#AI #GenerativeAI #GenAI
ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในปีนี้สำหรับแอปฯ ที่เปลี่ยนภาพธรรมดา ให้กลายเป็นภาพในสไตล์ต่าง ๆ เช่น ภาพอนิเมะ ภาพสามมิติ หรือภาพสไตล์ภาพวาดลายเส้น ที่แอปฯ เหล่านี้สามารถเนรมิตภาพที่เราต้องการได้ เพราะมันมีผู้ช่วยที่เก่งมาก ๆ นั่นก็คือ “Generative AI” ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างมาให้สามารถรับคำสั่ง โดยการป้อนตัวอักษร หรือคำสั่ง (Prompt) เพื่อสร้างสิ่งที่เราต้องการอย่างเช่น รูปภาพ ข้อความ หรือวิดีโอเรียกได้ว่า Generative AI เป็นอีกก้าวหนึ่งของเทคโนโลยี AI ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบการทำงานแบบเดิม ๆ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น วันนี้เรามารู้จัก Generative AI กันได้เลย
Generative AI คืออะไร?
Generative AI (Gen-AI) คือ AI ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะให้มีความสามารถในการ “สร้างใหม่” จากชุดข้อมูลที่มีอยู่ ด้วยอัลกอริทึมแบบ Generative Model เช่น Generative adversarial network: GANs), Variational autoencoders: VAEs, Autoregressive models โดยสามารถนำมาใช้งานหลากหลาย เช่น การสร้างภาพ การประมวลผล การสร้างเสียงดนตรี ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอย่าง DALL-E AI Text-to-image ที่สามารถสร้างรูปภาพจากคำสั่ง (prompt) โดยที่รูปนั้นเป็นผลงานชิ้นใหม่ มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตัวเอง หรือ ChatGPT AI Chatbot ที่ตอบคำถามเราอย่างเป็นธรรมชาติและลื่นไหล กล่าวง่ายๆ การสร้างเนื้อหาขึ้นใหม่จากข้อมูลที่มีอยู่ คือ นิยามสั้นๆ ของ Gen-AI หรือสังเกตง่ายๆ ผลลัพธ์ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือเพลง จาก Gen-AI จะแตกต่างกันไปตามข้อมูลที่เราป้อนเข้าไป (prompt) นั่นเอง
Generative AI ทำงานได้อย่างไร?
Generative AI คือ อีกหนึ่งรูปแบบของ AI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เราสร้างสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ ข้อความ เสียง หรือวิดีโอ Generative AI นั้นมีรูปแบบการทำงานที่คล้ายกับสมองของคนเรา คือสามารถคิด ประมวลผลสิ่งต่าง ๆ และเรียนรู้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะแบบนี้ Generative AI จึงสามารถใช้ข้อมูลที่ได้เรียนรู้สร้างสิ่งต่าง ๆ ให้ออกมาเป็นผลงานใหม่ที่มีความคล้ายกับสิ่งที่ได้เรียนรู้
ตัวอย่างเช่น Generative AI ใน Chat GPT ที่เราสามารถเขียน Prompt คำถามในเรื่องต่าง ๆ ให้ AI ช่วยตอบคำถาม ในส่วนการทำงานเบื้องหลังของ Chat GPT ก็จะมีการทำงานของ Generative AI ที่ช่วยประมวลผลคำถาม และสร้างคำตอบให้มีความแม่นยำ ลื่นไหลเป็นธรรมชาติที่สุด หรือจะเป็นแอปฯ Canva ที่มีบริการแบบ Text to Image ก็มีการนำ Generative AI เข้าไปใช้งานให้เรา Prompt คำสั่งสร้างรูปภาพเพียงแค่เขียนคำสั่งลงไป Generative AI ก็จะประมวลผลคำสั่งเหล่านั้นออกมาเป็นรูปภาพให้ตรงใจกับเรามากที่สุด แล้ว Generative AI เปลี่ยนภาพเก่า ๆ ให้มีความคมชัด เหมือนเพิ่งถ่ายได้อย่างไร? ซึ่งที่ AI ทำนั่นก็คือ ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Super Resolution ซึ่งเป็นการทำให้ภาพที่มีความละเอียดต่ำกลายเป็นภาพที่มีความละเอียดสูงโดยอาศัยข้อมูลของภาพที่มีความละเอียดต่ำ สำหรับเทคนิค Super Resolution มีเทคนิคอยู่หลายแบบ แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ Deep Learning ซึ่งใช้อัลกอริทึมจาก Machine Learning ในการจำแนก และทำนายข้อมูลของภาพ อัลกอริทึมจะทำการเรียนรู้ด้วยข้อมูลรูปภาพที่มีความละเอียดต่ำ และความละเอียดสูงจำนวนมาก เมื่ออัลกอริทึมได้รับการเรียนรู้เสร็จแล้ว จะสามารถสร้างภาพที่มีความละเอียดต่ำให้เป็นภาพที่มีความละเอียดสูงได้นั่นเอง
ตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวัน สำหรับใช้สร้างภาพ
1. Adobe Firefly
2. Midjourney
3. Stable Diffusion
4. VANCEAI
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี Generative AI ที่หลาย ๆ ซอฟต์แวร์ หรือบริการต่าง ๆ หยิบยกมาใช้เพื่อช่วยให้เราได้สนุกสนานไปกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อีกทั้งทำให้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น
Generative AI คืออะไรและมีวิธีการทำงานได้อย่างไร?
Generative AI (Gen-AI) คือ AI ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะให้มีความสามารถในการ “สร้างใหม่” จากชุดข้อมูลที่มีอยู่ ด้วยอัลกอริทึมแบบ Generative Model เช่น Generative adversarial network: GANs), Variational autoencoders: VAEs, Autoregressive models โดยสามารถนำมาใช้งานหลากหลาย เช่น การสร้างภาพ การประมวลผล การสร้างเสียงดนตรี ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอย่าง DALL-E AI Text-to-image ที่สามารถสร้างรูปภาพจากคำสั่ง (prompt) โดยที่รูปนั้นเป็นผลงานชิ้นใหม่ มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตัวเอง หรือ ChatGPT AI Chatbot ที่ตอบคำถามเราอย่างเป็นธรรมชาติและลื่นไหล กล่าวง่ายๆ การสร้างเนื้อหาขึ้นใหม่จากข้อมูลที่มีอยู่ คือ นิยามสั้นๆ ของ Gen-AI หรือสังเกตง่ายๆ ผลลัพธ์ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือเพลง จาก Gen-AI จะแตกต่างกันไปตามข้อมูลที่เราป้อนเข้าไป (prompt) นั่นเอง
Generative AI ทำงานได้อย่างไร?
Generative AI คือ อีกหนึ่งรูปแบบของ AI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เราสร้างสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ ข้อความ เสียง หรือวิดีโอ Generative AI นั้นมีรูปแบบการทำงานที่คล้ายกับสมองของคนเรา คือสามารถคิด ประมวลผลสิ่งต่าง ๆ และเรียนรู้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะแบบนี้ Generative AI จึงสามารถใช้ข้อมูลที่ได้เรียนรู้สร้างสิ่งต่าง ๆ ให้ออกมาเป็นผลงานใหม่ที่มีความคล้ายกับสิ่งที่ได้เรียนรู้
ตัวอย่างเช่น Generative AI ใน Chat GPT ที่เราสามารถเขียน Prompt คำถามในเรื่องต่าง ๆ ให้ AI ช่วยตอบคำถาม ในส่วนการทำงานเบื้องหลังของ Chat GPT ก็จะมีการทำงานของ Generative AI ที่ช่วยประมวลผลคำถาม และสร้างคำตอบให้มีความแม่นยำ ลื่นไหลเป็นธรรมชาติที่สุด หรือจะเป็นแอปฯ Canva ที่มีบริการแบบ Text to Image ก็มีการนำ Generative AI เข้าไปใช้งานให้เรา Prompt คำสั่งสร้างรูปภาพเพียงแค่เขียนคำสั่งลงไป Generative AI ก็จะประมวลผลคำสั่งเหล่านั้นออกมาเป็นรูปภาพให้ตรงใจกับเรามากที่สุด แล้ว Generative AI เปลี่ยนภาพเก่า ๆ ให้มีความคมชัด เหมือนเพิ่งถ่ายได้อย่างไร? ซึ่งที่ AI ทำนั่นก็คือ ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Super Resolution ซึ่งเป็นการทำให้ภาพที่มีความละเอียดต่ำกลายเป็นภาพที่มีความละเอียดสูงโดยอาศัยข้อมูลของภาพที่มีความละเอียดต่ำ สำหรับเทคนิค Super Resolution มีเทคนิคอยู่หลายแบบ แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ Deep Learning ซึ่งใช้อัลกอริทึมจาก Machine Learning ในการจำแนก และทำนายข้อมูลของภาพ อัลกอริทึมจะทำการเรียนรู้ด้วยข้อมูลรูปภาพที่มีความละเอียดต่ำ และความละเอียดสูงจำนวนมาก เมื่ออัลกอริทึมได้รับการเรียนรู้เสร็จแล้ว จะสามารถสร้างภาพที่มีความละเอียดต่ำให้เป็นภาพที่มีความละเอียดสูงได้นั่นเอง
ตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวัน สำหรับใช้สร้างภาพ
1. Adobe Firefly
2. Midjourney
3. Stable Diffusion
4. VANCEAI
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี Generative AI ที่หลาย ๆ ซอฟต์แวร์ หรือบริการต่าง ๆ หยิบยกมาใช้เพื่อช่วยให้เราได้สนุกสนานไปกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อีกทั้งทำให้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น