1.คัดเลือกไปฟุตบอลโลก >>เพราะเราต้องการจะไปฟุตบอลโลก
2.เอเชียน "คัพ" >>รายการชิงแชมป์ทวีป
2.1 คัดเลือกเอเชียน คัพ ในกรณีที่ต้องไปคัดเลือก
3.อุ่นเครื่องเตรียมทีมคัดเลือกไปฟุตบอลโลก >> ฟีฟ่า เดย์ (เช่น จอร์เจีย กับ เอสโตเนีย )
4.อุ่นเครื่องเตรียมทีมเอเชียนคัพ >>ฟีฟ่า เดย์
จบ
ถ้าจัดลำดับความสำคัญเป็น โปรแกรมทีมชาติจะไม่เยอะเลย มันก็มีอยู่2รายการ+1สำคัญคือ คัดบอลโลกกับเอเชียนคัพ และนัดอุ่นเครื่องเตรียมทีม
ปัญหาของฟุตบอลไทยในเรื่องการจัดความสำคัญ เป็นทั้งสมาคมและแฟนบอล
แฟนบอลทั่วๆไปนอกบอร์ด ไม่แยกแยะว่าอะไรสำคัญอะไรไม่สำคัญ ไม่ได้แชมป์อาเซียนก็ด่า ไม่ได้แชมป์ซีเกมส์ก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่ได้เงินสนับสนุนจากการกีฬา แถมโดนด่าเหมือนกัน
เรื่องนี้จะโทษแฟนบอลอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโทษ สื่อ ยูทูปเบอร์ เพจ ทั้งหลายที่ชอบเล่นใหญ่ ตีฟู เวลาเราไม่ได้แชมป์ซีเกมส์ หรือAFF
สมาคมเองก็ไม่สื่อสารให้เพียงพอถึงความสำคัญของถ้วยต่างๆ ส่วนหนึ่งเพราะถ้วยอย่างซีเกมส์และAFF มันเรียกกระแส เรียกสปอนเซอร์ได้ กลายเป็นปัญหางูกินหาง
ตัวสมาคมที่ไม่มีพาวเวอร์อะไรอยู่แล้ว ก็ต้องไหลตามกระแสน้ำ ไม่ได้แชมป์ซีเกมส์ฝ่ายการเมืองข้างบนก็ด่า ไม่ได้แชมป์AFF ประชาชนทั่วไปที่เขาไม่ได้มารับรู้อะไรมาก ก็ด่า
มาลองเปรียบเทียบ ชาติเอเชียด้วยกัน
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซาอุ อิหร่าน กาตาร์ อุซเบ อิรัก ฯลฯ ชุดใหญ่
1.คัดบอลโลก
2.เอเชียนคัพ
3.อุ่นเครื่อง
จะเห็นว่าชาติพัฒนาด้านฟุตบอลเขาก็เตะอยู่ 2 รายการ+1 อุ่นเครื่อง
โจทย์หลักคือ ทำยังไงก็ได้ให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเข้าใจสักทีว่า เราไม่ควรจะไปจริงจังเกินเหตุกับ AFF/ซีเกมส์/เอเชียนเกม (สองรายการหลังควรเป็นกึ่งสมัครเล่นด้วยซ้ำ) และอธิบายกับแฟนบอลอย่างตรงไปตรงมา ได้แชมป์อาเซียน 10 สมัยติดต่อกันก็ไม่ได้ไปบอลโลกหรือทำให้ฝีเท้าพัฒนาขึ้น "ให้แฟนบอลหรือประชาชนเลิกใช้ตรรกะ ขนาดอาเซียนยังไม่ได้แชมป์ ยังไปบอลโลกได้ไง" เพราะเตะกับอาเซียนด้วยกันเอง ที่ไม่เคยมีชาติไหนได้ไปฟุตบอลโลกสมัยใหม่ ก็ไม่ได้ทำให้เราพัฒนาขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ และทำให้จัดโปรแกรมไทยลีกยาก ส่งผลต่อรายการที่ควรจะให้ความสำคัญ
รายการอาเซียนทั้งหลายที่ไม่ได้ยึดโยงกับฟุตบอลนอกอาเซียน ก็ควรส่ง‘ชุดผสม’(ฟอร์มดีในลีกแต่ไม่เคยติดทีมชาติ+U21/23)ไป
การจัดลำดับความสำคัญของรายการทีมชาติที่ควรจะเป็น
2.เอเชียน "คัพ" >>รายการชิงแชมป์ทวีป
2.1 คัดเลือกเอเชียน คัพ ในกรณีที่ต้องไปคัดเลือก
3.อุ่นเครื่องเตรียมทีมคัดเลือกไปฟุตบอลโลก >> ฟีฟ่า เดย์ (เช่น จอร์เจีย กับ เอสโตเนีย )
4.อุ่นเครื่องเตรียมทีมเอเชียนคัพ >>ฟีฟ่า เดย์
จบ
ถ้าจัดลำดับความสำคัญเป็น โปรแกรมทีมชาติจะไม่เยอะเลย มันก็มีอยู่2รายการ+1สำคัญคือ คัดบอลโลกกับเอเชียนคัพ และนัดอุ่นเครื่องเตรียมทีม
ปัญหาของฟุตบอลไทยในเรื่องการจัดความสำคัญ เป็นทั้งสมาคมและแฟนบอล
แฟนบอลทั่วๆไปนอกบอร์ด ไม่แยกแยะว่าอะไรสำคัญอะไรไม่สำคัญ ไม่ได้แชมป์อาเซียนก็ด่า ไม่ได้แชมป์ซีเกมส์ก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่ได้เงินสนับสนุนจากการกีฬา แถมโดนด่าเหมือนกัน
เรื่องนี้จะโทษแฟนบอลอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโทษ สื่อ ยูทูปเบอร์ เพจ ทั้งหลายที่ชอบเล่นใหญ่ ตีฟู เวลาเราไม่ได้แชมป์ซีเกมส์ หรือAFF
สมาคมเองก็ไม่สื่อสารให้เพียงพอถึงความสำคัญของถ้วยต่างๆ ส่วนหนึ่งเพราะถ้วยอย่างซีเกมส์และAFF มันเรียกกระแส เรียกสปอนเซอร์ได้ กลายเป็นปัญหางูกินหาง
ตัวสมาคมที่ไม่มีพาวเวอร์อะไรอยู่แล้ว ก็ต้องไหลตามกระแสน้ำ ไม่ได้แชมป์ซีเกมส์ฝ่ายการเมืองข้างบนก็ด่า ไม่ได้แชมป์AFF ประชาชนทั่วไปที่เขาไม่ได้มารับรู้อะไรมาก ก็ด่า
มาลองเปรียบเทียบ ชาติเอเชียด้วยกัน
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซาอุ อิหร่าน กาตาร์ อุซเบ อิรัก ฯลฯ ชุดใหญ่
1.คัดบอลโลก
2.เอเชียนคัพ
3.อุ่นเครื่อง
จะเห็นว่าชาติพัฒนาด้านฟุตบอลเขาก็เตะอยู่ 2 รายการ+1 อุ่นเครื่อง
โจทย์หลักคือ ทำยังไงก็ได้ให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเข้าใจสักทีว่า เราไม่ควรจะไปจริงจังเกินเหตุกับ AFF/ซีเกมส์/เอเชียนเกม (สองรายการหลังควรเป็นกึ่งสมัครเล่นด้วยซ้ำ) และอธิบายกับแฟนบอลอย่างตรงไปตรงมา ได้แชมป์อาเซียน 10 สมัยติดต่อกันก็ไม่ได้ไปบอลโลกหรือทำให้ฝีเท้าพัฒนาขึ้น "ให้แฟนบอลหรือประชาชนเลิกใช้ตรรกะ ขนาดอาเซียนยังไม่ได้แชมป์ ยังไปบอลโลกได้ไง" เพราะเตะกับอาเซียนด้วยกันเอง ที่ไม่เคยมีชาติไหนได้ไปฟุตบอลโลกสมัยใหม่ ก็ไม่ได้ทำให้เราพัฒนาขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ และทำให้จัดโปรแกรมไทยลีกยาก ส่งผลต่อรายการที่ควรจะให้ความสำคัญ
รายการอาเซียนทั้งหลายที่ไม่ได้ยึดโยงกับฟุตบอลนอกอาเซียน ก็ควรส่ง‘ชุดผสม’(ฟอร์มดีในลีกแต่ไม่เคยติดทีมชาติ+U21/23)ไป