อัปปนาสมาธิหรือฌาน อาการของฌานและอารมณ์ที่สังเกตได้
ตามคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุง
ฌานที่ ๑
(๑) รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก
คำภาวนาทรงตัว ไม่ลืมไม่เผลอ ไม่ฟุ้งไปสู่
เรื่องอื่นนอกเหนือจากที่คิดจะภาวนา มีอารมณ์
เต็มเปี่ยมด้วยกำลังใจ ไม่อิ่มไม่เบื่อไม่อยาก
ลุกออกจากที่ มีความสุขหรรษาเป็นพิเศษ ซึ่ง
ไม่เคยมีความสุขใดในชีวิตที่เคยพบมาก่อนเลย
มีอารมณ์ตั้งมั่นดิ่งอยู่ในที่เดียวเป็นพิเศษ
หูได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจนมากที่เข้า
มากระทบประสาทหู เสียงคน หรือเสียงสัตว์
ธรรมดาไม่ใช่เสียงทิพย์ แม้แต่เสียงเครื่องขยาย
เสียงที่มีเสียงดังมาก ตอนนี้ได้ยินทุกอย่าง
ชัดเจนตามปกติแต่ไม่รำคาญในเสียงนั้นเลย
คงภาวนาหรือกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกได้เป็น
ปกติ เหมือนไม่มีเสียงรบกวน ลมหายใจจะเบา
กว่าเวลาปกติจนสังเกตได้ชัด อาการอย่างนี้
ท่านเรียกว่า ปฐมฌาน หรือ ฌานที่ ๑
ฌานที่ ๒
(๒) เมื่อจิตเป็นสมาธิใน ฌานที่ ๒ มี
ความรู้สึกดังนี้คือ จะรู้สึกว่าคำภาวนาหายไป
บางท่านหรือหลายท่านควรจะพูดว่ามาก
ท่านก็คงไม่ผิด เมื่ออารมณ์เข้าถึงฌานที่ ๒
ใหม่ๆ อารมณ์ยังไม่ชิน เมื่อขณะที่จิตทรง
อยูใ่ นฌานนี้ จะมีความเอิบอิ่มสุขสบาย จะเผลอ
ตัวเมื่อจิตมีสมาธิลดลง เพราะกำลังจิตถอย
สมาธิจะลดลงอยู่ที่อุปจารสมาธิ ตอนนี้อารมณ์
คิด คือความรู้สึกก็เกิดขึ้น
เมื่อจิตตั้งอยู่ในฌานจะไม่สามารถคิดอะไร
ได้ เพราะ เอกัคคตารมณ์ คืออารมณ์เป็น
หนึ่งไม่มีอารมณ์คิด จะทรงตัวเฉยอยู่และไม่
มีคำภาวนา
คำภาวนานี้ตั้งแต่ฌานที่ ๒ ถึงฌานที่
๔ จะไม่มีคำภาวนา
เมื่อรู้สึกตัวว่าไม่ได้ภาวนา ก็จะคิดว่า
ตนเองหลับไป หรือเผลอไป ความจริงไม่ใช่
ซึ่งเป็นอาการของ ฌานที่ ๒
ฌานที่ ๓
(๓) เมื่อจิตมีสมาธิเข้าถึง ฌานที่ ๓
ตอนนี้จะรู้สึกว่าลมหายใจเบาลงมา เกือบไม่
รู้สึกว่าหายใจ แต่ความจริงยังรู้สึกถนัดอยู่
แต่เบามากนั่นเอง
อาการทางร่างกายจะรู้สึกเหมือนเกร็งไป
ทั้งร่างกาย
แต่ความจริงร่างกายเป็นปกติ
แต่ที่มีความรู้สึกอย่างนั้น เป็นอาการของ
สมาธิ เสียงภายนอกที่เข้ามากระทบหูเกือบไม่
ได้ยินเสียงนั้นเลย ได้ยินแต่เบามาก จิตทรง
อารมณ์เป็นหนึ่งสงัดดีมากเป็นพิเศษ อย่าง
นี้เป็นอาการของ ฌานที่ ๓
ฌานที่ ๔
(๔) อาการของ ฌานที่ ๔ เมื่อจิต
เข้าถึง ฌานที่ ๔
ฌาน ๔ นี้มี ๒ ขั้น คือ
หยาบ กับ ละเอียด
สำหรับฌานหนึ่ง สอง สามนั้น แต่ละ
ฌานมี ๓ ขั้น คือ หยาบ กลาง ละเอียด
ที่ไม่อธิบายไว้ก็เพราะกลัวจะเฝือ เพราะ
เมื่อฝึกได้ใหม่ยังไม่มีกำลังใจที่แน่นอน ประเดี๋ยว
ได้ประเดี๋ยวสลายตัว ถ้าไปอธิบายละเอียด
เข้าแทนที่จะเป็นผลดี จะกลายเป็นอาหารผสม
ยาพิษ ไปจุกจิกเข้าเลยเลิกดีกว่า
เป็นอันว่ารู้กันว่าเป็นฌานขั้นที่สี่ก็พอ
ฌานอื่นๆ พอรู้ว่าถึงฌานก็พอ จงอย่าลืมว่า
เมื่อถึงฌานแล้ว เวลาไม่นานก็พลัดจากฌาน
คืออารมณ์ลดลงมาที่อารมณ์ปกติ ให้คิดว่า
เราถึงฌานได้แล้วจะอยู่นานหรือไม่นานก็ช่าง
เป็นอันว่าเราเข้าถึงธงชัยแล้วก็ดีถมไป
วันนี้ฌานสลายตัววันหน้าเวลาหน้ายังมีอีก
เมื่อเรายังไม่ตายเพียงใดเราก็เล่นเพลิดเพลิน
ในฌานให้อารมณ์เป็นสุข เพื่อเพาะกำลังสมาธิ
ไว้เป็นกำลังช่วยตัดกิเลสในโอกาสหน้าต่อไป
เลอะเทอะมาเสียนาน ตอนนี้เข้าตอน ฌาน
๔ กันเถอะ
ฌาน ๔ หยาบ
เมื่อจิตเข้าถึง ฌาน ๔ หยาบ ตอน
นั้นจะมีความรู้สึกว่า ลมหายใจหายไป ไม่
รู้สึกว่าหายใจ แต่ที่จริงแล้วลมหายใจยังมีตาม
ปกติ แต่ทว่าจิตไม่รับทราบว่าร่างกายทำอะไร
หายใจหรือไม่ จิตใจย่อมไม่รับรู้ ตามบาลี
ท่านพูดว่า จิตกับประสาทแยกกันเด็ดขาด
แต่ตอนฌาน ๔ หยาบนี้ จิตแยกออก
จากประสาทจริงแต่ยังไปไม่ไกลนัก
ฉะนั้น เมื่อมีเสียงดังขนาดเครื่องขยาย
เสียงที่ดังมากๆ ตั้งอยู่ใกล้หู ยังพอได้ยิน
แว่วเหมือนอยู่ไกลกันมาก
ฌาน ๔ ละเอียด
เมื่อจิตเข้าถึง ฌาน ๔ ละเอียด ตอน
นี้สบายมาก เพราะไม่รู้อะไรเลย ไม่ใช่หลับ
ภายในกำลังของจิตเข้มแข็งมาก มีความ
สว่างโพลง แต่จิตไม่ยอมรับรู้เรื่องของประสาท
เลย ไม่ว่าเสียงหรือการกระทบกาย จิตไม่
ยอมรับทราบด้วยประการทั้งปวง
อาการของ ฌาน ๔ ละเอียด เป็นอย่างนี้
ที่นำอาการของฌานมากล่าวไว้ในที่นี้
ก็เพราะว่า การปฏิบัติในหมวดสุกขวิปัสสโก
ก็ทรงฌานเหมือนหมวดอื่นเหมือนกัน #เพื่อนัก
#ปฏิบัติจะได้ทราบอาการเอาไว้ #เพราะมีผู้มา
#ถามเรื่องอาการของฌานนี้นับรายไม่ถ้วน
บางรายถามแล้วถามอีกถามบ่อยๆ ชัก
สงสัยว่าทำจริงหรือเปล่า เพราะผู้ทำจริงเขา
ไม่ถามบ่อย เมื่อถามแล้วเอาไปปฏิบัติได้แล้ว
รู้เรื่อง ก็ไม่มีเรื่องถามต่อไป
ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๔๙ เดือนเมษายน ๒๕๕๓ หน้า ๖ - ๘
อัปปนาสมาธิหรือฌาน อาการของฌานและอารมณ์ที่สังเกตได้
ตามคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุง
ฌานที่ ๑
(๑) รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก
คำภาวนาทรงตัว ไม่ลืมไม่เผลอ ไม่ฟุ้งไปสู่
เรื่องอื่นนอกเหนือจากที่คิดจะภาวนา มีอารมณ์
เต็มเปี่ยมด้วยกำลังใจ ไม่อิ่มไม่เบื่อไม่อยาก
ลุกออกจากที่ มีความสุขหรรษาเป็นพิเศษ ซึ่ง
ไม่เคยมีความสุขใดในชีวิตที่เคยพบมาก่อนเลย
มีอารมณ์ตั้งมั่นดิ่งอยู่ในที่เดียวเป็นพิเศษ
หูได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจนมากที่เข้า
มากระทบประสาทหู เสียงคน หรือเสียงสัตว์
ธรรมดาไม่ใช่เสียงทิพย์ แม้แต่เสียงเครื่องขยาย
เสียงที่มีเสียงดังมาก ตอนนี้ได้ยินทุกอย่าง
ชัดเจนตามปกติแต่ไม่รำคาญในเสียงนั้นเลย
คงภาวนาหรือกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกได้เป็น
ปกติ เหมือนไม่มีเสียงรบกวน ลมหายใจจะเบา
กว่าเวลาปกติจนสังเกตได้ชัด อาการอย่างนี้
ท่านเรียกว่า ปฐมฌาน หรือ ฌานที่ ๑
ฌานที่ ๒
(๒) เมื่อจิตเป็นสมาธิใน ฌานที่ ๒ มี
ความรู้สึกดังนี้คือ จะรู้สึกว่าคำภาวนาหายไป
บางท่านหรือหลายท่านควรจะพูดว่ามาก
ท่านก็คงไม่ผิด เมื่ออารมณ์เข้าถึงฌานที่ ๒
ใหม่ๆ อารมณ์ยังไม่ชิน เมื่อขณะที่จิตทรง
อยูใ่ นฌานนี้ จะมีความเอิบอิ่มสุขสบาย จะเผลอ
ตัวเมื่อจิตมีสมาธิลดลง เพราะกำลังจิตถอย
สมาธิจะลดลงอยู่ที่อุปจารสมาธิ ตอนนี้อารมณ์
คิด คือความรู้สึกก็เกิดขึ้น
เมื่อจิตตั้งอยู่ในฌานจะไม่สามารถคิดอะไร
ได้ เพราะ เอกัคคตารมณ์ คืออารมณ์เป็น
หนึ่งไม่มีอารมณ์คิด จะทรงตัวเฉยอยู่และไม่
มีคำภาวนา
คำภาวนานี้ตั้งแต่ฌานที่ ๒ ถึงฌานที่
๔ จะไม่มีคำภาวนา
เมื่อรู้สึกตัวว่าไม่ได้ภาวนา ก็จะคิดว่า
ตนเองหลับไป หรือเผลอไป ความจริงไม่ใช่
ซึ่งเป็นอาการของ ฌานที่ ๒
ฌานที่ ๓
(๓) เมื่อจิตมีสมาธิเข้าถึง ฌานที่ ๓
ตอนนี้จะรู้สึกว่าลมหายใจเบาลงมา เกือบไม่
รู้สึกว่าหายใจ แต่ความจริงยังรู้สึกถนัดอยู่
แต่เบามากนั่นเอง
อาการทางร่างกายจะรู้สึกเหมือนเกร็งไป
ทั้งร่างกาย
แต่ความจริงร่างกายเป็นปกติ
แต่ที่มีความรู้สึกอย่างนั้น เป็นอาการของ
สมาธิ เสียงภายนอกที่เข้ามากระทบหูเกือบไม่
ได้ยินเสียงนั้นเลย ได้ยินแต่เบามาก จิตทรง
อารมณ์เป็นหนึ่งสงัดดีมากเป็นพิเศษ อย่าง
นี้เป็นอาการของ ฌานที่ ๓
ฌานที่ ๔
(๔) อาการของ ฌานที่ ๔ เมื่อจิต
เข้าถึง ฌานที่ ๔
ฌาน ๔ นี้มี ๒ ขั้น คือ
หยาบ กับ ละเอียด
สำหรับฌานหนึ่ง สอง สามนั้น แต่ละ
ฌานมี ๓ ขั้น คือ หยาบ กลาง ละเอียด
ที่ไม่อธิบายไว้ก็เพราะกลัวจะเฝือ เพราะ
เมื่อฝึกได้ใหม่ยังไม่มีกำลังใจที่แน่นอน ประเดี๋ยว
ได้ประเดี๋ยวสลายตัว ถ้าไปอธิบายละเอียด
เข้าแทนที่จะเป็นผลดี จะกลายเป็นอาหารผสม
ยาพิษ ไปจุกจิกเข้าเลยเลิกดีกว่า
เป็นอันว่ารู้กันว่าเป็นฌานขั้นที่สี่ก็พอ
ฌานอื่นๆ พอรู้ว่าถึงฌานก็พอ จงอย่าลืมว่า
เมื่อถึงฌานแล้ว เวลาไม่นานก็พลัดจากฌาน
คืออารมณ์ลดลงมาที่อารมณ์ปกติ ให้คิดว่า
เราถึงฌานได้แล้วจะอยู่นานหรือไม่นานก็ช่าง
เป็นอันว่าเราเข้าถึงธงชัยแล้วก็ดีถมไป
วันนี้ฌานสลายตัววันหน้าเวลาหน้ายังมีอีก
เมื่อเรายังไม่ตายเพียงใดเราก็เล่นเพลิดเพลิน
ในฌานให้อารมณ์เป็นสุข เพื่อเพาะกำลังสมาธิ
ไว้เป็นกำลังช่วยตัดกิเลสในโอกาสหน้าต่อไป
เลอะเทอะมาเสียนาน ตอนนี้เข้าตอน ฌาน
๔ กันเถอะ
ฌาน ๔ หยาบ
เมื่อจิตเข้าถึง ฌาน ๔ หยาบ ตอน
นั้นจะมีความรู้สึกว่า ลมหายใจหายไป ไม่
รู้สึกว่าหายใจ แต่ที่จริงแล้วลมหายใจยังมีตาม
ปกติ แต่ทว่าจิตไม่รับทราบว่าร่างกายทำอะไร
หายใจหรือไม่ จิตใจย่อมไม่รับรู้ ตามบาลี
ท่านพูดว่า จิตกับประสาทแยกกันเด็ดขาด
แต่ตอนฌาน ๔ หยาบนี้ จิตแยกออก
จากประสาทจริงแต่ยังไปไม่ไกลนัก
ฉะนั้น เมื่อมีเสียงดังขนาดเครื่องขยาย
เสียงที่ดังมากๆ ตั้งอยู่ใกล้หู ยังพอได้ยิน
แว่วเหมือนอยู่ไกลกันมาก
ฌาน ๔ ละเอียด
เมื่อจิตเข้าถึง ฌาน ๔ ละเอียด ตอน
นี้สบายมาก เพราะไม่รู้อะไรเลย ไม่ใช่หลับ
ภายในกำลังของจิตเข้มแข็งมาก มีความ
สว่างโพลง แต่จิตไม่ยอมรับรู้เรื่องของประสาท
เลย ไม่ว่าเสียงหรือการกระทบกาย จิตไม่
ยอมรับทราบด้วยประการทั้งปวง
อาการของ ฌาน ๔ ละเอียด เป็นอย่างนี้
ที่นำอาการของฌานมากล่าวไว้ในที่นี้
ก็เพราะว่า การปฏิบัติในหมวดสุกขวิปัสสโก
ก็ทรงฌานเหมือนหมวดอื่นเหมือนกัน #เพื่อนัก
#ปฏิบัติจะได้ทราบอาการเอาไว้ #เพราะมีผู้มา
#ถามเรื่องอาการของฌานนี้นับรายไม่ถ้วน
บางรายถามแล้วถามอีกถามบ่อยๆ ชัก
สงสัยว่าทำจริงหรือเปล่า เพราะผู้ทำจริงเขา
ไม่ถามบ่อย เมื่อถามแล้วเอาไปปฏิบัติได้แล้ว
รู้เรื่อง ก็ไม่มีเรื่องถามต่อไป
ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๔๙ เดือนเมษายน ๒๕๕๓ หน้า ๖ - ๘