แค่สงสัย...รัฐบาลหาเงินมาชดใช้หนี้จำนำข้าวก่อนดีกว่าไหม?

กระทู้คำถาม
พรรคการเมือง ที่ใช้นโยบายประชานิยม ก่อหนี้ให้กับประเทศชาติหลายแสนล้านบาท
แม้จนถึงปัจจุบันประเทศชาติก็ยังมีหนี้เหลืออีกหลายแสนล้านบาทที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดอยู่

ดูเหมือนจะไม่เคยยอมรับว่าเป็นนโยบายที่ผิดพลาด

ดูเหมือนไม่เคยคิดที่จะลบล้างความผิดที่ตนเองได้ก่อเอาไว้เลยหรือ?

แต่กลับคิดที่จะใช้นโยบายที่อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายมากมายแก่ประเทศชาติ 
ซ้ำเติมเข้าไปอีก

โดยอ้างว่าเป็นพันธสัญญาที่ให้ไว้ตอนหาเสียง

หากมองย้อนกลับไปดู ก็จะพบว่า..

ในอดีต ก็มีหลายนโยบายที่ไม่ได้ทำตามที่สัญญาไว้แต่อย่างใด
แต่ก็ไม่ได้จะเป็นจะตายเหมือนนโยบายสิบพันนี้

การที่มากล่าวอ้างว่าประชาชนรอรับเงินอยู่
ท่านอาจจะมองข้ามไปว่า..

เวลาท่านออกไปพบเจอประชาชน ที่ท่านบอกว่ารอรับเงินสิบพันอยู่นั้น
ก็เป็นคนที่พรรคท่านจัดตั้งมาแทบทั้งสิ้น
คงไม่มีผู้เห็นต่างไปเรียกร้องกับท่านตามถนนหนทางหรอก

เพราะขนาดกลุ่มนักวิชาการฯออกมาแสดงความเห็นผ่านช่องทางสาธารณะ
ท่านยังให้ค่าเพียงแค่เสียงหนึ่งเท่านั้น
แถมยังบอกด้วยว่าเป็นคนที่ออกมาค้านแบบไม่มีเหตุผล

ถ้ามองในแง่ของความน่าเขื่อถือแล้ว
กลุ่มผู้แสดงความเห็นต่าง ย่อมมีดีกรี 
มีเครดิตมากกว่านักวิขาการของพรรคอย่างไม่ต้องสงสัย

จะมีประชาชนสักกี่คนที่จะรู้ว่า..
งบประมาณที่จะใช้ในเรื่องพื้นฐาน สวัสดิการสังคม ฯลฯ
คงต้องได้รับผลกระทบ และอาจต้องรอไปก่อนอีกเป็นสิบปี

เหตุการณ์ต่างๆในโลกนี้ ไม่มีใครที่จะรู้หรือทำนายได้
ปัญหาต่างๆที่ไม่คาดคิด มันสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวินาที

หากไร้ซึ่งงบประมาณรองรับ และสำรองไว้ ย่อมสร้างความเสียหายได้มาก

ลองสมมติเล่นๆว่า หากมีโรคระบาดคล้าย โควิดเกิดขึ้นอีกครั้ง
รัฐบาลจะทำอย่างไร? คงดูไม่จืดกันเลยทีเดียว

การคาดการณ์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลอ้างถึง
ก็ขาดการนำมาแสดงซึ่งตัวเลข อันเป็นเหตุเป็นผลทางวิชาการ
มีแต่คำกล่าวอ้างว่าศึกษามาแล้ว เศรษฐกิจจะเติบโตเท่านั้น เท่านี้ แน่นอน

การสื่อสารสู่สาธารณะ ก็ถูกด้อยความสำคัญลงไป

หากการเติบโตไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
ความเสียหายก็ย่อมเพิ่มพูนทวีคูณ เป็นเงาตามตัว

แค่หลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐานง่ายๆ
เมื่อใส่เงินจำนวนมหาศาลเข้าไปในระบบ
เงินเฟ้อย่อมเกิดขึ้นแน่นอน
ราคาสินค้าก็ขยับสูงขึ้น
ซึ่งมีแต่ขึ้น แต่ไม่เคยลดลง

ในระยะยาว..คนที่ต้องได้รับผลก็คือประชาชนทุกคน

แม้ว่านายก จะเดินทางไปชักชวนให้คนมาลงทุนในประเทศ
แต่นักลงทุนย่อมคาดการณ์ได้ว่า
ต้นทุนในการลงทุนจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน
จากนโยบายใส่เงินจำนวนมหาศาลเข้าในระบบแบบนี้
แล้วใครที่ไหนจะกล้ามาลงทุน
ในเมื่อมีประเทศอื่นที่ต้นทุนดำเนินการถูกกว่าไทย
และมีนโยบายการเงินการคลังที่นิ่งกว่า

เพราะนักลงทุนต้องมองระยะยาว
ประเทศที่มีต้นทุนการดำเนินการ
และความนิ่งของนโยบายการเงินการคลัง
ย่อมถูกใจนักลงทุนมากกว่าเป็นธรรมดา

การที่คนในรัฐบาลพูดประมาณว่า.. พร้อมที่จะรับผิดชอบโครงการนี้
โดยให้ประชาชนพิจารณาในการเลือกตั้ง
มันจะช่วยอะไรได้ เพราะความเสียหายอาจเกิดขึ้นไปแล้ว
รัฐบาลจะรับผิดชอบแค่นี้เองเหรอ?
ทำไมมันง่ายจัง..ะ

หรือการพูดว่า..ทำงานหนักทุกวัน
ก็ไม่ได้หมายความว่า 
ถ้าคนทำงานหนัก แล้วงานจะมีประสิทธิภาพตามไปด้วย

มีคำกล่าวที่ว่า..คนมี ๔ ประเภท
๑.ฉลาด แต่ ขี้เกียจ
๒.ฉลาด และ ขยัน
๓.โง่ และ ขี้เกียจ
๔.โง่ แต่ ขยัน

ประเภทที่ ๑ และ ๓ พบได้ทั่วไปในสังคมไทย
ประเภทที่ ๒ หายากที่สุด ทุกสังคมต้องการคนแบยนี้
ประเภทที่ ๔  อันตรายที่สุด เพราะสามารถสร้างความเสียหายได้มากที่สุด

หวังว่านายก จะเป็นบุคคลประเภทที่ ๒ นะครับ..
แม้ว่าอาจจะมีประเภทอื่นล้อมรอบอยู่บ้างก็ตาม

ถ้ารัฐบาลใช้สรรพกำลังเต็มที่ในการหาเงินห้าแสนกว่าล้าน ขนาดนี้
ลองทำสิ่งที่ง่ายกว่า..แค่หาเงินมาใช้หนี้จำนำข้าวที่ตนเองก่อไว้
ประเทศชาติย่อมได้ประโยชน์อย่างแน่นอน
และไม่เสี่ยงต่อความเสียหายใดๆ

นอกจากนี้..ก็คงไม่มีเสียงที่รัฐบาลไม่อยากได้ยิน ให้แสลงหู
และไม่ต้องเดือดร้อนถึงนายก ที่ต้องเรียกร้องมวลชน
ให้ออกมาสร้างความสับสน วุ่นวาย 
หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการแบ่งเป็นฝัก เป็นฝ่ายในชาติอีกด้วย...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่