เรื่องสั้น(มาก) ตอนที่ ๑ สติ

                     ห้องนอนในบ้านหลังหนึ่ง ที่มีเพียงเด็กชาย ที่ถูกสถานการณ์บางอย่างให้ถูกบังคับอยู่ที่บ้านคนเดียวในคืนนี้ บ้านหลังนี้ อยู่ตามชนบทรถผ่านไม่เยอะ ไฟข้างทางติดบ้าง ไม่ติดบ้าง ตอนกลางคืน ก็ซอยเปลี่ยว ๆ ซอยหนึ่งที่คนในพื้นที่ ยังเกิดความกลัวหากต้องออกมาเพ่นผ่าน แม้จะมีสุนัขเดินอยู่ตามถนน มันก็แค่เดินผ่านไป ไม่สนใจเรา หากแต่บ้านคือที่ ที่ปลอดภัยหากเราล็อกประตู หน้าต่างทุกบานก่อนเข้านอน มันคือเรื่องที่จำเป็นและควรจะทำมาก ๆ เด็กชายนั่งคิด นั่งตัดพ้อ ทำไมเราต้องอยู่บ้านคนเดียว มันน่าน้อยใจนะ แต่ก็เลือกอะไรไม่ได้ เราจะไปไหนหล่ะ ถ้าไม่อยู่บ้านตอนนี้ เราจะไปอยู่ไหน กับใคร ถ้าเราไม่มีใครที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวเรา เอาเป็นว่าช่างเถอะ เราก็โตพอที่จะอยู่บ้านคนเดียวได้แล้ว 
                      บ้าน บ้าน บ้าน คุณคิดว่า ในตอนนี้มันคือเวลากลางคืน คุณล็อกประตูและหน้าต่างทางเข้าหรือออก หมดแล้วใช่ไหม คุณจะลืม ปิด ณ จุด ๆ ใดของบ้านหรือเปล่า ถ้าหากปิดหมดแล้ว มันจะช่วยป้องกันคุณจากคนภายนอก แน่ใจใช่ไหม ว่ามันมีคุณภาพมากพอ
                       โอ้ว มานั่งฟังเรื่องอะไรให้มันหลอนหูเนี่ย เวลาปานนี้ สถานการณ์ตอนนี้ โถ่ เอ้ยเรา งี้ เปิดเพลงฟังดีกว่า แม่บอกไว้ เปิดเพลงดัง ๆ ข่มความกลัวเราได้
                       เด็กชาย รักในเสียงเพลง เขาชอบร้องเพลง แหกปากร้องซธเสียงดังสนั่น มันคือเรื่องดีนะ หากมีใครได้ยินเข้า ก็รู้ว่าบ้านนี้ ไม่เงียบเหงาเหมือนถนนซอยนี้นะ 
                        เขาเริ่ม รู้สึกได้ว่าเขาต้องพอแล้ว ไม่งั้นเจ็บคอหนักแน่ ๆ จึงนอนไถโทรศัพท์มือถือต่อไปเรื่อย ๆ แต่ไยหนอ เขาก็ผิวปากเล่น ผิวปากเป็นเสียงเพลงโปรด ทำนองที่เขาชอบ ทำนองที่นำมาผิวปากเล่นอยู่ บ่อย ๆ พอจบท่อนที่เขาชอบ ก็หยุดผิวปาก….
                        เขาเผลอตัวอยู่นาน จนชะงักตัว เริ่มรู้สึกถึงเสียงบางอย่าง มันคล้ายกับทำนองของเพลงโปรดเขา แต่ทำนองนั้น ไม่ใช่ท่อนโปรดที่ชอบมาผิวปากเล่น แล้วเสียงใดกัน มันมาจากไหน เสียงที่ผิวปากอยู่หล่ะนั่น หลอน หลอนไปเองแล้วเรา เปิดเพลงก็ได้…. เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เสียงพูดเหรอ เฮ้ย อย่าคิดมากดิเรา หลอนละ ฟังเพลงดีกว่า นอนเลย เผื่ออะไร จะดีขึ้น 
                        เด็กชายก็ค่อย ๆ เอนตัวลงนอนที่หมอนนุ่ม ๆ พร้อมห่มผ้าอุ่น ๆ และสายลมเย็น ๆ จากพัดลม ความสบาย ทำให้เด็กชายรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ความคิด สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งก่อน รวมถึงเมื่อกี้ เด็กชายปล่อยวาง กับความคิดที่สร้างความกลัว เขาท่องไว้ “ช่างมัน ช่างมัน นอนดีกว่า คิดแล้วปวดหัว” เขารู้ดี ถึงท่องไปความคิดเหล่านั้น มันก็วนกลับมาเสมอ แล้วไงหล่ะ ถ้าเราไม่ขยับร่างกายไปมา เราก็หลับสบาย 
                       เสียงเข็มนาฬิกาในห้อง ช่วยให้เขาผ่อนคลายยิ่งขึ้น เสียงเข็มวินาที  กึก กึก กึก
                       แสงสว่าง เล็ดลอดมาทางหน้าต่างในห้อง แสงแดดที่อบอุ่น ลมเย็น ๆ จากพัดลม หมอนนิ่ม ๆ เด็กชายเช็คโทรศัพท์มือถือของเขา มีเบอร์จากแม่โทรหาอยู่หลายสาย มีข้อความเข้า เชิงว่า จะกลับบ้านแล้วนะ เปิดประตูให้หน่อย มีบางข้อความแอบบ่นมาบ้างเล็กน้อย เรื่องที่ไม่รับสาย ก็แน่นอนเด็กมันเพิ่งตื่น 
                         ความหิว ทำให้เด็กชายเดินออกจากห้องเพื่อไปตู้เย็น มีช็อกโกแลตบาร์หวาน ๆ ให้ได้กัดกินลองท้อง ก่อนแม่จะมาถึง กินไปไม่กี่คำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา “แม่ถึงแล้ว เปิดประตูบ้านให้หน่อยสิ ” เด็กหนุ่ม กำลังจับที่ลูกบิดประตู…  กึก กึก กึก 
                         เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วก็เกิดความสงสัย ไฟในห้อง ปิดตั้งแต่ตอนไหน ประตูห้องถูกแง้มไว้ อย่างกับเขาเดินละเมออกไป เห็นดังนั้นจึบรีบไปปิดและล็อกประตูห้อง ไฟจากนอกห้อง ก็ไม่ได้ปิดไว้ ยังคงแสงไฟไว้เช่นเดิม เวลาผ่านไปจากตอนที่เขานอนไม่นานมากนัก เวลานี้ยังคงไม่ดึกสำหรับเพื่อน ๆ ของเขา จึงโทรหา เพื่อน ที่น่าจะยังไม่หลับ และเขาก็รับสาย
                         “ไอเอ อยู่เป็นเพื่อนหน่อยดิ เราเจอเรื่องแปลก ๆ ว่ะ มันน่ากลัวอ่ะ”
                         “ได้ จะเล่ามาก็ได้นะ อยู่เป็นเพื่อนละ”
                          “เออ คือ…...”
                          “อ่อ แล้วเองจะกล้านอนต่อไหมอ่ะ คาสายไว้ได้นะเว่ย”
                          “จ้า ไอเพื่อนรัก”
                          “ว่าแต่ เองจะกลัวทำไมอ่ะ มีคนอยู่บ้านเป็นเพื่อนนิ ได้ยินเสียงมีคนเรียกให้ออกไปกินข้าวนิ”
                           “อย่าแกล้งดิ ยิ่งกลัวอยู่นะเว่ย”
                           “…เอาหน่าเปิดออกไปดูหน่อย คงไม่เสียหาย”
                          “ไอ้เอเอhย แค่นี้ก็ได้วะ บัยย”
                          ขี้แกล้งจังเลยมันนิ 
                          หน็อก หน็อก หน็อก เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กชายหันมาทันทีที่ประตู เด็กชายเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า สิ่งที่ตัวเองเจอ ใช่ผีหรือเปล่า เด็กชายเลือกที่จะก้มลงมองลอดผ่านช่องประตูที่พื้น ก็แน่นอนหล่ะมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็คงไม่เจออะไรหรอก เขาคิดกับตัวเอง ว่ามันแค่หูแว่ว แล้วใครจะรู้หล่ะ ว่าสิ้งนั้น มันอาจเข้ามาในห้องแล้ว เขาอยู่ในมุมห้อง เด็กชายไม่เห็น แต่เขารู้สึกว่าเขาไม่ปลอดภัย 
                           เสียงผิวปาก ดังขึ้นอีกครั้ง เขามั่นใจ ว่ามันอยู่แค่หน้าห้อง มันเคาะประตูแล้วเสียงพูด ก็ดังขึ้น
                           “ลูกรัก ออกมาเถอะ มีบางอย่างอยู่ในห้องของลูก”
                           กระจก จะสะท้อนทุกอย่าง เด็กช่าย มองตัวเองในกระจก เสียงจากข้างนอกก็ยังดังอยู่ เขาเห็น บางสิ่งที่มุมห้อง มันเป็นแค่เงาดำ ๆ อะไรกันหล่ะ ที่มันน่ากลัวกว่ากัน ในห้อง หรือนอกห้อง เด็กชาย จับลูกบิดประตู เขาไม่หันกลับไปมองสิ่งที่อยู่ที่มุมห้อง เขาไม่ตอบรับเสียงจากข้างนอก 
                             ……. 

กลับมาฝึกแต่งในรอบปีนะครับบ วิจารย์มาได้เลยนะครับ ละก็เพื่อจุประสงค์ของผม หากชอบให้ค่าขนมผม คนละบาทได้นะครับ แต่รอดูเสียงตอบรับก่อน ค่อยลง ฝากด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่