นี่คงเป็นกระทู้แรกในชีวิตที่เขียนเล่าเรื่องผีเป็นตัวหนังสือ ซึ่งคิดว่ามันน่าจะเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า ปกติจะเล่าให้เพื่อนๆ ฟังเป็นหัวข้อสนทนาที่คนส่วนใหญ่สนใจ ที่เกี่ยวกับประสบการณ์ในการเจอผี และจะบอกว่า มันไม่ได้ติดตัวมาตั้งแต่เกิดหรอกนะ....หุ...หุ
ตอนเด็กๆเราก็มีชีวิตเหมือนเด็กปกติ บ้านอยู่ต่างจังหวัดทางภาคใต้ สมัยก่อนชอบมีการจับเด็กไปเรียกค่าไถ่ โดยส่งธนาบัตรครึ่งใบมาเสียบที่หน้าประตูบ้าน มันคือการขู่ให้เจ้าของบ้านต้องนำเงินไปให้ไม่งั้นจะจับตัวลูกหลานในบ้านไป (จับเอาไปทำไรก็ไม่อาจรู้ได้) ตอนนั้นเราน่าจะพึ่ง 2-3 ขวบ เป็นเด็กอ้วนขาวน่ารักด้วยสิเรา พ่อกับแม่ก็ว้าวุ่นเลย จับส่งไปอยู่กับคุณลุง ที่กรุงเทพตั้งแต่อนุบาล กับพี่ชายตัวแสบที่แก่กว่า 2 ปี ขยันแกล้งน้องสาวผู้น่ารัก น่าสงสารเป็นที่สุด เราอยู่บ้านคุณลุงกับพี่ชายจนเราเรียนจบ ม.3 กำลังจะขึ้น ม.4 เรามีพี่น้อง 3 คน พอน้องชายตัวอ้วนจะขึ้นมาเรียนกรุงเทพด้วย แม่ผู้ที่เตรียมการทุกอย่างบนโลกนี้เสมอ ได้ซื้อตึกแถวที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนรอมาหลายปี จากนั้น พวกเรา 3 คนพี่น้องจึงได้ย้ายไปอยู่ที่ตึกแถวแถวลาดพร้าว
....................ณ จุดนี้ชีวิตเด็กสาววัย 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ ก็เปลี่ยนไป
วันแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นตึกแถว 4 ชั้น เนื่องจาก ยัง Renovate ไม่เรียบร้อย ทุกคนต้องมานอนเรียงกันเป็นปลาทู (แต่หน้าไม่งอ คอไม่หัก)
ที่ห้องชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องนอนของพี่ชายกับน้องชาย คืนแรกที่นอน ก็เจอดีทันทีผีอำครั้งแรก ขนาดเลือกนอนตรงกลางแล้วนะ ยังจะโดน เคยฟังแต่คนอื่นเค้าเล่ามา ความรู้สึกคือ เหมือนเรารู้สุกตัวเองทุกอย่าง แต่ขยับไม่ได้แม้แต่จะอ้าปาก ได้แต่ดิ้นๆๆๆๆ ดิ้นไปๆๆๆๆ จนเหนื่อย โชคดีที่น้องชายละเมอเตะขามาโดนตัวเรา ทำให้เราเหมือนหลุดออกมาจากการอำ อย่างว่าครั้งแรกอ่ะนะมันเลยกลัวมากๆแต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังกลัวหาว่าบ้าบ้างแหล่ะ เพ้อเจ้อบ้างแหล่ะ พอรุ่งเช้าที่บ้านก็มีการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ หลังจากนั้นก็ขึ้นไปจัดห้องนอนส่วนตัว ชั้น 3 เตรียมต้อนรับเฟอร์นิเจอร์ใหม่เพราะเริ่มทะยอยมาส่ง ระหว่างที่จัดโต๊ะหนังสือเป็นช่วงโพ้เพ้ อากาศไม่ร้อนมากจึงเปิดหน้าต่างรับลม ก็ได้ยินเสียงบทสวดในงานศพเบาๆ เบามาก ลอยมาตามลม ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก ช่วงนี้แม่ที่มาจากต่างจังหวัดยังนอนเป็นเพื่อนอยู่อีกหลายวันเพราะบ้านยังไม่เรียบร้อย ที่บ้านนอกจาก 3 คนพี่น้องก็ยังมีคุณแม่บ้านชื่อพี่ใจที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นชีวิตจิตใจและนอนอยู่ที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า หลังจากบ้านเรียบร้อยแม่กับต่างจังหวัด ที่บ้านก็จะมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นตลอด เช่น แม่บ้านเดินมาถามว่ามีอะไร เห็นเรียก ทั้งๆที่ไม่มีใครเรียก บ่อยมากเดี๋ยวก็พี่ชาย น้องชาย แหกปากตะโกนไปมาบอกว่า....ทำไม...ใครเรียก ทั้งที่ไม่มีใครเรียก แต่ทุกคนในบ้านเงียบกริ๊บบบบบ...ไม่ใครกล้าพูดเรื่องมีผีในบ้าน แต่ทุกคนก็ยังไม่เจอจะเหมือนเราที่โดนผีอำบ่อยมาก จนต้องอัเหมือนจะชินแต่ก็ไม่ ขอเล่าเฉพาะที่เจอ shot เด็ดๆล่ะกัน
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ก่อนวันหวยออก เรานอนเล่นในห้องน้องชายกับพี่ชายแล้วเผลอหลับ เจอผีเด็กตอนกลางวันแสกๆจ้า มานั่งนับเลข 1-13 แล้วหยุด
คราวนี้แอบโกธร ไอ้เด็กเวร มาอำเฉยๆก็เหนื่อยจะแย่ ดันเพิ่ม option ดึงขามาอีกกกก พอวันจันทร์ไปเล่าให้เพื่อนที่โรงเรียนฟัง หวยต้องมาแล้วว เพื่อนเลยไปซื้อ 13 ถูกจ้าาาา ถูกแล้วเงียบไม่แบ่ง แล้วยังมีน่ามาขอเลขอีกนะ......นิสัยยยย!!!!!!!!!
เนื่องจากพวกเรา 3 คนพี่น้องเป็นเด็กน่าตาดี๊ดี อีตัวพี่พอเข้ามหาลัยก็มีแฟน ติดหญิงหายหัวไปเลย ปล่อยให้น้องตาดำๆอยู่กันเพียง 2 คน อีตัวน้องก็สาวตรึม จนวันหนึ่งมีเพื่อนบ้านผู้ปรารถนาดีมาทำความรู้จักเรา เพราะหลงรักอีตัวน้องชาย เลยเข้าทางพี่สาวสิ ชวนเราไปที่บ้านตีซี้สุดๆอ่ะบ้าบอ แต่ทำให้เราถึงกับอึ้ังกับคำถามว่า.... พี่ๆเจออะไรในบ้านไหมคะ บ้านที่พี่ซื้อต่อมาเนี่ย เคยมีผู้หญิงผูกคอตาย พอได้ยินเช่นนั้นเราก็ถึงกับอุทานในใจเบาๆ...

ฉายที่นี่แล้วสินะ ณ จุดนี้ ทำให่เราได้รู้ถึงที่มาของเรื่องผี แต่ก็ยังไม่เล่าให้ใครฟัง ยังคงเป็นความลับที่อยู่ในใจ เป็นความลับที่อยู่ข้างใน แต่ไม่รู้จะบอกเธอได้อย่างไร เพลงก็มา
การปะกับผีนอกบ้านครั้งแรกนอกบ้าน ทุกปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น เราจะต้องนั่งรถไฟกับไปหาพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด ตอนนั้นจำไม่ได้ว่า ขาไป หรือขากลับจากต่างจังหวัด รถไฟเป็นรถไฟปรับอากาศแบบตู้นอนมี 2 ชั้น อีพี่นอนบนส่วนเรานอนข้างล่าง คืนนั้นบนรถไฟดันปวดขรี้กะทันหันตอนตี 3 โดยปกติไม่เค๊ยเคยจะอั้นตลอด แต่ตอนนั้นมันสุดจะทานทน ตายเป็นตาย ยังไงก็ต้องขรี้!!!!!!!! รถไฟจะเป็นตู้ๆ แต่ละตู้จะมีที่ประตูกั้นเพราะมีทางขึ้น-ลงทุกตู้ และห้องน้ำรถไฟจะอยู่ท้ายตู้ ภายในห้องน้ำก็น่ากลัวสุดๆ กลัวจะร่วงลงท่อขรี้ เพราะมันเป็นช่องทะลุลงไปเห็นรางรถไฟ หลังจากเสร็จสมอารมณ์หมาย เราก็มายืนล้างมือหน้าห้องนำ้ ระหว่างนั้นตรงประตูกั้นแต่ละตู้ บานประตูจะเป็นกระจกใสข้างจะเป็นเหมือนบานเกล็ดแบบมองเห็น (ไม่รู้อธิบายถูกไหม) เราเห็นผู้ชายผ่านไป แต่...แต่ ขาไปไหน ขาทำไมไม่สามัคคีกับตัวล่ะ ซวยยยยยยยยยยยยยยยยแล้ว ตอนนั้นเราถึงเข้าใจแล้วว่า ทำไมเวลาเจอผีผมถึงตั้ง ผมของเราที่ยาวเกือบถึงเอวมันพยายามจะตั้งขึ้น ขนแขน ขนขา ขน..... ลุกซู่ พอๆกับขาที่รีบก้าวกลับเข้าที่นอนอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นหมาข้างทางก็พร้อมใจกันหอนรับช่วงกันตามทางที่รถไฟวิ่ง พอมานั่งสงบสติอารมณ์ในตู้นอนก็เข้าใจได้ว่าคงเป็นผีที่ถูกรถไฟทับขาขาดแน่ๆ จากเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าหมาหอนอ่ะ แสดงว่าคุณโชคดีแล้วล่ะที่มีผี all around you ฮิฮิ
shot เด็ดในบ้านกันต่อ....ในเช้าวันหนึ่งที่เหมือนจะสดใส คุณแม่บ้านผู้เคร่งในศาสนาถามว่า เมื่อคืนมายืนทำอะไรหน้าห้องนำ้ชั้น 2 ตอนตี 2 แล้วจะให้ตอบยังไงเพราะห้องนำ้มันมีทุกชั้น จะตะก่ายลงมาฉี่ชั้นอื่นทำไม เราเลยบอกคุณแม่บ้านไปว่า......พี่เจอของดีซะล่ะ เราเลยตัดสินใจที่จะเล่าให้แม่ฟัง จากนั้นแม่ได้ไปปรึกษาผู้ที่มีพลังสัมผัสพิเศษ แล้วโทรมาบอกเราว่าไม่ต้องกลัว เค้ามาดี (ดีตรงไหน อันนี้คิดเอง) ไม่ทำร้ายคนในบ้าน (คนนอกบ้านก็ตัวใครตัวมันสินะ) แต่เแม่บอกว่าห้ามเล่าเรื่องนี้ให้พี่ชาย กับน้องชายฟัง เดี๋ยวจะกลัวกันหมด
การหลอกหลอนก็ยังดำเนินเรื่อยมาจากเด็กสาวมัธยม ก้าวเข้าสู่มหาลัย ความน่ากลัวก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามอายุของเรา แล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อน้าาาา
เรื่องเล่าของคนเคยเจอผี ตอนที่1
ตอนเด็กๆเราก็มีชีวิตเหมือนเด็กปกติ บ้านอยู่ต่างจังหวัดทางภาคใต้ สมัยก่อนชอบมีการจับเด็กไปเรียกค่าไถ่ โดยส่งธนาบัตรครึ่งใบมาเสียบที่หน้าประตูบ้าน มันคือการขู่ให้เจ้าของบ้านต้องนำเงินไปให้ไม่งั้นจะจับตัวลูกหลานในบ้านไป (จับเอาไปทำไรก็ไม่อาจรู้ได้) ตอนนั้นเราน่าจะพึ่ง 2-3 ขวบ เป็นเด็กอ้วนขาวน่ารักด้วยสิเรา พ่อกับแม่ก็ว้าวุ่นเลย จับส่งไปอยู่กับคุณลุง ที่กรุงเทพตั้งแต่อนุบาล กับพี่ชายตัวแสบที่แก่กว่า 2 ปี ขยันแกล้งน้องสาวผู้น่ารัก น่าสงสารเป็นที่สุด เราอยู่บ้านคุณลุงกับพี่ชายจนเราเรียนจบ ม.3 กำลังจะขึ้น ม.4 เรามีพี่น้อง 3 คน พอน้องชายตัวอ้วนจะขึ้นมาเรียนกรุงเทพด้วย แม่ผู้ที่เตรียมการทุกอย่างบนโลกนี้เสมอ ได้ซื้อตึกแถวที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนรอมาหลายปี จากนั้น พวกเรา 3 คนพี่น้องจึงได้ย้ายไปอยู่ที่ตึกแถวแถวลาดพร้าว
....................ณ จุดนี้ชีวิตเด็กสาววัย 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ ก็เปลี่ยนไป
วันแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นตึกแถว 4 ชั้น เนื่องจาก ยัง Renovate ไม่เรียบร้อย ทุกคนต้องมานอนเรียงกันเป็นปลาทู (แต่หน้าไม่งอ คอไม่หัก)
ที่ห้องชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องนอนของพี่ชายกับน้องชาย คืนแรกที่นอน ก็เจอดีทันทีผีอำครั้งแรก ขนาดเลือกนอนตรงกลางแล้วนะ ยังจะโดน เคยฟังแต่คนอื่นเค้าเล่ามา ความรู้สึกคือ เหมือนเรารู้สุกตัวเองทุกอย่าง แต่ขยับไม่ได้แม้แต่จะอ้าปาก ได้แต่ดิ้นๆๆๆๆ ดิ้นไปๆๆๆๆ จนเหนื่อย โชคดีที่น้องชายละเมอเตะขามาโดนตัวเรา ทำให้เราเหมือนหลุดออกมาจากการอำ อย่างว่าครั้งแรกอ่ะนะมันเลยกลัวมากๆแต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังกลัวหาว่าบ้าบ้างแหล่ะ เพ้อเจ้อบ้างแหล่ะ พอรุ่งเช้าที่บ้านก็มีการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ หลังจากนั้นก็ขึ้นไปจัดห้องนอนส่วนตัว ชั้น 3 เตรียมต้อนรับเฟอร์นิเจอร์ใหม่เพราะเริ่มทะยอยมาส่ง ระหว่างที่จัดโต๊ะหนังสือเป็นช่วงโพ้เพ้ อากาศไม่ร้อนมากจึงเปิดหน้าต่างรับลม ก็ได้ยินเสียงบทสวดในงานศพเบาๆ เบามาก ลอยมาตามลม ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก ช่วงนี้แม่ที่มาจากต่างจังหวัดยังนอนเป็นเพื่อนอยู่อีกหลายวันเพราะบ้านยังไม่เรียบร้อย ที่บ้านนอกจาก 3 คนพี่น้องก็ยังมีคุณแม่บ้านชื่อพี่ใจที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นชีวิตจิตใจและนอนอยู่ที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า หลังจากบ้านเรียบร้อยแม่กับต่างจังหวัด ที่บ้านก็จะมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นตลอด เช่น แม่บ้านเดินมาถามว่ามีอะไร เห็นเรียก ทั้งๆที่ไม่มีใครเรียก บ่อยมากเดี๋ยวก็พี่ชาย น้องชาย แหกปากตะโกนไปมาบอกว่า....ทำไม...ใครเรียก ทั้งที่ไม่มีใครเรียก แต่ทุกคนในบ้านเงียบกริ๊บบบบบ...ไม่ใครกล้าพูดเรื่องมีผีในบ้าน แต่ทุกคนก็ยังไม่เจอจะเหมือนเราที่โดนผีอำบ่อยมาก จนต้องอัเหมือนจะชินแต่ก็ไม่ ขอเล่าเฉพาะที่เจอ shot เด็ดๆล่ะกัน
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ก่อนวันหวยออก เรานอนเล่นในห้องน้องชายกับพี่ชายแล้วเผลอหลับ เจอผีเด็กตอนกลางวันแสกๆจ้า มานั่งนับเลข 1-13 แล้วหยุด
คราวนี้แอบโกธร ไอ้เด็กเวร มาอำเฉยๆก็เหนื่อยจะแย่ ดันเพิ่ม option ดึงขามาอีกกกก พอวันจันทร์ไปเล่าให้เพื่อนที่โรงเรียนฟัง หวยต้องมาแล้วว เพื่อนเลยไปซื้อ 13 ถูกจ้าาาา ถูกแล้วเงียบไม่แบ่ง แล้วยังมีน่ามาขอเลขอีกนะ......นิสัยยยย!!!!!!!!!
เนื่องจากพวกเรา 3 คนพี่น้องเป็นเด็กน่าตาดี๊ดี อีตัวพี่พอเข้ามหาลัยก็มีแฟน ติดหญิงหายหัวไปเลย ปล่อยให้น้องตาดำๆอยู่กันเพียง 2 คน อีตัวน้องก็สาวตรึม จนวันหนึ่งมีเพื่อนบ้านผู้ปรารถนาดีมาทำความรู้จักเรา เพราะหลงรักอีตัวน้องชาย เลยเข้าทางพี่สาวสิ ชวนเราไปที่บ้านตีซี้สุดๆอ่ะบ้าบอ แต่ทำให้เราถึงกับอึ้ังกับคำถามว่า.... พี่ๆเจออะไรในบ้านไหมคะ บ้านที่พี่ซื้อต่อมาเนี่ย เคยมีผู้หญิงผูกคอตาย พอได้ยินเช่นนั้นเราก็ถึงกับอุทานในใจเบาๆ...
การปะกับผีนอกบ้านครั้งแรกนอกบ้าน ทุกปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น เราจะต้องนั่งรถไฟกับไปหาพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด ตอนนั้นจำไม่ได้ว่า ขาไป หรือขากลับจากต่างจังหวัด รถไฟเป็นรถไฟปรับอากาศแบบตู้นอนมี 2 ชั้น อีพี่นอนบนส่วนเรานอนข้างล่าง คืนนั้นบนรถไฟดันปวดขรี้กะทันหันตอนตี 3 โดยปกติไม่เค๊ยเคยจะอั้นตลอด แต่ตอนนั้นมันสุดจะทานทน ตายเป็นตาย ยังไงก็ต้องขรี้!!!!!!!! รถไฟจะเป็นตู้ๆ แต่ละตู้จะมีที่ประตูกั้นเพราะมีทางขึ้น-ลงทุกตู้ และห้องน้ำรถไฟจะอยู่ท้ายตู้ ภายในห้องน้ำก็น่ากลัวสุดๆ กลัวจะร่วงลงท่อขรี้ เพราะมันเป็นช่องทะลุลงไปเห็นรางรถไฟ หลังจากเสร็จสมอารมณ์หมาย เราก็มายืนล้างมือหน้าห้องนำ้ ระหว่างนั้นตรงประตูกั้นแต่ละตู้ บานประตูจะเป็นกระจกใสข้างจะเป็นเหมือนบานเกล็ดแบบมองเห็น (ไม่รู้อธิบายถูกไหม) เราเห็นผู้ชายผ่านไป แต่...แต่ ขาไปไหน ขาทำไมไม่สามัคคีกับตัวล่ะ ซวยยยยยยยยยยยยยยยยแล้ว ตอนนั้นเราถึงเข้าใจแล้วว่า ทำไมเวลาเจอผีผมถึงตั้ง ผมของเราที่ยาวเกือบถึงเอวมันพยายามจะตั้งขึ้น ขนแขน ขนขา ขน..... ลุกซู่ พอๆกับขาที่รีบก้าวกลับเข้าที่นอนอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นหมาข้างทางก็พร้อมใจกันหอนรับช่วงกันตามทางที่รถไฟวิ่ง พอมานั่งสงบสติอารมณ์ในตู้นอนก็เข้าใจได้ว่าคงเป็นผีที่ถูกรถไฟทับขาขาดแน่ๆ จากเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าหมาหอนอ่ะ แสดงว่าคุณโชคดีแล้วล่ะที่มีผี all around you ฮิฮิ
shot เด็ดในบ้านกันต่อ....ในเช้าวันหนึ่งที่เหมือนจะสดใส คุณแม่บ้านผู้เคร่งในศาสนาถามว่า เมื่อคืนมายืนทำอะไรหน้าห้องนำ้ชั้น 2 ตอนตี 2 แล้วจะให้ตอบยังไงเพราะห้องนำ้มันมีทุกชั้น จะตะก่ายลงมาฉี่ชั้นอื่นทำไม เราเลยบอกคุณแม่บ้านไปว่า......พี่เจอของดีซะล่ะ เราเลยตัดสินใจที่จะเล่าให้แม่ฟัง จากนั้นแม่ได้ไปปรึกษาผู้ที่มีพลังสัมผัสพิเศษ แล้วโทรมาบอกเราว่าไม่ต้องกลัว เค้ามาดี (ดีตรงไหน อันนี้คิดเอง) ไม่ทำร้ายคนในบ้าน (คนนอกบ้านก็ตัวใครตัวมันสินะ) แต่เแม่บอกว่าห้ามเล่าเรื่องนี้ให้พี่ชาย กับน้องชายฟัง เดี๋ยวจะกลัวกันหมด
การหลอกหลอนก็ยังดำเนินเรื่อยมาจากเด็กสาวมัธยม ก้าวเข้าสู่มหาลัย ความน่ากลัวก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามอายุของเรา แล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อน้าาาา