เรามาอยู่ยุโรปเพราะสามีเราเป็นเกาหลีที่ครอบครัวอยู่ยุโรป เราอยู่ไทยหน้าที่การงานค่อนข้างดี แต่เราใช้เงินค่อนข้างฟุ่มเฟือยเพราะคิดว่ายังไงก็มีเงินเดือนทุกเดือ น จนเรามาคบกับแฟนคนนี้ ก็บินเยี่ยมกันไปมาเรื่อยๆ 2 ปี เราเจอครอบครัวเขาที่เกาหลีและยุโรป เขาดีกับเรามากๆ เริ่มคุยกันเรืองแต่งงานเราก็เริ่มเก็บเงินได้ปีนึง พอโควิดเริ่มระบาดเราก็บินไม่ได้ เลยคุยกันว่าให้เราย้ายไปยุโรปเลย เราเสียดายงานนะ เราขอเก็บเงินอีกนิดแต่สามีเราบอกว่า เขาพร้อมทุกอย่างมาได้เลย
เราตัดสินใจลาออกแล้วบินไปอยู่กับครอบครัวเขา อาทิตย์แรกเราก็เจอแม่สามีกับพ่อสามีทะเลาะกันแล้ว เราเริ่มใจหวั่นๆว่าจะเป็นไง แต่บ้านอยู่แยกกันเจอกะนแค่ตอนอาหารเย็น เราเลยพยายามไม่สนใจ แล้วมันก็เป็นอย่างงี้อย่างน้อย 1 วันต่ออาทิตย์ บางทีแม่สามีโกรธก็ลามมาหาเรื่องเราด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ
สามเดือน เราคุยกับสามีว่ามันเกินไปแล้ว แม่สามีกำหนดว่าราต้องตื่น 9 โมงเช้า ให้เราทำงานบ้าน ทำอาหาร เราก็พยายามนะ ช่วงแต่งงานใหม่ๆเราคิดว่ามันเป็นการเรียนรู้การเป็นแม่บ้าน แต่ที่บ้านมีหลานของแม่สามีด้วย ซึ่งเราก็ต้องดูแลพวกนั้นด้วย สรุปคือเหมือนเอาเรามาเป็นแม่บ้าน สามีก็พยายามคุยกับแม่ เราเลยได้เวลาคืนกลับมานั่งบ้านตัวเองได้บ้างและเราก็เริ่มเรียนภาษาเดนนิชเลยไม่ค่อยได้อยู่บ้านแล้ว
ปัญหามันเกิดขึ้นตอนเราท้อง เราไม่ได้ตั้งตัวทั้งคู่แต่พอเด็กมาแล้วก็ยอมรับและทำเต็มที่ แม่สามีก็ยังทะเลาะกับพ่อสามีเหมือนเดิม แม่สามีแกเป็นคนอารมณ์ร้าย โกรธก็ทำลายข้างของ แต่พ่อสามีค่อนข้างดีกับเรามากๆนะ แต่หลังๆพอแม่สามีโกรธแกจะมาลงที่เราตลอดจนเราร้องไห้หนักมากจนอ้วก นางก็ไม่สนใจ ตอนนั้นเราคิกว่าต้องออดทนเพื่อลูกที่จะได้เกิดและเป็นสัญชาติเดนนิชพร้อมกับประเทศที่เจริญแล้ว
พอลูกคลอด แม่สามีหย่า พ่อสามีบอกเราก่อนออกจากบ้านนี้ว่า หวังว่าเธอจะไม่เป็นทุกข์กับบ้านหลังนี้นะ ครอบครัวนี้ค่อนข้างประหลาดเธอเข้าใจใช่ไหม เราร้องไห้เลย แม่สามีเริ่มอารมณ์เสียง่ายกว่าปกติ เราไม่เคยจับเด็กเลย พอมีลูกเราก็จะเก้ๆยังๆ แม่สามีก็ด่าเราตลอดเราไม่เคยตอบโต้ พยายามคิดว่าเขาสอน จนครั้งนึงเขาโยน diaper ใส่เรา เรารับไม่ได้กับการกระทำไม่ให้เกียจคนอื่นแบบนี้ เราก็บอกเขาไปว่า you should release my son to me, I'm his Mother. I can take care of him. นางโกรธเดินกระทืบเท้าออกไปเลย
ปัญหามันมาเรื่อยๆจนเราเริ่มไม่ปกติ เราเริ่มคิดว่าตายแล้วน่าจะจบนะ บางเรื่องถ้าเป็นครอบครัวปกติจะขำๆ แต่แม่สามีเราไม่ ถ้าลูกเราร้องไห้แม้แต่แอะเดียว นางจะมาด่าๆๆๆเราบอกว่าดูแลลูกไม่เป็นแล้วดึงลูกเราออกไปเลย จนพบหมอแล้วหมอบอกว่าเราเป็น ซึมเศร้า เริ่มทานยา หลังจากคุยกับหมอ เราเริ่มพยายามกลับมาเป็นตัวเอง ถ้าเขาทำไม่ดีกับเรา ถ้าเขาไม่ให้เกียจเรา เราก็ไม่ให้เกียจเขา
พอเป็นแบบนี้แม่สามีแกก็รู้ตัวและพยายามเบาลง แต่อารมณ์เขาจะขึ้นรุนแรงทุกครั้งที่ลูกเราร้องไห้ เขาพูดใส่หูเราตลอดว่าเราเป็นแม่ที่แย่ เราคุยกับหมอและทีม family ที่มาเยี่ยมบ้าน ทุกคนบอกว่าปัญหายู่ที่แม่สามี ทีมงานเริ่มคุนกับสามีเรา แต่มันก็จบแบบเดิม เนื่องจากสามีเราเป็นซึมเศร้ามา 5 ปีแล้ว เราไม่อยากให้เขากดดัน เราเลยบอกว่าเรามาพยายามด้วยกันใหม่นะ
ปัญหามันก็ยังเป็นแบบเดิมมาเรื่อยๆๆ แม่สามีก็อารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้เรื่อยๆ บางวันก็หาเรื่องด่าเราแบบเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทุกครั้งที่ลูกเราล้มและร้องไห้เราจะเจอแต่คำด่าแบบไม่หยุดหย่อน พอเราตอบโต้นางจะบอกว่าเราไม่มีมารยาททันที เราพยายามดูแลลูกทุกฝีเก้าแต่บางทีมันก็สุดวิสัยจริงๆ แต่ถ้าลูกอยู่กับนางและลูกเราล้ม นางจะหัวเราะกลบเกลือนแค่นั้น
ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่สามีถึงเลิกกับสามีสองครั้ง และเราก็คิดว่าแค่รักมันไม่พอแล้วหละ ตอนนี้เราไม่ต้องการสามี เราต้องการแค่ลูก ตอนนี้ลูกเรา 1 ขวบแล้วและมีพาสปอร์ตแล้ว เรากำลังจะบินกลับไทยพร้อมลูก เราอยากกลับไปมีชีวิตที่ดีเหมือนเดิม เป็นคนที่มีพลังบวกเหมือนเดิม ปราศจากคนบ้าประเภทนี้ในชีวิต
แม่สามีร้ายกับเรามากเลยอะ
เราตัดสินใจลาออกแล้วบินไปอยู่กับครอบครัวเขา อาทิตย์แรกเราก็เจอแม่สามีกับพ่อสามีทะเลาะกันแล้ว เราเริ่มใจหวั่นๆว่าจะเป็นไง แต่บ้านอยู่แยกกันเจอกะนแค่ตอนอาหารเย็น เราเลยพยายามไม่สนใจ แล้วมันก็เป็นอย่างงี้อย่างน้อย 1 วันต่ออาทิตย์ บางทีแม่สามีโกรธก็ลามมาหาเรื่องเราด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ
สามเดือน เราคุยกับสามีว่ามันเกินไปแล้ว แม่สามีกำหนดว่าราต้องตื่น 9 โมงเช้า ให้เราทำงานบ้าน ทำอาหาร เราก็พยายามนะ ช่วงแต่งงานใหม่ๆเราคิดว่ามันเป็นการเรียนรู้การเป็นแม่บ้าน แต่ที่บ้านมีหลานของแม่สามีด้วย ซึ่งเราก็ต้องดูแลพวกนั้นด้วย สรุปคือเหมือนเอาเรามาเป็นแม่บ้าน สามีก็พยายามคุยกับแม่ เราเลยได้เวลาคืนกลับมานั่งบ้านตัวเองได้บ้างและเราก็เริ่มเรียนภาษาเดนนิชเลยไม่ค่อยได้อยู่บ้านแล้ว
ปัญหามันเกิดขึ้นตอนเราท้อง เราไม่ได้ตั้งตัวทั้งคู่แต่พอเด็กมาแล้วก็ยอมรับและทำเต็มที่ แม่สามีก็ยังทะเลาะกับพ่อสามีเหมือนเดิม แม่สามีแกเป็นคนอารมณ์ร้าย โกรธก็ทำลายข้างของ แต่พ่อสามีค่อนข้างดีกับเรามากๆนะ แต่หลังๆพอแม่สามีโกรธแกจะมาลงที่เราตลอดจนเราร้องไห้หนักมากจนอ้วก นางก็ไม่สนใจ ตอนนั้นเราคิกว่าต้องออดทนเพื่อลูกที่จะได้เกิดและเป็นสัญชาติเดนนิชพร้อมกับประเทศที่เจริญแล้ว
พอลูกคลอด แม่สามีหย่า พ่อสามีบอกเราก่อนออกจากบ้านนี้ว่า หวังว่าเธอจะไม่เป็นทุกข์กับบ้านหลังนี้นะ ครอบครัวนี้ค่อนข้างประหลาดเธอเข้าใจใช่ไหม เราร้องไห้เลย แม่สามีเริ่มอารมณ์เสียง่ายกว่าปกติ เราไม่เคยจับเด็กเลย พอมีลูกเราก็จะเก้ๆยังๆ แม่สามีก็ด่าเราตลอดเราไม่เคยตอบโต้ พยายามคิดว่าเขาสอน จนครั้งนึงเขาโยน diaper ใส่เรา เรารับไม่ได้กับการกระทำไม่ให้เกียจคนอื่นแบบนี้ เราก็บอกเขาไปว่า you should release my son to me, I'm his Mother. I can take care of him. นางโกรธเดินกระทืบเท้าออกไปเลย
ปัญหามันมาเรื่อยๆจนเราเริ่มไม่ปกติ เราเริ่มคิดว่าตายแล้วน่าจะจบนะ บางเรื่องถ้าเป็นครอบครัวปกติจะขำๆ แต่แม่สามีเราไม่ ถ้าลูกเราร้องไห้แม้แต่แอะเดียว นางจะมาด่าๆๆๆเราบอกว่าดูแลลูกไม่เป็นแล้วดึงลูกเราออกไปเลย จนพบหมอแล้วหมอบอกว่าเราเป็น ซึมเศร้า เริ่มทานยา หลังจากคุยกับหมอ เราเริ่มพยายามกลับมาเป็นตัวเอง ถ้าเขาทำไม่ดีกับเรา ถ้าเขาไม่ให้เกียจเรา เราก็ไม่ให้เกียจเขา
พอเป็นแบบนี้แม่สามีแกก็รู้ตัวและพยายามเบาลง แต่อารมณ์เขาจะขึ้นรุนแรงทุกครั้งที่ลูกเราร้องไห้ เขาพูดใส่หูเราตลอดว่าเราเป็นแม่ที่แย่ เราคุยกับหมอและทีม family ที่มาเยี่ยมบ้าน ทุกคนบอกว่าปัญหายู่ที่แม่สามี ทีมงานเริ่มคุนกับสามีเรา แต่มันก็จบแบบเดิม เนื่องจากสามีเราเป็นซึมเศร้ามา 5 ปีแล้ว เราไม่อยากให้เขากดดัน เราเลยบอกว่าเรามาพยายามด้วยกันใหม่นะ
ปัญหามันก็ยังเป็นแบบเดิมมาเรื่อยๆๆ แม่สามีก็อารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้เรื่อยๆ บางวันก็หาเรื่องด่าเราแบบเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทุกครั้งที่ลูกเราล้มและร้องไห้เราจะเจอแต่คำด่าแบบไม่หยุดหย่อน พอเราตอบโต้นางจะบอกว่าเราไม่มีมารยาททันที เราพยายามดูแลลูกทุกฝีเก้าแต่บางทีมันก็สุดวิสัยจริงๆ แต่ถ้าลูกอยู่กับนางและลูกเราล้ม นางจะหัวเราะกลบเกลือนแค่นั้น
ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่สามีถึงเลิกกับสามีสองครั้ง และเราก็คิดว่าแค่รักมันไม่พอแล้วหละ ตอนนี้เราไม่ต้องการสามี เราต้องการแค่ลูก ตอนนี้ลูกเรา 1 ขวบแล้วและมีพาสปอร์ตแล้ว เรากำลังจะบินกลับไทยพร้อมลูก เราอยากกลับไปมีชีวิตที่ดีเหมือนเดิม เป็นคนที่มีพลังบวกเหมือนเดิม ปราศจากคนบ้าประเภทนี้ในชีวิต