เทศกาล"คเณศจตุรถี ณ ประเทศอินเดีย" ที่เมืองปูเน่และมุมไบ EP.1


หลังจากที่ผมเคยไปเยือนอินเดีย มาแล้วสามครั้ง...และทุกครั้งมักจะนำภาพในการไปเยือนอินเดียมาแบ่งปันเพื่อนๆในเฟสบุ๊กอยู่บ่อยๆ...ผมคิดว่าตัวผมเองกับอินเดียคือคู่กัน...คงไม่มีใครอยากไปอินเดียซ้ำๆ ถ้าไม่รักจริง
ผม และภรรยารู้สึกโชคดีและตื่นเต้น ที่ได้รับไลน์จากน้องชาย (น้องชายภรรยา) น้องหนึ่ง ชวนไปเที่ยวอินเดีย อีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่สี่ของผม และครั้งแรกของภรรยา... แต่เป็นครั้งแรกของผม ที่จะได้ไปเยือนเมืองมุมไบ และปูเน่...ไปเป็นคณะทัวร์ขนาดใหญ่ใน แบบ VVIP ซึ่งมีเซเลป หลายคนร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย (แล้วจะมาเล่าให้ฟังว่า VVIP ยังไง ขนาดไหน)
ทัวร์ครั้งนี้ ผู้จัดคือ ครอบครัว "เคณศอินทร์ศวร" มี Concept ว่า "กินหรู อยู่สบาย พักโรงแรมอลัง แต่งตัวสวยงามเวอร์วัง ขอพรแบบ VIP" ...ในเทศกาลคเณศจตุรถี ณ ประเทศอินเดีย 10 วัน/8 คืน
เป็นความโชคดีมากๆ ที่ผมและภรรยา ได้มีโอกาสไปชมและขอพรพระพิฆเณศในงานเทศกาลเฉลิมฉลองพระพิฆเณศอันยิ่งใหญ่ของชาวอินเดีย...โอกาสดีๆอย่างนี้คงเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีน้องชายและน้องสาวที่แสนดี คือน้องหนึ่ง คิดคม ใจรัก หมูหนึ่งพัทยา และ น้องภัก Suphak Jairak
เรา พี่หยามและพี่แมว ต้องขอขอบคุณน้องทั้งสองคน ที่เปิดโอกาสให้เราได้ไปเห็นความศรัทธา ของคนนับล้านที่มีต่อองค์พระพิฆเณศในประเทศอินเดีย ณ เมืองมุมไบและบูเน่ ในครั้งนี้

ทริปนี้เราออกเดินทางในเย็นวันที่ 23 กันยายน 2566 โดยสายการบิน ไทย แอร์เวย์ เที่ยวบิน TG - 317 ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ วันนี้เครื่องดีเลย์นิดหน่อยเพราะสภาพอากาศเป็นเหตุ

พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิเตรียมตัวเดินทางสู่มุมไบ อินเดีย

เครื่องลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติฉัตรปตี ศิวาจี มหาราช นครมุมไบ สี่ทุ่มกว่าๆ ในเวลาของประเทศอินเดีย ถ้าเป็นเวลาในไทย ก็คงจะตีหนึ่งแล้วมั้ง เพราะเวลาที่อินเดียจะช้ากว่าเมืองไทยอยู่ 1.30 ชั่วโมง กว่าจะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง เวลาก็ปาไปเกือบจะเที่ยงคืน 

คณะลูกทัวร์ในทริป "เทศกาลคเณศจตุรถี ณ ประเทศอินเดีย" ในครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก ครอบครัว "เคณศอินทร์ศวร" ซึ่งนำโดยคุณ บอล เคณศอินทร์ศวร ที่มาประสานงานกับทางอินเดีย รอคณะทัวร์จากประเทศไทยอยู่ก่อนแล้วเกือบครึ่งเดือน 

ครอบครัว"เคณศอินทร์ศวร"นำโดย คุณบอล เคณศอินทร์ศวร ต้อนรับอย่างอบอุ่น
ที่ท่าอากาศยานนานาชาติฉัตรปตี ศิวาจี มหาราช นครมุมไบ

ผ่านพิธีการต้อนรับที่ท่าอากาศยานนานาชาติฉัตรปตี ศิวาจี มหาราช นครมุมไบ โดยครอบครับ "เคณศอินทร์ศวร" เรียบร้อยเราต้องเดินทางต่อไปยังเมืองปูเน่ โดยรถบัส(แยกเป็นคณะทัวร์เป็น 2 คัน)   ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินนครมุมไบ ไปประมาณ 160 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเกือบสี่ชั่วโมงกันเลยทีเดียว

อารมณ์เส้นทางจากนครมุมไบไปเมืองปูเน่ ที่พยายามผมเหลือบตามองดูจากกระจกรถบัสเป็นช่วงๆ...ในขณะที่ผมครึ่งหลับครึ่งตื่นคงจะประมาณอารมณ์ขึ้นเขาปัก มีรถบรรทุกวิ่งเยอะๆในช่วงกลางคืน แต่รถบรรทุกและรถบัสที่อินเดียจะขับกันช้า ไปเรื่อยๆ(ไม่ได้เก็บภาพมาฝากเพราะหลับๆตื่นๆ) คงจะเป็นกฏหมายของทางอินเดียที่ควบคุมความเร็ว ถึงช้าหน่อยแต่ปลอดภัย...ถ้าเป็นที่เมืองไทย ระยะทาง 160 กิโลเมตร ไม่น่าจะเกิน 2 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย

รถบัสพาคณะเราถึงโรงแรม Sheraton Grand Pune ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 6 ดาว ในเมืองปูเน่ ..เวลาประมาณ ตีสี่ กว่าจะได้เข้าห้องพักก็เกือบตีห้าเข้าไปแล้ว แต่ไม่มีปัญหาเพราะดูจากโปรแกรมแล้วเวลาพาทัวร์ไหว้ขอพรพระพิฆเณศ ตามซุ้มต่างๆส่วนใหญ่จะเป็นเวลากลางคืน เกือบยันหว่าง...กลางวันใครตื่นไหว อยากออกไปเดินเที่ยว(อย่างผม) ก็ตามสบายเลย...รวมตัวกันอีกทีโน้น สี่ห้าโมงเย็น

ผมพึ่งได้นอนตอนตีห้าก็จริง แต่เก้าโมงผมก็ต้องดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้ว...เพราะใจอยากจะออกไปเดินเก็บภาพชมวิถีชาวอินเดีย ที่อยู่ในสถานีรถไฟ ซึ่งอยู่ไปไกลจากโรงแรมที่พักมากนัก...นี่ถ้าตอนเช้าที่ปูเน่มีพระออกบิณฑบาตร ตอนเช้า ผมคงไม่ได้นอนแน่ๆ

อาหารเช้ามื้อแรกที่โรงแรม Sheraton Grand Pune ใช้ได้เลย ผมทานได้ทุกอย่าง อาหารอินเดียก็อร่อยๆ มีหลากหลายเมนู ทั้งอาหารยุโรป อินเดีย...เป็นแบบบุฟเฟต์ ทานเพลินเลยครับ

อาหารเช้าช่วงสายๆ ที่โรงแรม   Sheraton Grand Pune

น้องหนึ่ง(น้องชาย) บอกผมไว้ว่าด้านหน้าโรงแรมเป็นสถานีรถไฟ(ชุมทางรถไฟ)ของเมืองปูเน่ พอได้ยินผมนี่หูผึ่งเลยครับ เพราะชอบแนวนี้อยู่แล้ว

พอทานอาหารเช้าเสร็จสรรพ ผมไม่รอช้ารีบเดินออกไปด้านหน้าโรงแรมตรงดิ่งไปยังสถานีรถไฟปูเน่ทันที ผมเดินจากหน้าประตูโรงแรม ไปประมาณห้าสิบเมตร ก็ถึงสถานีรถไฟ Pune Raiway Station มองเห็นเสาตอหม้อที่อยู่เหนือถนน น่าจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่วิ่งภายในเมือง คล้าย BTS บ้านเรา...แต่ด้านล่างใกล้ๆกัน เป็นชุมทางรถไฟ แบบ Local ที่ใช้เดินทางข้ามเมืองไปยังเมืองต่างๆของประเทศอินเดีย

สถานีรถไฟฟ้า Pune Raiway Station

ปูเน่ Pune เป็นเมืองที่ใหญ่อันดับ 2 ของรัฐ Maharashtra ในประเทศอินเดีย และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 7 ของประเทศตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของมุมไบ  สภาพภูมิทัศน์ตั้งอยู่บนเนินเขาตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 560 เมตรบนที่ราบสูงเดกกัน ...เป็นเมืองศูนย์กลางทางการศึกษาของประเทศอินเดียเนื่องจากเป็นที่ตั้งของหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อาจกล่าวได้ว่าที่นี่เป็น “ออกซฟอร์ดแห่งอินเดีย”ก็ว่าได้ และที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ หลายแห่ง


ผมเดินไปบนทางเชื่อมหรือถนนลอยฟ้าข้ามไปยังชุมทางรถไฟเมืองปูเน่...ที่นี่เป็นสถานีรถไฟแห่งแรกๆ เป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ ของอินเดียที่สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1853 เป็นเส้นทางข้ามภูเขาไปยังนครมุมไบ หรือบอมเบย์ ในอดีต และอาคารสถานีรถไฟแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2468


นอกจากหัวลำโพง... ที่นี่เป็นสถานีรถไฟในอินเดียแห่งแรก ที่ผมได้มีโอกาสได้มาเดินสัมผัส ผมรู้สึกสบายใจแม้เป็นคนแปลกหน้าคนเดียวที่เดินในกลุ่มชนชาวอินเดีย...ผู้คนที่นี่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวชอบเข้ามาทักทาย ชวนคุย ถามโน่นนิด นี่หน่อย...เห็นผมสะพายกล้องมักเชิญชวนให้ผมถ่ายรูปให้...ไม่ว่าเด็กๆหรือผู้ใหญ่ ถ่ายให้แล้วเขาก็มีความสุข...ถึงแม้จะไม่เห็นรูปของตัวเองก็ตาม

บรรยากาศภายในชุมทางรถไฟ เมืองปูเน่

ผมเดินเรื่อยๆลัดเลาะไปในสถานีรถไฟปูเน่... ซอกแซกไปตามอารมณ์เหมือนเดินที่สถานีรถไฟหัวลำโพงแล้วทะลุออกมาทางคลองผดุงกรุงเกษม...ก็จ๊ะเอ๋ กับร้านสตรีทฟู๊ดอินเดีย หลากหลายร้านในย่านนี้...เสียดายที่ผมอิ่มแปร้ มาจากโรงแรมแล้วเลยไม่ได้อุดหนุนพี่ๆเค้า...แค่ขอถ่ายรูป ถ่ายคลิป พี่ๆเค้าก็ส่ายหน้าโอเค ทันที...ถึงแม้หน้าตาพี่ๆจะดูเข้มๆ ตึงๆ...แต่ชอบถ่ายรูปหล่ะดูออก

อาหารสตรีทฟู๊ดอินเดีย ที่ผมคุ้นหูคุ้นตาหน่อยก็คงจะเป็น ...ปานิปูริ ของกินเล่นของชาวอินเดีย ซึ่งสามารถหาได้ทั่วไป ตามข้างทางข้างถนน ตามรถเข็นที่จอดขายอยู่ริมรั้ว ริมฟุตบาททั่วไป... เมนูนี้ถือว่า เป็นซิกเนเจอร์ ของอาหารว่างทานเล่น ของคนอินเดียเลยทีเดียวครับ ถ้าเราไปเที่ยวอินเดียจะเห็นกันบ่อย ๆ...พี่ๆเขาจะใช้นิ้วจิ้มแป้งกลมๆกรอบๆแตกตรงกลาง แล้วกรอกน้ำซุปสมุนไพรรสชาติจี๊ดจ๊าด ขึ้นจมูก วางบนถ้วยกระดาษให้เรา จะกินกี่อันก็ว่ากันไป...ใครมีโอกาสไปอินเดียห้ามพลาดเมนูนี้เด็ดขาดครับ

ร้านนี้ขาย ปานิปูริ (พี่เสื้อม่วงเจ้าของร้าน พี่เสื้อขาวเดินผ่านมาเข้ามาแจมฮ่าาาๆๆๆ)

ผมคนหนึ่งหล่ะ ...ที่ชอบดื่มชาของอินเดียซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูที่ขึ้นชื่อและมึชื่อเสียงที่สุดของอินเดีย และเป็นเครื่องดื่มที่ใครๆลองแล้วก็จะติดใจ ถ้าไปเที่ยวอินเดียจะเห็นชาวอินเดียชอบกินชามาก...เอาจริงๆนะ อินเดียนี่แหละที่เป็นผู้ผลิตชาเป็นอันดับสอง ของโลก ชาอินเดียมีหลายชนิด...แต่ที่คุ้นหู คุ้นตา คุ้นลิ้น ที่สุด ก็คงไม่พ้น ชาจาย "Chai" เป็นชาที่เราเห็นและปรุงขายตามสตรีทฟู๊ด ทั่วไปในอินเดีย

ชา Chai เป็นกรรมวิธีการปรุงชาของชาวอินเดีย ซึ่งปัจจุบันมีชื่อเสียงไปทั่วโลก...มีชาดำจากรัฐอัสสัม นำมาผสมกับเครื่องเทศ สมุนไพรอื่นๆเพื่อเพิ่มรสชาติ...เพิ่มนมนิด น้ำตาลหน่อย รสชาติกลมกล่อมเลยหล่ะ

ร้านนี้ขายชา "จาย"

อีกหนึ่งเมนูก็คงไม่พ้น ซาโมซ่า ของทานเล่น ที่คนอินเดีย นิยมทานกันมาก ๆ และจะพบเจอได้บ่อยไม่แพ้ ปานิปูริ หากใครไปที่เที่ยวที่อินเดีย ตามข้างทางทุกเมือง ต้องมีขนมนี้ขายตลอด เป็นสตรีทฟู๊ดของคนอินเดีย อีกอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยม ถ้าจะอธิบายง่าย ๆ ว่าคล้ายกับขนมอะไรในบ้านเรา ก็คงคล้ายกับ กะหรี่ปั๊บนั่นเองแหละครับ

ร้านนี้ขาย ซาโมซ่า


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่