ตามหา "อัตตา" จนเกิดปัญญาเห็นธรรม

กระทู้นี้มาแบ่งปันวิธีปฏิบัติธรรมที่ตัวเองเคยใช้และได้ผลจริง
ส่วนตัวเคยเป็นคนยึดมั่นอัตตามาก ให้พิจารณาอนัตตาไม่เข้าใจหรอก ต้องตามหาอัตตา
วิธีนี้อาจไม่ได้ผลทุกคน อย่างน้อยหวังว่าจะได้ผลสำหรับคนที่มีนิสัยและทิฏฐิคล้ายกัน

>>> ข้อสมมติตั้งต้น : ฉันมีจริง / เรามีจริง / อัตตามีจริง <<<

✻ 1. เริ่มต้นด้วยคำถามปรัชญา - ฉันคืออะไร? ✻

ส่วนตัวเป็นคนชอบอภิปรัชญา ตั้งคำถามค้นหาความจริงแท้ของสิ่งต่างๆ
จนเกิดคำถามว่า "ฉันคืออะไร?" สงสัยความเป็นตัวเราที่แท้จริงคืออะไร ตัวเราอยู่ตรงไหน
ตัวเราที่บริสุทธิ์ไม่ประกอบด้วยองค์ประกอบอื่นเป็นอย่างไร
สังเกตว่าคำถามไม่ใช่ "ฉันคือใคร" เพราะไม่ครอบคลุมพอ คำว่า "ใคร" มักได้คำตอบเป็นชื่อหรือตำแหน่ง

อะไรที่น่าจะเป็นตัวเราที่แท้จริงบ้าง
     ชื่อ? อายุ? เพศ? การศึกษา? อาชีพ? ฐานะการเงิน? ความสัมพันธ์ในครอบครัว?
     ร่างกาย? จิตใจ? ความจำ? นิสัย? ความเชื่อ? ความคิด? ฯลฯ
นึกออกมาให้มากที่สุด จดไว้

✻ 2. ตรวจสอบสิ่งที่สงสัย ✻

อย่าจบที่การนึกคิดทางปรัชญา กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและความขี้สงสัยออกมา
ตรวจสอบคำตอบแต่ละอย่างที่จดมาจากข้อที่แล้ว สิ่งนั้นคือตัวเราหรือไม่
การตรวจสอบต้องทำตลอดเวลา มีสติให้บ่อยที่สุด เฝ้ามองสิ่งนั้นในชีวิตประจำวัน
ติดตามไปสักระยะใหญ่ แล้วกลับมาย้อนคิดว่าสิ่งนั้นคือตัวเราจริงหรือไม่

ตัวอย่าง ตรวจสอบว่า "ตัวเราคือความคิดหรือไม่"
สังเกตและบันทึกความคิดเป็นเวลาหนึ่งเดือน พบว่าความคิดมีความกลับกลอกไปมา
เดี๋ยวคิดอย่างโน้น เดี๋ยวคิดอย่างนี้ บางทีความคิดตีกันเองในหัวอีก
ถ้าตัวเราคือความคิด ทำไมตัวเราถึงกลับกลอกไปมาไม่แน่นอน แสดงว่าตัวเราไม่ใช่ความคิด

ตรวจสอบอย่างนี้กับทุกสิ่งที่จดไว้จากข้อแรก ตัดสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราออกไปทีละอย่าง
ข้อควรระวัง อย่าใช้การนึกคิดเองว่าใช่หรือไม่ใช่ตัวเรา นั่นเป็นเพียงการคิดแบบปรัชญา
ให้สรุปจากการสังเกตและการจดบันทึกจริงเท่านั้น มีสติในชีวิตประจำวัน สังเกตเหตุการณ์บ่อยๆ

✻ 3. หรือว่าฉันคือสิ่งที่อยู่เหนือกว่านั้น? ✻

จากข้อสองพอตัดออกเรื่อยๆ จะเริ่มท้อใจ หาตัวเราไม่เจอสักที นั่นก็ไม่ใช่ นี่ก็ไม่ใช่
จนบางทีเกิดข้อสงสัย "หรือว่าฉันคือสิ่งที่อยู่เหนือกว่านั้น?"
ไม่ใช่สิ่งที่เห็นตรงไปตรงมา แต่มีอะไรซับซ้อนกว่านั้นหรือเปล่า
ฉันคือจิตเดิมแท้? ฉันคือความว่างเปล่า? ฉันคือตัวตนในโลกที่สูงกว่า? โลกนี้เป็นของปลอม?

ปัญหาคือสิ่งเหล่านี้ตรวจสอบไม่ได้ ไม่มีทางตรวจสอบได้โดยอาศัยสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้
ตรงนี้ต้องระวัง เป็นกับดักของคนขี้สงสัย ถ้ามัวตรวจสอบสิ่งเหล่านี้จะไม่มีวันออกจากกับดักข้อนี้
สิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ยิ่งคิดยิ่งไปทางปรัชญา ไม่ใช่การสังเกตจริง

ปัญญาเกิดจากการสังเกตสิ่งที่มีอยู่จริงเท่านั้น ให้ดึงตัวเองกลับไปที่ข้อสอง
กลับไปตรวจสอบสิ่งที่จดไว้จากข้อแรก ร่างกาย? จิตใจ? ความจำ? ความคิด? ฯลฯ
เคยตรวจสอบแล้วก็ตรวจสอบซ้ำเข้าไปอีก จากที่เคยตรวจสอบแบบตื้นๆ ก็เจาะลึกมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
มีสติ สังเกตการใช้ชีวิตประจำวัน เตือนตัวเองว่าต้องสรุปจากการสังเกตจริง ห้ามนึกคิดเอง

✻ 4. หาไม่เจอ - จำนนต่อความจริง ✻

ตัดสิ่งที่สงสัยออกเรื่อยๆ จนไม่มีอะไรให้ตรวจสอบต่อแล้ว ได้แต่ตรวจสอบสิ่งเดิมวนไปวนมา
เกิดข้อสงสัย "ฉันคงไม่มีจริงล่ะมั้ง?" ข้อสมมติตั้งต้นผิดตั้งแต่แรกหรือเปล่า
แต่ก็มีความสงสัยในทางตรงข้ามเช่นกัน "ถ้าฉันไม่มีจริงแล้วสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้คืออะไร?"

ตรงนี้ให้สังเกตสิ่งต่างๆ ซ้ำไปอีก ลึกเข้าไปอีก ตรวจสอบไปเรื่อยๆ จี้ๆๆ ตรวจๆๆ
ปัญญาแก่กล้าแล้ว จนถึงจุดหนึ่งจะจำนนต่อความจริงที่สังเกตมาตลอด ปล่อยวางอย่างสิ้นเชิง
ทั้งหมดก็มีแค่นี้ไม่ใช่เหรอ มีเท่าที่สังเกตมาตลอด มีเพียงความธรรมดา ไม่มีอะไรวิเศษ
ไม่มีอะไรเหนือกว่านั้น ไม่มีอะไรน่ายึดมั่นถือมั่น พ้นจากการยึดมั่นความมีตัวเราแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่