
เป็น ยสตน. นะครับ (ย้ำความเห็นส่วนตัวนะ)
เท่าที่เคยดูประวัติศาสตร์ภูมิหลัง ประเทศเหล่านี้ จะมาแนวเดียวๆ กัน คือ เคย ลำบากแร้นแค้น ยากจน น่าอดสู เจอวิบากกรรม และโศกนาฏกรรมที่หดหู่ หรือไม่ก็ จาก คนยากไร้ ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย ขาดแคลนขัดสน แต่สร้างเนื้อสร้างตัวจนพัฒนาจนมั่งคั่งเป็นเลิศ มาจนถึงปัจจุบัน
เพราะประเทศเหล่านั้นต้องเจอความกดดันในสภาพแวดล้อม เหมือนถูกบีบบังคับให้ต้องพัฒนาตัวเองเพื่อเอาตัวรอดอยู่ตลอดเวลา
อย่างของญี่ปุ่นนั้น เจอระเบิดนิวเคลียร์ลง แพ้สงครามยับ ประเทศพัง โดนกำจัดทางทหาร แต่เขาใช้ระยะเวลาไม่กี่ทศวรรษ สามารถกลับมาพัฒนาประเทศจนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้ และประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เจอแต่ภัยธรรมชาติบ่อยมาก พื้นที่เกษตรพังตลอด แต่เขาก็พัฒนาจนสามารถสร้างแหล่งอาหารวัตถุดิบดีๆ ได้ รวมถึงการพัฒนาหลายๆ ด้าน
อย่างเกาหลีใต้ หลังสงครามเย็น สงครามเกาหลี เกือบที่จะโดนกลืนกินจากเหนือ หลังสงครามผู้คนยากจน เจอแต่อากาศหนาวปลูกอะไรไม่ค่อยขึ้น
แต่ปัจบันพัฒนารอบด้านเหมือนกัน
ส่วนจีน สมัยก่อน แต่ละเมืองตีกันแบ่งก๊ก จนถูกต่างชาติรุกรานอย่างหนักในสงครามโลก ประเทศมีแต่คนอดอยาก ปัจจุบันพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนสิงคโปร์ เป็นประเทศที่แทบจะไม่มีอะไรเลย น้ำจืดก็ต้องซื้อกิน แต่ปัจจุบันพัฒนา เป็นประเทศที่มั่งคั่งติด Top 10 ของโลก เป็นศูนย์กลางของการลงทุนในตลาดเงินเสรีทุนนิยมที่ทั่วโลกยอมรับ อย่างของระบบธนาคารของสิงคโปร์ ลือกันว่าเปรียบเหมือนธนาคารสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชียก็ว่าได้ เพราะรัฐบาลประเทศไหนก็ตาม ไม่สามารถเข้าไปดูการเงินของลูกค้าที่เขาเอาเงินไปฝากที่นั่นได้ เพราะเป็นกฏหมายของเขา ไม่ให้เปิดเผยข้อมูล เลยทำให้ลูกค้าทั่วโลกที่เอาเงินไปฝากมีความเชื่อมั่นสูง อันนี้ได้ยินเขาว่ามานะครับ
ส่วนอิสราเอล คือ สมัยก่อนเป็นพวกฮิบรู เร่รอน หรือคนยิว ที่กระจายตัวไปอยู่ทั่วโลก แล้วเหมือนอยากมีรัฐเป็นของตัวเอง ตอนที่อังกฤษดูแลอยู่เหมือนตระกูลรอธส์ไชลด์ จะไปคุยกับอังกฤษให้แบ่งที่ตรงปาเลสไตน์ให้ ตอนนั้นเหมือนที่ดินตรงนั้นกันดารมาก ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น พอคนยิวหรือฮิบรู อพยพไปก็พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นพื้นที่เพาะปลูกได้ และมีเทคโนโลยีทางทหารอันดับต้นๆ ของโลก เพราะไม่ถูกประเทศรอบข้างที่เป็นดงอาหรับ
ซึ่งก่อนหน้านี้ สงครามโลกเกิดขึ้นนั้น คนยิวก็ถูกกวาดล้างจาก ฮิตเลอร์ไปเป็นจำนวนมาก
รวมถึงชาติอื่นๆ ในยุโรป ซึ่งประเทศส่วนใหญ่เป็นประเทศหนาวเป็นหลัก ฤดูกาลเพาะปลูกสั้นมาก และหนาวยาวนาน อาหารไม่เพียงพอ
จึงทำให้พวกคนยุโรปจำเป็นต้องคิดค้นทางวิทยาศาตร์ เทคโนโลยยี ต่างๆ พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ
เท่าที่ผมสังเกตแบบจับแพะชนแกะดู คือ ที่กล่าวมา คือ มีจุดร่วมเดียวกัน ความแร้นแค้นลำบากยากจน เป็นแรงผลักดัน
จุดนี้หรือเปล่าที่ทำให้ชนชาติเหล่านั้น ถูกบีบต้องให้พัฒนาตัวเองเพื่อที่ความอยู่รอด จนสุดท้ายกลายมาเป็นเลิศ ในที่สุด
คือเทียบประมาณว่า เด็กที่เกิดมาจน สู้ชีวิตจนได้ดี เปรียบกับ เด็กที่เกิดมารวยเลย สบายตั้งแต่เกิด ไม่เคยเจอความลำบาก การพัฒนาตัวเองเลยต่างกัน
อย่างประเทศที่รวยเพราะน้ำมัน ผมก็เคยคิดจำลองดูเหมือนกัน ถ้าประเทศเหล่านั้นเขาไม่มีน้ำมัน เขาจะไปยังไงต่อ เปรียบเหมือนเด็กที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง สบายมาตั้งแต่เกิด ประมาณนั้น
อย่างบ้านเรา ที่เขาว่าเป็น ดินแดนสุวรรณภูมิ ดินแดนทอง น่าจะจริงเพราะทรัพยากรค่อนข้างสมบูรณ์ และภัยธรรมชาติก็ไม่ได้มีหนักหน่วงมากนัก ปลูกอะไรก็ขึ้น อากาศก็ดี ต่างชาติชอบมาเที่ยว เพราะสบายๆ ทำให้เราจึงไม่ได้รีบ หรือถูกกดดันมากนักที่จะต้องพัฒนาวิทยาศาตร์เทคโนโลยีต่างๆ มากนัก คือ สบายๆ ไม่ถึงกับลำบากแร้นแค้นจนเกินไป ที่จริงเรามีความยึดหยุ่นกว่าหลายๆ ประเทศ
อย่างเมกา จริงๆ แล้วดั้งเดิมเป็นของคนพื้นเมืองอินเดียแดง แต่ฝรั่งยุโรปก็อพยพไปตั้งรกรากที่นั่น และคนยุโรปก็เริ่มทะลักไปตอนสงครามโลกกันเยอะ รวมถึงคนยิวที่ถูก พรรคนาซี ฮิตเลอร์ไล่ต้อนไปฆ่าตอนนั้นด้วย จึงต้องหนีหัวซุกหัวซุน เสื่อผืนหมอนใบไปอเมริกากันเยอะ
แต่จุดแข็งของอเมริกาอีกอย่างคือ ใครเก่งๆ พวกการพัฒนาทางวิทยาศาตร์ เทคโนโลยี เขาจะดูดไปเป็นพลเมืองชาวอเมริกันไปด้วย เพื่อเอาไปต่อยอดการพัฒนาประเทศ
เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมไม่ได้บ้านะครับ
"ความแร้นแค้นลำบากยากจน" ทำให้เกิดการพัฒนาที่เป็นเลิศ รึเปล่า สังเกตจาก จีน เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อิสราเอล ยุโรปเมกา
เป็น ยสตน. นะครับ (ย้ำความเห็นส่วนตัวนะ)
เท่าที่เคยดูประวัติศาสตร์ภูมิหลัง ประเทศเหล่านี้ จะมาแนวเดียวๆ กัน คือ เคย ลำบากแร้นแค้น ยากจน น่าอดสู เจอวิบากกรรม และโศกนาฏกรรมที่หดหู่ หรือไม่ก็ จาก คนยากไร้ ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย ขาดแคลนขัดสน แต่สร้างเนื้อสร้างตัวจนพัฒนาจนมั่งคั่งเป็นเลิศ มาจนถึงปัจจุบัน
เพราะประเทศเหล่านั้นต้องเจอความกดดันในสภาพแวดล้อม เหมือนถูกบีบบังคับให้ต้องพัฒนาตัวเองเพื่อเอาตัวรอดอยู่ตลอดเวลา
อย่างของญี่ปุ่นนั้น เจอระเบิดนิวเคลียร์ลง แพ้สงครามยับ ประเทศพัง โดนกำจัดทางทหาร แต่เขาใช้ระยะเวลาไม่กี่ทศวรรษ สามารถกลับมาพัฒนาประเทศจนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้ และประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เจอแต่ภัยธรรมชาติบ่อยมาก พื้นที่เกษตรพังตลอด แต่เขาก็พัฒนาจนสามารถสร้างแหล่งอาหารวัตถุดิบดีๆ ได้ รวมถึงการพัฒนาหลายๆ ด้าน
อย่างเกาหลีใต้ หลังสงครามเย็น สงครามเกาหลี เกือบที่จะโดนกลืนกินจากเหนือ หลังสงครามผู้คนยากจน เจอแต่อากาศหนาวปลูกอะไรไม่ค่อยขึ้น
แต่ปัจบันพัฒนารอบด้านเหมือนกัน
ส่วนจีน สมัยก่อน แต่ละเมืองตีกันแบ่งก๊ก จนถูกต่างชาติรุกรานอย่างหนักในสงครามโลก ประเทศมีแต่คนอดอยาก ปัจจุบันพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนสิงคโปร์ เป็นประเทศที่แทบจะไม่มีอะไรเลย น้ำจืดก็ต้องซื้อกิน แต่ปัจจุบันพัฒนา เป็นประเทศที่มั่งคั่งติด Top 10 ของโลก เป็นศูนย์กลางของการลงทุนในตลาดเงินเสรีทุนนิยมที่ทั่วโลกยอมรับ อย่างของระบบธนาคารของสิงคโปร์ ลือกันว่าเปรียบเหมือนธนาคารสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชียก็ว่าได้ เพราะรัฐบาลประเทศไหนก็ตาม ไม่สามารถเข้าไปดูการเงินของลูกค้าที่เขาเอาเงินไปฝากที่นั่นได้ เพราะเป็นกฏหมายของเขา ไม่ให้เปิดเผยข้อมูล เลยทำให้ลูกค้าทั่วโลกที่เอาเงินไปฝากมีความเชื่อมั่นสูง อันนี้ได้ยินเขาว่ามานะครับ
ส่วนอิสราเอล คือ สมัยก่อนเป็นพวกฮิบรู เร่รอน หรือคนยิว ที่กระจายตัวไปอยู่ทั่วโลก แล้วเหมือนอยากมีรัฐเป็นของตัวเอง ตอนที่อังกฤษดูแลอยู่เหมือนตระกูลรอธส์ไชลด์ จะไปคุยกับอังกฤษให้แบ่งที่ตรงปาเลสไตน์ให้ ตอนนั้นเหมือนที่ดินตรงนั้นกันดารมาก ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น พอคนยิวหรือฮิบรู อพยพไปก็พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นพื้นที่เพาะปลูกได้ และมีเทคโนโลยีทางทหารอันดับต้นๆ ของโลก เพราะไม่ถูกประเทศรอบข้างที่เป็นดงอาหรับ
ซึ่งก่อนหน้านี้ สงครามโลกเกิดขึ้นนั้น คนยิวก็ถูกกวาดล้างจาก ฮิตเลอร์ไปเป็นจำนวนมาก
รวมถึงชาติอื่นๆ ในยุโรป ซึ่งประเทศส่วนใหญ่เป็นประเทศหนาวเป็นหลัก ฤดูกาลเพาะปลูกสั้นมาก และหนาวยาวนาน อาหารไม่เพียงพอ
จึงทำให้พวกคนยุโรปจำเป็นต้องคิดค้นทางวิทยาศาตร์ เทคโนโลยยี ต่างๆ พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ
เท่าที่ผมสังเกตแบบจับแพะชนแกะดู คือ ที่กล่าวมา คือ มีจุดร่วมเดียวกัน ความแร้นแค้นลำบากยากจน เป็นแรงผลักดัน
จุดนี้หรือเปล่าที่ทำให้ชนชาติเหล่านั้น ถูกบีบต้องให้พัฒนาตัวเองเพื่อที่ความอยู่รอด จนสุดท้ายกลายมาเป็นเลิศ ในที่สุด
คือเทียบประมาณว่า เด็กที่เกิดมาจน สู้ชีวิตจนได้ดี เปรียบกับ เด็กที่เกิดมารวยเลย สบายตั้งแต่เกิด ไม่เคยเจอความลำบาก การพัฒนาตัวเองเลยต่างกัน
อย่างประเทศที่รวยเพราะน้ำมัน ผมก็เคยคิดจำลองดูเหมือนกัน ถ้าประเทศเหล่านั้นเขาไม่มีน้ำมัน เขาจะไปยังไงต่อ เปรียบเหมือนเด็กที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง สบายมาตั้งแต่เกิด ประมาณนั้น
อย่างบ้านเรา ที่เขาว่าเป็น ดินแดนสุวรรณภูมิ ดินแดนทอง น่าจะจริงเพราะทรัพยากรค่อนข้างสมบูรณ์ และภัยธรรมชาติก็ไม่ได้มีหนักหน่วงมากนัก ปลูกอะไรก็ขึ้น อากาศก็ดี ต่างชาติชอบมาเที่ยว เพราะสบายๆ ทำให้เราจึงไม่ได้รีบ หรือถูกกดดันมากนักที่จะต้องพัฒนาวิทยาศาตร์เทคโนโลยีต่างๆ มากนัก คือ สบายๆ ไม่ถึงกับลำบากแร้นแค้นจนเกินไป ที่จริงเรามีความยึดหยุ่นกว่าหลายๆ ประเทศ
อย่างเมกา จริงๆ แล้วดั้งเดิมเป็นของคนพื้นเมืองอินเดียแดง แต่ฝรั่งยุโรปก็อพยพไปตั้งรกรากที่นั่น และคนยุโรปก็เริ่มทะลักไปตอนสงครามโลกกันเยอะ รวมถึงคนยิวที่ถูก พรรคนาซี ฮิตเลอร์ไล่ต้อนไปฆ่าตอนนั้นด้วย จึงต้องหนีหัวซุกหัวซุน เสื่อผืนหมอนใบไปอเมริกากันเยอะ
แต่จุดแข็งของอเมริกาอีกอย่างคือ ใครเก่งๆ พวกการพัฒนาทางวิทยาศาตร์ เทคโนโลยี เขาจะดูดไปเป็นพลเมืองชาวอเมริกันไปด้วย เพื่อเอาไปต่อยอดการพัฒนาประเทศ
เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้