จักรวาลที่ 1888
ผู้นำประชาชนได้เข้าพบเจ้าหญิงศรีจิตราแห่งอนาวัน
ซึ่งขณะนั้นเทพจักรภพก็ทรงอยู่ที่นั่นด้วย
"ขอร้องเถอะพระองค์หญิง ช่วยไปห้ามทัพให้หน่อย"
"ห้ามทัพ?"
"ใช่ครับ"
"ใครทำสงครามกันเหรอคะ"
"พวกเทพกับมารจำนวนมาก ก่อสงครามกันที่ทุ่งคุรุเสละ
งานการไม่ต้องทำกันพอดี เมื่อไหร่มนุษย์จะปลอดภัย
จากสงครามของพวกเทพกับมารครับ"
เทพจักรภพเอ่ยขึ้น "เรารีบไปดูกันดีกว่า"
พอพูดจบก็ทรงจับมือเจ้าหญิงและพาเหาะไปยังทุ่งคุรุเสละเลย
ขณะอยู่บนอากาศ ทั้งสองพระองค์ทรงเห็นกองทัพขนาดมหึมา
ของทั้งเทพและมาร
"อะไรกันคะเนี่ย หัดทำสงครามกันขนาดนี้แล้วเหรอ"
"ผมคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจผิดกันนะครับ เรารีบลงไปดูดีกว่า"
ทั้งสองพระองค์เหาะมาลงตรงกลางทุ่งพอดี
พวกเทพและมารดูเกรง ๆ เพราะเมื่อทั้งสองพระองค์อยู่ด้วยกัน
ถ้าเทพหรือมารจะทำร้ายพระองค์ ผู้ที่คิดทำร้ายจะร่างแตกสลายทันที
ปรากฏการณ์เช่นนี้ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
เจ้าหญิงศรีจิตราแห่งอนาวันทรงถามขึ้นก่อน
"มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ ทำไมถึงยกทัพกันมามากขนาดนี้
พวกท่านไม่เคยต่อสู้กันด้วยกองทัพที่มากมายเช่นนี้มาก่อนนี่คะ"
หัวหน้าฝ่ายเทพคือเทพบัณฑูรได้กล่าวกับเจ้าหญิงว่า
"พวกมารจับเจ้าหญิงวีนัสไป จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ยังไม่รู้
ข้าขู่ให้รีบนำมาคืน พวกมารก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เห็นทีจะต้องฆ่าแกงกันให้สิ้นซาก"
"ช้าก่อนเทพบัณฑูร" หัวหน้าฝ่ายมารที่ชื่อเมารยะราฟากล่าวขึ้นบ้าง
"พวกเราไม่ทราบจริง ๆ ว่าเจ้าหญิงวีนัสทรงอยู่ที่ไหน
ข้าบอกท่านแล้วตั้งหลายครั้ง แต่พวกท่านก็ไม่เชื่อ"
เทพบัณฑูรทรงชี้หน้า "อย่ามาทำลวดลายเจ้าพวกมารปลิ้นปล่อน
พวกเจ้าจงส่งเจ้าหญิงวีนัสคืนมาแต่โดยดี ไม่งั้นพวกเราต้องมีเรื่องกันแน่ ๆ"
ยังมิทันที่จะมีใครพูดอะไร ยานจากต่างดาวนับร้อยได้บินเข้าโจมตี
ทั้งพวกเทพ พวกมารและมนุษย์ที่ทุ่งคุรุเสละ
เทพจักรภพทางพาเจ้าหญิงศรีจิตราแห่งอนาวันหลบได้ทัน
เจ้าหญิงทรงประหลาดใจ "ทำไมลำแสงที่ออกมาจากยานเหล่านั้น
ถึงพิฆาตพวกเทพกับมารได้ ฉันไม่เข้าใจเลย"
"อืม มันแปลกประหลาดมากทีเดียว แล้วไอ้พวกนี้มันเป็นใครก็ไม่รู้
มาจากไหนก็ไม่รู้ จู่ ๆ ก็บินมาฆ่าแกงกันหน้าตาเฉย"
เจ้าหญิงเห็นยานบินบางลำมุ่งไปเส้นทางอนาวัน จึงเป็นห่วงพ่อและประชาชน
ทรงพยายามจะวิ่งตามไป แต่เทพจักรภพทรงทัดทานไว้
"ไปไม่ได้นะพระองค์ พวกยานบินเยอะมาก ยิงลำแสงกันจ้าละหวั่นไปหมด
ถ้าพระองค์วิ่งไปตอนนี้ มีหวังสิ้นชีพแน่"
"แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร ให้ฉันทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ตรงนี้เหรอ"
ทันใดนั้น แหอันใหญ่ก็ครอบทั้งสองพระองค์ไว้
พวกต่างดาวได้จับทั้งสองพระองค์ไว้แล้ว

.................................................................................................................................................................................................
จักรวาลที่ 1940
เจ้าชายแดนเถื่อนนามจักรภพรับอาสาพาราชินีพระจันทร์ชมโลกที่เสื่อมสลาย
ด้วยม้าตัวโปรดของเขา
เจ้าชายให้ราชินีพระจันทร์ทรงนั่งหน้าเขา ทำให้ราชินีเกิดคำถาม
"ใยท่านให้ข้านั่งหน้า แทนที่จะนั่งหลัง"
"ข้าจะได้ปกป้องพระองค์ได้ไงครับ"
ราชินีทรงเงียบไป
"ทรงอย่าเกร็งครับ ท่านพิงอกของข้าได้เลย"
ราชินีทรงทำตามคำแนะนำ ทรงพิงไปที่อกแกร่งของเจ้าชาย
ตอนนั้นทรงสัมผัสไออุ่นจากอกของเขาได้"
"ทรงอย่าขยับนะครับ ข้าจะไปอย่างเงียบที่สุด ม้าข้าก็จะเงียบด้วย
เรากำลังจะผ่านพวกพรายเรืองแสงที่มีพรายนับพัน
ขณะกำลังผ่านด้วยความเงียบ
แต่ดันมีใครมาทะลึ่งโยนหินลงไปในทะเลสาปสีฟ้า
ทำให้พรายนับฟันตื่นและเพ่งมองมาทางเจ้าชายกับราชินี
"จับข้าไว้ให้แน่นนะ ม้าข้าต้องเร่งฝีเท้า"
เจ้าชายแดนเถื่อนทรงพาราชินีหนี
เพื่อให้พ้นพวกพรายนับพันให้ได้
ระหว่างนั้นมียานลำใหญ่มาดูดทั้งสองขึ้นไปบนนั้น
ทั้งสองเหตุการณ์ทำให้ราฟาโพก้าตื่น
และเริ่มขยับร่าง
เพียงแค่นั้นก็ทำให้สิงสาราสัตว์ขวัญกระเจิง
พร้อมทั้งยังปลุกมังกรเก่าแก่ขึ้นมาอีกด้วย
วิมานมายา โดย ศักดา ตอนที่ 202 ยานบินประหลาด กับ พรายนับพัน
ผู้นำประชาชนได้เข้าพบเจ้าหญิงศรีจิตราแห่งอนาวัน
ซึ่งขณะนั้นเทพจักรภพก็ทรงอยู่ที่นั่นด้วย
"ขอร้องเถอะพระองค์หญิง ช่วยไปห้ามทัพให้หน่อย"
"ห้ามทัพ?"
"ใช่ครับ"
"ใครทำสงครามกันเหรอคะ"
"พวกเทพกับมารจำนวนมาก ก่อสงครามกันที่ทุ่งคุรุเสละ
งานการไม่ต้องทำกันพอดี เมื่อไหร่มนุษย์จะปลอดภัย
จากสงครามของพวกเทพกับมารครับ"
เทพจักรภพเอ่ยขึ้น "เรารีบไปดูกันดีกว่า"
พอพูดจบก็ทรงจับมือเจ้าหญิงและพาเหาะไปยังทุ่งคุรุเสละเลย
ขณะอยู่บนอากาศ ทั้งสองพระองค์ทรงเห็นกองทัพขนาดมหึมา
ของทั้งเทพและมาร
"อะไรกันคะเนี่ย หัดทำสงครามกันขนาดนี้แล้วเหรอ"
"ผมคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจผิดกันนะครับ เรารีบลงไปดูดีกว่า"
ทั้งสองพระองค์เหาะมาลงตรงกลางทุ่งพอดี
พวกเทพและมารดูเกรง ๆ เพราะเมื่อทั้งสองพระองค์อยู่ด้วยกัน
ถ้าเทพหรือมารจะทำร้ายพระองค์ ผู้ที่คิดทำร้ายจะร่างแตกสลายทันที
ปรากฏการณ์เช่นนี้ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
เจ้าหญิงศรีจิตราแห่งอนาวันทรงถามขึ้นก่อน
"มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ ทำไมถึงยกทัพกันมามากขนาดนี้
พวกท่านไม่เคยต่อสู้กันด้วยกองทัพที่มากมายเช่นนี้มาก่อนนี่คะ"
หัวหน้าฝ่ายเทพคือเทพบัณฑูรได้กล่าวกับเจ้าหญิงว่า
"พวกมารจับเจ้าหญิงวีนัสไป จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ยังไม่รู้
ข้าขู่ให้รีบนำมาคืน พวกมารก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เห็นทีจะต้องฆ่าแกงกันให้สิ้นซาก"
"ช้าก่อนเทพบัณฑูร" หัวหน้าฝ่ายมารที่ชื่อเมารยะราฟากล่าวขึ้นบ้าง
"พวกเราไม่ทราบจริง ๆ ว่าเจ้าหญิงวีนัสทรงอยู่ที่ไหน
ข้าบอกท่านแล้วตั้งหลายครั้ง แต่พวกท่านก็ไม่เชื่อ"
เทพบัณฑูรทรงชี้หน้า "อย่ามาทำลวดลายเจ้าพวกมารปลิ้นปล่อน
พวกเจ้าจงส่งเจ้าหญิงวีนัสคืนมาแต่โดยดี ไม่งั้นพวกเราต้องมีเรื่องกันแน่ ๆ"
ยังมิทันที่จะมีใครพูดอะไร ยานจากต่างดาวนับร้อยได้บินเข้าโจมตี
ทั้งพวกเทพ พวกมารและมนุษย์ที่ทุ่งคุรุเสละ
เทพจักรภพทางพาเจ้าหญิงศรีจิตราแห่งอนาวันหลบได้ทัน
เจ้าหญิงทรงประหลาดใจ "ทำไมลำแสงที่ออกมาจากยานเหล่านั้น
ถึงพิฆาตพวกเทพกับมารได้ ฉันไม่เข้าใจเลย"
"อืม มันแปลกประหลาดมากทีเดียว แล้วไอ้พวกนี้มันเป็นใครก็ไม่รู้
มาจากไหนก็ไม่รู้ จู่ ๆ ก็บินมาฆ่าแกงกันหน้าตาเฉย"
เจ้าหญิงเห็นยานบินบางลำมุ่งไปเส้นทางอนาวัน จึงเป็นห่วงพ่อและประชาชน
ทรงพยายามจะวิ่งตามไป แต่เทพจักรภพทรงทัดทานไว้
"ไปไม่ได้นะพระองค์ พวกยานบินเยอะมาก ยิงลำแสงกันจ้าละหวั่นไปหมด
ถ้าพระองค์วิ่งไปตอนนี้ มีหวังสิ้นชีพแน่"
"แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร ให้ฉันทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ตรงนี้เหรอ"
ทันใดนั้น แหอันใหญ่ก็ครอบทั้งสองพระองค์ไว้
พวกต่างดาวได้จับทั้งสองพระองค์ไว้แล้ว
.................................................................................................................................................................................................
จักรวาลที่ 1940
เจ้าชายแดนเถื่อนนามจักรภพรับอาสาพาราชินีพระจันทร์ชมโลกที่เสื่อมสลาย
ด้วยม้าตัวโปรดของเขา
เจ้าชายให้ราชินีพระจันทร์ทรงนั่งหน้าเขา ทำให้ราชินีเกิดคำถาม
"ใยท่านให้ข้านั่งหน้า แทนที่จะนั่งหลัง"
"ข้าจะได้ปกป้องพระองค์ได้ไงครับ"
ราชินีทรงเงียบไป
"ทรงอย่าเกร็งครับ ท่านพิงอกของข้าได้เลย"
ราชินีทรงทำตามคำแนะนำ ทรงพิงไปที่อกแกร่งของเจ้าชาย
ตอนนั้นทรงสัมผัสไออุ่นจากอกของเขาได้"
"ทรงอย่าขยับนะครับ ข้าจะไปอย่างเงียบที่สุด ม้าข้าก็จะเงียบด้วย
เรากำลังจะผ่านพวกพรายเรืองแสงที่มีพรายนับพัน
ขณะกำลังผ่านด้วยความเงียบ
แต่ดันมีใครมาทะลึ่งโยนหินลงไปในทะเลสาปสีฟ้า
ทำให้พรายนับฟันตื่นและเพ่งมองมาทางเจ้าชายกับราชินี
"จับข้าไว้ให้แน่นนะ ม้าข้าต้องเร่งฝีเท้า"
เจ้าชายแดนเถื่อนทรงพาราชินีหนี
เพื่อให้พ้นพวกพรายนับพันให้ได้
ระหว่างนั้นมียานลำใหญ่มาดูดทั้งสองขึ้นไปบนนั้น
ทั้งสองเหตุการณ์ทำให้ราฟาโพก้าตื่น
และเริ่มขยับร่าง
เพียงแค่นั้นก็ทำให้สิงสาราสัตว์ขวัญกระเจิง
พร้อมทั้งยังปลุกมังกรเก่าแก่ขึ้นมาอีกด้วย