ตอนโครงการรถไฟความเร็วสูง รัฐบาลเพื่อไทยออกร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้าน เพื่อมาใช้ทำโครงการรถไฟความเร็วสูง
มีผู้ไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ร่าง พรบ. ดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ (ในขณะนั้น)
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ยังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากต้องรอให้ถนนลูกรังหมดไปจากเมืองไทยก่อน และเป็นห่วงถึงการกู้เงิน เพราะเป็นการสร้างภาระหนี้ให้กับลูกหลานหลังจากนี้ ซึ่งตอนนั้น ผมไม่เห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญอย่างยิ่ง เพราะโครงการนั้นไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งถ้าไม่สร้างตอนนั้น ราคามันก็จะแพงขึ้นจนไม่สามารถทำได้ในภายหลัง
แต่พอมาตอนนี้ โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นโครงการประชานิยมชัดเจนที่นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์จำนวนมากมายลงชื่อคัดค้านไม่เห็นด้วย แม้แต่อดีตผู้ว่าแบ๊งค์ชาติถึง 2 คน ก็ออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วย
มันจำเป็นจริงๆ หรือที่เราจะฉีดเม็ดเงินมหาศาลออกไปกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งเดียว ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้มันจำเป็นจะต้องได้รับการฉีดกระตุ้นด้วยยาแรงขนาดนั้นจริงๆ หรือ
เงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้ จะสร้างหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าไหร่ จะเป็นภาระหนี้ให้แก่ลูกหลานที่จะต้องมาชดใช้ในภายหน้าอีกเท่าไหร่ จะทำให้เราเสียโอกาสในการเอาเงินจำนวนนี้มาลงทุนในโครงการพื้นฐานที่จำเป็นยิ่งกว่านี้และจะช่วยเศรษฐกิจในระยะยาวได้กี่โครงการ แทนที่จะเหวี่ยงแหไปครั้งเดียวจบ โดยยังไม่แน่ใจว่า เงินจำนวนนี้จะไปผันแปรทวีคูณให้เกิดการจ้างงานในระยะยาวได้มากน้อยแค่ไหน
มันมีวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกมากมายที่รัฐบาลในอดีตเคยใช้ แม้แต่รัฐบาลเพื่อไทยหรือไทยรักไทยก็เคยใช้ เช่นโครงการรถยนต์คันแรก โครงการบ้านหลังแรก โครงการช็อปดีมีคืน (อันนี้ก็เข้าใจว่าน่าจะเริ่มมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์) หรือโครงการคนละครึ่งเอง แม้จะเป็นการแจกเงิน แต่อันนั้น มันจำเป็นต้องทำเพราะในช่วงโควิด เศรษฐกิจมันชะงักกันหมด จึงจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นลงไปโดยตรงเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน แต่ภาวะเศรษฐกิจในตอนนี้ มันไม่ใช่แบบตอนนั้นแล้วที่จะเอาเงินจำนวนมหาศาลมาโปรยโดยไม่เลือกหน้าแบบนี้ในขณะที่มีเสียงของนักวิชการเศรษฐศาสตร์คัดค้านจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้ที่คัดค้าน คงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องสีเสื้อแล้วว่าจะเป็นเสื้อแดง หรือเสื้อเหลือง เสื้อส้ม แล้ว
โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท มีโอกาสจะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ระงับโครงการเหมือนอย่างรถไฟความเร็วสูงหรือไม่
มีผู้ไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ร่าง พรบ. ดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ (ในขณะนั้น)
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ยังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากต้องรอให้ถนนลูกรังหมดไปจากเมืองไทยก่อน และเป็นห่วงถึงการกู้เงิน เพราะเป็นการสร้างภาระหนี้ให้กับลูกหลานหลังจากนี้ ซึ่งตอนนั้น ผมไม่เห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญอย่างยิ่ง เพราะโครงการนั้นไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งถ้าไม่สร้างตอนนั้น ราคามันก็จะแพงขึ้นจนไม่สามารถทำได้ในภายหลัง
แต่พอมาตอนนี้ โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นโครงการประชานิยมชัดเจนที่นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์จำนวนมากมายลงชื่อคัดค้านไม่เห็นด้วย แม้แต่อดีตผู้ว่าแบ๊งค์ชาติถึง 2 คน ก็ออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วย
มันจำเป็นจริงๆ หรือที่เราจะฉีดเม็ดเงินมหาศาลออกไปกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งเดียว ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้มันจำเป็นจะต้องได้รับการฉีดกระตุ้นด้วยยาแรงขนาดนั้นจริงๆ หรือ
เงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้ จะสร้างหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าไหร่ จะเป็นภาระหนี้ให้แก่ลูกหลานที่จะต้องมาชดใช้ในภายหน้าอีกเท่าไหร่ จะทำให้เราเสียโอกาสในการเอาเงินจำนวนนี้มาลงทุนในโครงการพื้นฐานที่จำเป็นยิ่งกว่านี้และจะช่วยเศรษฐกิจในระยะยาวได้กี่โครงการ แทนที่จะเหวี่ยงแหไปครั้งเดียวจบ โดยยังไม่แน่ใจว่า เงินจำนวนนี้จะไปผันแปรทวีคูณให้เกิดการจ้างงานในระยะยาวได้มากน้อยแค่ไหน
มันมีวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกมากมายที่รัฐบาลในอดีตเคยใช้ แม้แต่รัฐบาลเพื่อไทยหรือไทยรักไทยก็เคยใช้ เช่นโครงการรถยนต์คันแรก โครงการบ้านหลังแรก โครงการช็อปดีมีคืน (อันนี้ก็เข้าใจว่าน่าจะเริ่มมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์) หรือโครงการคนละครึ่งเอง แม้จะเป็นการแจกเงิน แต่อันนั้น มันจำเป็นต้องทำเพราะในช่วงโควิด เศรษฐกิจมันชะงักกันหมด จึงจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นลงไปโดยตรงเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน แต่ภาวะเศรษฐกิจในตอนนี้ มันไม่ใช่แบบตอนนั้นแล้วที่จะเอาเงินจำนวนมหาศาลมาโปรยโดยไม่เลือกหน้าแบบนี้ในขณะที่มีเสียงของนักวิชการเศรษฐศาสตร์คัดค้านจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้ที่คัดค้าน คงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องสีเสื้อแล้วว่าจะเป็นเสื้อแดง หรือเสื้อเหลือง เสื้อส้ม แล้ว