แสนล้านบาท เป็นเวลา 4 ปี ยิ่งชัดเจนว่าหลังจากคำนวณแล้ว แสดงว่า งบฯปี 67 มีที่ว่างให้ ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพียงแค่ 1 แสนล้านบาทเท่านั้น และหากต้องผูกพันไป 4 ปี เท่ากับว่า จะมีร้านค้าบางส่วนที่จะไม่ได้เงินสดในทันที แต่ต้องรอแลกเป็นรายรอบปีงบประมาณ ซึ่งจะกระทบกับร้านค้า เพราะหากต้องการเงินสดมาหมุนเวียนในร้านค้าของตัวเอง ก็จะไม่มีแรงจูงใจมากพอ และจะไม่เข้าร่วมในโครงการนี้ด้วยซ้ำ เป็นการตอกย้ำกับสิ่งที่ตนเคยพูดว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตมาถึงทางตันแล้ว เนื่องจากไม่สามารถที่จะให้ธนาคารของรัฐ หรือธนาคารออมสินดำเนินโครงการนี้ ออกไปก่อนได้ จึงติดข้อจำกัดหลักที่เป็นตอใหญ่ คือเรื่องของงบประมาณและที่มาที่จะต้องใช้ในครั้งนี้
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า คิดว่า การปรับเงื่อนไขในครั้งนี้ต้องพิจารณาด้วย ว่ายังคงสามารถทำได้ตามวัตถุประสงค์และผลที่คาดว่า จะได้รับดั้งเดิมหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนไปหมดแล้วก็อาจจะต้องทบทวนวิธีการและนโยบายใหม่ทั้งหมดด้วยซ้ำไป
เมื่อถามว่า การปรับหลักเกณฑ์ จะทำให้จำนวนผู้ที่ได้รับเงินลดลงไป สะท้อนอะไรได้บ้าง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จริงๆ ลดไปแค่นิดเดียว หากใช้เกณฑ์แรกจะลดลงไปแค่ 13 ล้านคน หากใช้เกณฑ์ที่สอง จะลดไปแค่ 7 ล้านคน ดังนั้น การปรับหลักเกณฑ์เหล่านี้อาจจะไม่ช่วยอะไรมากนักในแง่ประหยัดงบประมาณลง เป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องคำนึงว่าจะทำอย่างไรต่อ แต่ถ้าปรับไปใช้ทางเลือกที่สาม คือใช้เกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็จะไม่ใช่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยซ้ำ แต่เป็นการประคับประคองค่าครองชีพให้แก่ผู้ที่มีรายได้น้อย หรือผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแทน เป็นการเปลี่ยนรูปแบบ วัตถุประสงค์ และผลที่จะได้รับอย่างชัดเจน
ดังนั้น ถ้าจะคงรูปแบบเป็นแค่การแจกเงินไว้ แต่วัตถุประสงค์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่พูด ก็ควรจะต้องมีการทบทวน เข้าใจดีว่า นโยบายนี้เป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงไว้ แต่ถ้าสามารถบอกได้อย่างตรงไปตรงมา ว่า ติดปัญหาเรื่องอะไร ก็คิดว่าประชาชนจะเข้าใจได้ ว่ารัฐบาลได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะทำโครงการนี้ แต่มีอุปสรรคชิ้นใหญ่ คืองบประมาณ
เมื่อถามว่า คำว่า ทบทวน หมายถึงยกเลิกโครงการนี้ใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เป็นการเปลี่ยนวิธีการมากกว่า เข้าใจดีว่าสัญญาทางใจที่มีไว้ให้ผู้สนับสนุนก็สำคัญเช่นกัน แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน เราก็มีวิธีการที่จะไปได้หลายทาง
เมื่อถามว่า สุดท้ายโครงการนี้จะกลับไปเป็นเหมือนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องรอดูว่า จะกลายเป็นรูปแบบนั้นหรือไม่ แต่งบประมาณที่นำไปทบทวนกับแต่ละหน่วยงานของรัฐนั้น เขาทำกันเสร็จแล้ว และเริ่มทยอยส่งกลับมาที่สำนักงบประมาณแล้ว ดังนั้น สำนักงบฯ มีข้อมูลอยู่ในมือแล้ว ว่าสามารถตัดลดหรือเกลี่ยงบประมาณของปี 67 ได้เท่าไหร่ ซึ่งปรากฏว่าได้แค่ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นถ้าจะไม่ทำประมาณผูกพันข้ามปี ทางออกทางเดียว คือให้เฉพาะผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็จะไม่ใช่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเพียงแค่การเยียวยาค่าครองชีพ ต้องบอกรัฐบาลว่าต้องทบทวนวัตถุประสงค์ของโครงการนี้อย่างจริงจัง อย่ายึดติดที่รูปแบบ แต่ให้ดูที่เป้าหมายว่าอยากได้ผลลัพธ์อะไร และออกแบบนโยบายให้เป็นไปตามนั้นมากกว่า
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจะตรวจสอบโครงการนี้อย่างไรบ้าง น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ต้องรอให้คณะกรรมการชุดใหญ่ของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีมติออกมาก่อน เพราะขณะนี้มีเพียงแค่ความเห็นของอนุกรรมการเท่านั้น เรายังใจดีให้เวลารัฐบาลกลับไปคิดทบทวนรายละเอียดทุกอย่าง และให้คณะกรรมการชุดใหญ่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี และเราจะทำการตรวจสอบกันต่อไป ซึ่งหลายกรรมาธิการได้ตั้งท่ารอที่จะเรียกหน่วยงานมาพูดคุยในรายละเอียดอยู่ กระทู้สดก็ยังรออยู่แม้จะเป็นช่วงปิดสมัยประชุมไปแล้ว แต่เปิดสมัยประชุมเมื่อไหร่ ก็คงจะมีการพูดคุยในเรื่องนี้อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า จากเกณฑ์ที่ออกมา การคัดกรองจะมีปัญหาหรือไม่ว่าใครมีรายได้เท่าไหร่บ้าง น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ไม่อยากให้สับสนในเรื่องนี้ เพราะปัญหาใหญ่คือเรื่องของงบประมาณมากกว่า ส่วนเรื่องหลักเกณฑ์เข้าใจว่าเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในการคัดครองผู้ที่ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยดูรายได้จากการยื่นต่อสรรพากร และขอข้อมูลจากธนาคารพาณิชย์ว่ามีเงินฝากเท่าไหร่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าจะยาก แต่อาจจะมีความผิดพลาดเพราะบางคนอาจจะไม่ได้ยื่นรายได้ต่อสรรพากร หรือมีสินทรัพย์ที่ไม่ใช่เงินฝาก
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า จะไม่ใช้งบผูกพัน แต่หากงบกลางปี 67 ไม่เพียงพอ ก็จะต้องใช้งบผูกพันใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ถ้าเป็นหลักเกณฑ์แรกที่จะต้องใช้เม็ดเงิน 430,000 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณปี 67 ไม่พอแน่นอน ถ้าไม่ใช่งบผูกพันเลยก็น่าจะมีเม็ดเงินอยู่ 1 แสนล้านบาท ซึ่งก็จะเปิดทางให้หลักเกณฑ์ข้อที่ 3 นั่นคือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนั้น จึงอยากให้พุ่งไปที่แหล่งที่มางบประมาณมากกว่า มีเงินเท่าไหร่กันแน่ที่จะใช้ทำโครงการนี้
เมื่อถามว่า หากอนุกรรมการหารือกับธนาคารกรุงไทย จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ยิ่งเป็นไปไม่ได้กันใหญ่ น่าจะหารือกับธนาคารกรุงไทยในเรื่องการทำซุปเปอร์แอป เพราะธนาคารกรุงไทยมีประสบการณ์ในการทำแอปเป๋าตังมาก่อน ธนาคารกรุงไทยน่าจะเป็นผู้ดำเนินการทำแอปพลิเคชันต่อได้อย่างรวดเร็ว ในส่วนแหล่งเงินที่จะใช้ในโครงการนี้นั้น ไม่ใช่มาจากธนาคารออมสิน เพราะติดข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ออมสิน มาตรา 7 ที่ระบุวัตถุประสงค์ที่ธนาคารสามารถทำได้ ซึ่งไม่มีข้อไหนที่จะให้ดำดเนินโครงการแจกเงินได้เลยแม้แต่ข้อเดียว ไม่อย่างนั้นต้องแก้ไขกฎหมายผ่านสภาฯ
เมื่อถามว่า มองอย่างไร หากรัฐบาลเลิกใช้วิธีออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินฉุกเฉิน เป็นหนทางสุดท้าย น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ในทางเทคนิคการออกพ.ร.ก.เงินกู้เหมือนช่วงวิกฤติโควิด ที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินนั้นเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด แต่ในขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน ว่าพ.ร.ก.จะออกได้ เมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น ก็ต้องถามสำนักบริหารหนี้ ส.บ.น. ว่าจะยอมกู้ให้หรือไม่ในกรณีที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน และเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ แต่ในทางการเมืองต้องยอมรับว่า การออกพ.ร.ก.เงินกู้ขณะนี้ ที่ไม่ได้เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจหนักขนาดนั้นก็ต้องเจอแรงต้านมหาศาลแน่นอน
“เตือนไว้ว่า ถ้าออกเป็นพ.ร.ก.เงินกู้เมื่อไหร่ นี่อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมืองได้” น.ส.ศิริกัญญากล่าว