กองทัพอิสราเอลเผย เตรียมถล่มฉนวนกาซาหนักขึ้น-ปฏิเสธเจรจารับตัวประกัน
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/208587
กองทัพอิสราเอลเผย เตรียมโจมตีฉนวนกาซาหนักขึ้น ขณะที่กลุ่มฮามาสระบุ ได้แจ้งไปยังกาตาร์ ตัวกลางเจรจาว่า วางแผนจะปล่อย 2 ตัวประกันชาวอิสราเอลเพิ่ม หลังปล่อย 2 แม่ลูกชาวอเมริกัน แต่อิสราเอลปฏิเสธ
นาย
อาบู โอไบดา โฆษกกองพลน้อยอัล-กอสซัม ของกลุ่มฮามาสเปิดเผยว่า ฮามาสได้แจ้งไปยังกาตาร์ ซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างฮามาส-อิสราเอลว่า วางแผนที่จะปล่อย “
นูริท ยิตชัก” (Nourit Yitshaq) และ “
ยอเคเฟด ลิฟชิทซ์” (Yokhefed Lifshitz) ตัวประกันชาวอิสราเอล 2 คน ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม โดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน แต่รัฐบาลอิสราเอลในกรุงเทลอาวีฟปฏิเสธ
ด้านนาย
คาเลด อัล-กัดดูมี ตัวแทนกลุ่มฮามาสประจำกรุงเตหะรานของอิหร่าน เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลอิสราเอลปฏิเสธที่จะยอมรับข้อเสนอการปล่อยตัวประกันของทางกลุ่ม แสดงให้เห็นว่า อิสราเอลไม่จริงจังกับการยุติเหตุนองเลือดในฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี
เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ออกแถลงการณ์ตอบโต้คำกล่าวอ้างของฮามาส ว่า ข้อเสนอของฮามาส เป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่โกหกหลอกลวง และเสริมว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุกวิถีทางที่จำเป็นต่อไป เพื่อนำผู้ถูกลักพาตัวและผู้ที่สูญหายกลับบ้านทั้งหมด
ข้อเสนอดังกล่าวของฮามาส มีขึ้นหลังปล่อยตัวประกันแม่ลูกชาวอเมริกัน 2 คน ได้แก่ “
จูดิธ ราอานัน” และ “
นาตาลี ราอานัน” เมื่อวันศุกร์ ถือเป็นตัวประกันกลุ่มแรกที่ได้รับการปล่อยตัว นับตั้งแต่นักรบฮามาสบุกก่อเหตุโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 1,400 คน พร้อมจับชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติราว 200 คน กลับไปยังฉนวนกาซา
ขณะที่พลเรือตรี
แดเนียล ฮาการี โฆษกของกองทัพอิสราเอล แถลงว่า กองทัพจะยกระดับปฏิบัติการโจมตีถล่มฉนวนกาซาให้รุนแรงและหนักหน่วงขึ้นอีก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไปในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส โดยทางกองทัพอิสราเอลพยายามสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการบุกไว้ล่วงหน้า ด้วยการเพิ่มการโจมตีนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อลดอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับกองกำลังในขั้นต่อไปของสงคราม
พลเรือตรี
แดเนียล ฮาการี ยังย้ำให้ชาวปาเลสไตน์ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา เร่งอพยพลงใต้ เพื่อความปลอดภัยด้วย
คำเตือนของโฆษกกองทัพอิสราเอลมีขึ้น ในวันเดียวกันกับที่ขบวนรถบรรทุกสิ่งของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม จำนวน 20 คัน ซึ่งลำเลียงอาหาร น้ำดื่มและยา ยกเว้นน้ำมันเชื้อเพลิง ข้ามจุดผ่านแดนราฟาห์ในฝั่งอียิปต์ เข้าไปในฉนวนกาซา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น หลังได้รับอนุญาตจากอิสราเอล ซึ่งบังคับใช้มาตรการปิดล้อมอย่างสิ้นเชิง เพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาส ส่งผลให้ประชากร 2.3 ล้านคนในฉนวนกาซา เผชิญปัญหาขาดแคลนสิ่งของอุปโภคบริโภค
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ระบุว่า ความช่วยเหลือที่ส่งเข้าไปในฉนวนกาซา เป็นเพียงส่วนน้อยมาก จากความต้องการที่มีอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลยังคงระดมโจมตีทางอากาศถล่มฉนวนกาซา เป็นเหตุทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน เมื่อวานนี้ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตในพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 4,385 คน และบาดเจ็บ 13,651 คน ขณะที่มีชาวอิสราเอลเสียชีวิตจากเหตุโจมตีของกลุ่มฮามาสกว่า 1,400 คน
นิด้าโพลปชช.ชี้ปิดผับตี 2 เหมาะสมแล้ว
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_630516/
นิด้าโพลเผยประชาชนส่วนใหญ่มองปิดผับตี 2 เหมาสมแล้ว ไม่ดึกเกินไป หากขยายเวลาปิดมั่นใจช่วยกระตุ้นศก.ท่องเที่ยว
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “
นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “นโยบาย ปิดผับตี 4 มาอีกแล้ว!” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ
รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับแนวคิดการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงในยามค่ำคืน จากเวลา 02.00 น. ออกไปเป็นเวลา 04.00 น. การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงการเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืนของประชาชน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 55.65 ระบุว่า ไม่เคยไปเที่ยว ขณะที่ ร้อยละ 44.35 ระบุว่า เคยไปเที่ยว
เมื่อถามผู้ที่เคยไปเที่ยว (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) ถึงความถี่ในการเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืน ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 57.66 ระบุว่า ไม่เคยไปเลย รองลงมา ร้อยละ 33.22 ระบุว่า มีบ้างแล้วแต่โอกาส/เทศกาล ร้อยละ 4.13 ระบุว่า เดือนละครั้ง ร้อยละ 2.58 ระบุว่า อาทิตย์ละวัน ร้อยละ 2.07 ระบุว่า เกือบทุกวัน (3-5 วัน/สัปดาห์) และร้อยละ 0.34 ระบุว่า ทุกวัน (7 วัน/สัปดาห์)
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวคิดที่จะขยายเวลาปิดสถานบันเทิง จากเวลา 02.00 น. ออกไปเป็นเวลา 04.00 น. โดยภาพรวม พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว เพราะ เป็นเวลาที่ไม่ดึกมากจนเกินไป ไม่เป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของผู้ที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับสถานบันเทิง รองลงมา ร้อยละ 23.66 ระบุว่า ควรอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ เพราะ เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประเทศ ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย
ร้อยละ 17.56 ระบุว่า ควรจะอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ เพราะ ควรเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ เป็นการเพิ่มช่วงเวลาในการหารายได้ให้กับผู้ประกอบกิจการสถานบันเทิง และกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้อง ร้อยละ 8.32 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง
ก่อนเวลา 02.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างดึกแล้ว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและปัญหาอาชญากรรมได้ ร้อยละ 4.35 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย เพราะ ไม่เป็นการส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อนของผู้พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง ร้อยละ 4.27 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ และร้อยละ 0.08 ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ ควรปิดสถานบันเทิง เวลา 03.00 น.
เมื่อพิจารณาเฉพาะความคิดเห็นของผู้ที่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับแนวคิดที่จะขยายเวลาปิดสถานบันเทิง พบว่า ร้อยละ 36.49 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว รองลงมา ร้อยละ 30.29 ระบุว่า ควรอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ ร้อยละ 25.13 ระบุว่า ควรจะอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ ร้อยละ 6.37 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง ก่อนเวลา 02.00 น.
ร้อยละ 0.52 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย ร้อยละ 1.03 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ และร้อยละ 0.17 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ควรปิดสถานบันเทิง เวลา 03.00 น. ส่วนความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 729 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า ร้อยละ 45.95 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว รองลงมา ร้อยละ 18.38 ระบุว่า ควรอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ของชาวต่างชาติ ร้อยละ 11.52 ระบุว่า ควรจะอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ ร้อยละ 9.88 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง ก่อนเวลา 02.00 น. ร้อยละ 7.41 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย และร้อยละ 6.86 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
เมื่อถามถึงความมั่นใจของประชาชนต่อการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงจะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว โดยภาพรวม พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 27.71 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ และไม่ค่อยมั่นใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน รองลงมา ร้อยละ 26.72 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 16.56 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 1.30 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อพิจารณาเฉพาะความคิดเห็นของผู้ที่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับความมั่นใจต่อการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงจะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว พบว่า ร้อยละ 33.73 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 27.20 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 19.45 ระบุว่า มั่นใจมาก ร้อยละ 18.93 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย และร้อยละ 0.69 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ส่วนความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 729 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า ร้อยละ 32.92 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย รองลงมา ร้อยละ 28.12 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 22.91 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 14.27 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 1.78 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจเมาแล้วขับ โดยภาพรวม พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.41 ระบุว่า จำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว รองลงมา ร้อยละ 38.02 ระบุว่า ควรเพิ่มจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ ร้อยละ 8.17 ระบุว่า ควรยกเลิกด่านตรวจเมาแล้วขับทั้งหมด ร้อยละ 5.80 ระบุว่า ควรลดจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ และร้อยละ 1.60 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ ไม่สนใจ
เมื่อพิจารณาเฉพาะความคิดเห็นของผู้ที่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจเมาแล้วขับ พบว่า ร้อยละ 48.54 ระบุว่า จำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว รองลงมา ร้อยละ 34.60 ระบุว่า ควรเพิ่มจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ ร้อยละ 8.43 ระบุว่า ควรยกเลิกด่านตรวจเมาแล้วขับทั้งหมด ร้อยละ 7.57 ระบุว่า ควรลดจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ
และร้อยละ 0.86 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ส่วนความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 729 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า ร้อยละ 44.72 ระบุว่า จำนวน ด่านตรวจเมาแล้วขับปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว รองลงมา ร้อยละ 40.74 ระบุว่า ควรเพิ่มจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ ร้อยละ 7.96 ระบุว่า ควรยกเลิกด่านตรวจเมาแล้วขับทั้งหมด ร้อยละ 4.39 ระบุว่า ควรลดจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ และร้อยละ 2.19 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
‘บิ๊กทิน’ ส่งทีมถกจีนหาข้อสรุปล้มเรือดำน้ำ สั่งเปลี่ยนซื้อเรือฟริเกต ‘วิโรจน์’ เชิญ ทร.ชี้แจง กมธ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4244935
‘บิ๊กทิน’ ส่งทีมถกจีนหาข้อสรุปล้มเรือดำน้ำ สั่ง ทร.แจงเปลี่ยนซื้อเรือฟริเกต ‘วิโรจน์’ เชิญ ทร.ชี้แจง กมธ.
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม นาย
สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการชะลอโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำและเปลี่ยนมาเป็นเรือฟริเกตกับประเทศจีนจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ เพราะกองทัพเรือ (ทร.) มีแผนการจัดซื้ออยู่แล้วในปี 2567 ว่าเรื่องดังกล่าวไม่กระทบแผนการจัดหาเรือฟริเกตอีก 1 ลำ ที่ ทร.เตรียมไว้ในงบประมาณปี 2567 ก็ดำเนินไป ส่วนลำใหม่หากประเทศจีนตกลงให้เปลี่ยนมาจากเรือดำน้ำ จะได้มาเพิ่ม เพราะจากเดิม ทร.มีแผนว่าต้องมีฟริเกต 8 ลำ แต่ตอนนี้มีเพียง 4 ลำ หากได้จากงบประมาณปี 2567 อีก 1 ลำ และจากการเจรจาเปลี่ยนจากเรือดำน้ำอีก 1 ลำ ทำให้ ทร.มีเรือฟริเกต 6 ลำ ดังนั้น เรือฟริเกตก็ยังไม่พอ อย่างไรก็ตาม กรณีการจัดซื้อต่างๆ ของกองทัพ ยอมรับต้องดูจากภารกิจการทำงาน ร่วมกับกระแสสังคมในการจัดซื้อ ต้องดูทางยุทธศาสตร์และยุทธการของ ทร.ก่อนว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด และหากมีความจำเป็นก็ต้องอธิบายให้สังคมเข้าใจ คือการฟังสังคมและต้องอธิบายให้ดี ให้เข้าใจว่าโครงการที่มีงบประมาณมาก
JJNY : เตรียมถล่มฉนวนกาซาหนักขึ้น│นิด้าโพลชี้ปิดผับตี 2 เหมาะสมแล้ว│‘วิโรจน์’ เชิญ ทร.ชี้แจง กมธ.│ส.ภัตตาคาร แนะรัฐทุ่ม
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/208587
กองทัพอิสราเอลเผย เตรียมโจมตีฉนวนกาซาหนักขึ้น ขณะที่กลุ่มฮามาสระบุ ได้แจ้งไปยังกาตาร์ ตัวกลางเจรจาว่า วางแผนจะปล่อย 2 ตัวประกันชาวอิสราเอลเพิ่ม หลังปล่อย 2 แม่ลูกชาวอเมริกัน แต่อิสราเอลปฏิเสธ
นายอาบู โอไบดา โฆษกกองพลน้อยอัล-กอสซัม ของกลุ่มฮามาสเปิดเผยว่า ฮามาสได้แจ้งไปยังกาตาร์ ซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างฮามาส-อิสราเอลว่า วางแผนที่จะปล่อย “นูริท ยิตชัก” (Nourit Yitshaq) และ “ยอเคเฟด ลิฟชิทซ์” (Yokhefed Lifshitz) ตัวประกันชาวอิสราเอล 2 คน ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม โดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน แต่รัฐบาลอิสราเอลในกรุงเทลอาวีฟปฏิเสธ
ด้านนายคาเลด อัล-กัดดูมี ตัวแทนกลุ่มฮามาสประจำกรุงเตหะรานของอิหร่าน เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลอิสราเอลปฏิเสธที่จะยอมรับข้อเสนอการปล่อยตัวประกันของทางกลุ่ม แสดงให้เห็นว่า อิสราเอลไม่จริงจังกับการยุติเหตุนองเลือดในฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ออกแถลงการณ์ตอบโต้คำกล่าวอ้างของฮามาส ว่า ข้อเสนอของฮามาส เป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่โกหกหลอกลวง และเสริมว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุกวิถีทางที่จำเป็นต่อไป เพื่อนำผู้ถูกลักพาตัวและผู้ที่สูญหายกลับบ้านทั้งหมด
ข้อเสนอดังกล่าวของฮามาส มีขึ้นหลังปล่อยตัวประกันแม่ลูกชาวอเมริกัน 2 คน ได้แก่ “จูดิธ ราอานัน” และ “นาตาลี ราอานัน” เมื่อวันศุกร์ ถือเป็นตัวประกันกลุ่มแรกที่ได้รับการปล่อยตัว นับตั้งแต่นักรบฮามาสบุกก่อเหตุโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 1,400 คน พร้อมจับชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติราว 200 คน กลับไปยังฉนวนกาซา
ขณะที่พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกของกองทัพอิสราเอล แถลงว่า กองทัพจะยกระดับปฏิบัติการโจมตีถล่มฉนวนกาซาให้รุนแรงและหนักหน่วงขึ้นอีก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไปในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส โดยทางกองทัพอิสราเอลพยายามสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการบุกไว้ล่วงหน้า ด้วยการเพิ่มการโจมตีนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อลดอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับกองกำลังในขั้นต่อไปของสงคราม
พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี ยังย้ำให้ชาวปาเลสไตน์ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา เร่งอพยพลงใต้ เพื่อความปลอดภัยด้วย
คำเตือนของโฆษกกองทัพอิสราเอลมีขึ้น ในวันเดียวกันกับที่ขบวนรถบรรทุกสิ่งของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม จำนวน 20 คัน ซึ่งลำเลียงอาหาร น้ำดื่มและยา ยกเว้นน้ำมันเชื้อเพลิง ข้ามจุดผ่านแดนราฟาห์ในฝั่งอียิปต์ เข้าไปในฉนวนกาซา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น หลังได้รับอนุญาตจากอิสราเอล ซึ่งบังคับใช้มาตรการปิดล้อมอย่างสิ้นเชิง เพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาส ส่งผลให้ประชากร 2.3 ล้านคนในฉนวนกาซา เผชิญปัญหาขาดแคลนสิ่งของอุปโภคบริโภค
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ระบุว่า ความช่วยเหลือที่ส่งเข้าไปในฉนวนกาซา เป็นเพียงส่วนน้อยมาก จากความต้องการที่มีอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลยังคงระดมโจมตีทางอากาศถล่มฉนวนกาซา เป็นเหตุทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน เมื่อวานนี้ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตในพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 4,385 คน และบาดเจ็บ 13,651 คน ขณะที่มีชาวอิสราเอลเสียชีวิตจากเหตุโจมตีของกลุ่มฮามาสกว่า 1,400 คน
นิด้าโพลปชช.ชี้ปิดผับตี 2 เหมาะสมแล้ว
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_630516/
นิด้าโพลเผยประชาชนส่วนใหญ่มองปิดผับตี 2 เหมาสมแล้ว ไม่ดึกเกินไป หากขยายเวลาปิดมั่นใจช่วยกระตุ้นศก.ท่องเที่ยว
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “นโยบาย ปิดผับตี 4 มาอีกแล้ว!” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ
รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับแนวคิดการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงในยามค่ำคืน จากเวลา 02.00 น. ออกไปเป็นเวลา 04.00 น. การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงการเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืนของประชาชน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 55.65 ระบุว่า ไม่เคยไปเที่ยว ขณะที่ ร้อยละ 44.35 ระบุว่า เคยไปเที่ยว
เมื่อถามผู้ที่เคยไปเที่ยว (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) ถึงความถี่ในการเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืน ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 57.66 ระบุว่า ไม่เคยไปเลย รองลงมา ร้อยละ 33.22 ระบุว่า มีบ้างแล้วแต่โอกาส/เทศกาล ร้อยละ 4.13 ระบุว่า เดือนละครั้ง ร้อยละ 2.58 ระบุว่า อาทิตย์ละวัน ร้อยละ 2.07 ระบุว่า เกือบทุกวัน (3-5 วัน/สัปดาห์) และร้อยละ 0.34 ระบุว่า ทุกวัน (7 วัน/สัปดาห์)
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวคิดที่จะขยายเวลาปิดสถานบันเทิง จากเวลา 02.00 น. ออกไปเป็นเวลา 04.00 น. โดยภาพรวม พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว เพราะ เป็นเวลาที่ไม่ดึกมากจนเกินไป ไม่เป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของผู้ที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับสถานบันเทิง รองลงมา ร้อยละ 23.66 ระบุว่า ควรอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ เพราะ เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประเทศ ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย
ร้อยละ 17.56 ระบุว่า ควรจะอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ เพราะ ควรเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ เป็นการเพิ่มช่วงเวลาในการหารายได้ให้กับผู้ประกอบกิจการสถานบันเทิง และกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้อง ร้อยละ 8.32 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง
ก่อนเวลา 02.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างดึกแล้ว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและปัญหาอาชญากรรมได้ ร้อยละ 4.35 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย เพราะ ไม่เป็นการส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อนของผู้พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง ร้อยละ 4.27 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ และร้อยละ 0.08 ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ ควรปิดสถานบันเทิง เวลา 03.00 น.
เมื่อพิจารณาเฉพาะความคิดเห็นของผู้ที่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับแนวคิดที่จะขยายเวลาปิดสถานบันเทิง พบว่า ร้อยละ 36.49 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว รองลงมา ร้อยละ 30.29 ระบุว่า ควรอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ ร้อยละ 25.13 ระบุว่า ควรจะอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ ร้อยละ 6.37 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง ก่อนเวลา 02.00 น.
ร้อยละ 0.52 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย ร้อยละ 1.03 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ และร้อยละ 0.17 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ควรปิดสถานบันเทิง เวลา 03.00 น. ส่วนความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 729 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า ร้อยละ 45.95 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว รองลงมา ร้อยละ 18.38 ระบุว่า ควรอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ของชาวต่างชาติ ร้อยละ 11.52 ระบุว่า ควรจะอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ ร้อยละ 9.88 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง ก่อนเวลา 02.00 น. ร้อยละ 7.41 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย และร้อยละ 6.86 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
เมื่อถามถึงความมั่นใจของประชาชนต่อการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงจะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว โดยภาพรวม พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 27.71 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ และไม่ค่อยมั่นใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน รองลงมา ร้อยละ 26.72 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 16.56 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 1.30 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อพิจารณาเฉพาะความคิดเห็นของผู้ที่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับความมั่นใจต่อการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงจะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว พบว่า ร้อยละ 33.73 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ รองลงมา ร้อยละ 27.20 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 19.45 ระบุว่า มั่นใจมาก ร้อยละ 18.93 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย และร้อยละ 0.69 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ส่วนความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 729 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า ร้อยละ 32.92 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย รองลงมา ร้อยละ 28.12 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 22.91 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 14.27 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 1.78 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจเมาแล้วขับ โดยภาพรวม พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.41 ระบุว่า จำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว รองลงมา ร้อยละ 38.02 ระบุว่า ควรเพิ่มจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ ร้อยละ 8.17 ระบุว่า ควรยกเลิกด่านตรวจเมาแล้วขับทั้งหมด ร้อยละ 5.80 ระบุว่า ควรลดจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ และร้อยละ 1.60 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ ไม่สนใจ
เมื่อพิจารณาเฉพาะความคิดเห็นของผู้ที่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจเมาแล้วขับ พบว่า ร้อยละ 48.54 ระบุว่า จำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว รองลงมา ร้อยละ 34.60 ระบุว่า ควรเพิ่มจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ ร้อยละ 8.43 ระบุว่า ควรยกเลิกด่านตรวจเมาแล้วขับทั้งหมด ร้อยละ 7.57 ระบุว่า ควรลดจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ
และร้อยละ 0.86 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ส่วนความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 729 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า ร้อยละ 44.72 ระบุว่า จำนวน ด่านตรวจเมาแล้วขับปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว รองลงมา ร้อยละ 40.74 ระบุว่า ควรเพิ่มจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ ร้อยละ 7.96 ระบุว่า ควรยกเลิกด่านตรวจเมาแล้วขับทั้งหมด ร้อยละ 4.39 ระบุว่า ควรลดจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ และร้อยละ 2.19 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
‘บิ๊กทิน’ ส่งทีมถกจีนหาข้อสรุปล้มเรือดำน้ำ สั่งเปลี่ยนซื้อเรือฟริเกต ‘วิโรจน์’ เชิญ ทร.ชี้แจง กมธ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4244935
‘บิ๊กทิน’ ส่งทีมถกจีนหาข้อสรุปล้มเรือดำน้ำ สั่ง ทร.แจงเปลี่ยนซื้อเรือฟริเกต ‘วิโรจน์’ เชิญ ทร.ชี้แจง กมธ.
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการชะลอโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำและเปลี่ยนมาเป็นเรือฟริเกตกับประเทศจีนจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ เพราะกองทัพเรือ (ทร.) มีแผนการจัดซื้ออยู่แล้วในปี 2567 ว่าเรื่องดังกล่าวไม่กระทบแผนการจัดหาเรือฟริเกตอีก 1 ลำ ที่ ทร.เตรียมไว้ในงบประมาณปี 2567 ก็ดำเนินไป ส่วนลำใหม่หากประเทศจีนตกลงให้เปลี่ยนมาจากเรือดำน้ำ จะได้มาเพิ่ม เพราะจากเดิม ทร.มีแผนว่าต้องมีฟริเกต 8 ลำ แต่ตอนนี้มีเพียง 4 ลำ หากได้จากงบประมาณปี 2567 อีก 1 ลำ และจากการเจรจาเปลี่ยนจากเรือดำน้ำอีก 1 ลำ ทำให้ ทร.มีเรือฟริเกต 6 ลำ ดังนั้น เรือฟริเกตก็ยังไม่พอ อย่างไรก็ตาม กรณีการจัดซื้อต่างๆ ของกองทัพ ยอมรับต้องดูจากภารกิจการทำงาน ร่วมกับกระแสสังคมในการจัดซื้อ ต้องดูทางยุทธศาสตร์และยุทธการของ ทร.ก่อนว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด และหากมีความจำเป็นก็ต้องอธิบายให้สังคมเข้าใจ คือการฟังสังคมและต้องอธิบายให้ดี ให้เข้าใจว่าโครงการที่มีงบประมาณมาก