JJNY : 5in1 ไอติมแจงชัดนิรโทษฯ│หอการค้า แนะรบ.│ร้านทองบ่นขายฝืด│ชัชชาติปลื้มทราฟฟี่ฟองดูว์│

ไอติม แจงชัดนิรโทษฯ ฉบับก้าวไกล ไม่เพิ่มขัดแย้ง ยกหน้าที่ชี้ขาด คดี 112 ให้กก.วินิจฉัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4220616
 
 
“พริษฐ์” ยัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่สร้างปมขัดแย้งเพิ่ม แต่แก้ปัญหาต้นตอ หวัง พท.เห็นด้วย ชวนเสนอยื่นประกบ แจง ไร้คดี ม.112 ในร่าง กม. เหตุไม่ได้เจาะจงฐานความผิด เป็นหน้าที่ คกก.วินิจฉัยว่าเข้าข่ายหรือไม่
 
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดอันเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองของพรรค ก.ก. อาจสร้างประเด็นความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้นว่า เหตุผลของพรรค ก.ก.ในการยื่น พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ได้เป็นไปเพื่อเพิ่มความขัดแย้ง ณ ปัจจุบัน แต่ยื่นเข้าไปด้วยจุดมุ่งหมายในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในอดีต จนนำมาสู่การดำเนินคดีทางการเมืองจำนวนมากตั้งแต่ปี 2549 ถึงปัจจุบัน
 
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า เราก็ยังคาดหวังว่า พรรค พท.น่าจะเห็นตรงกันในหลักการของการเสนอการนิรโทษกรรมทางการเมือง เพราะในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ก็มีหลายเวทีที่ตัวแทนของพรรค พท.ได้แสดงความเห็นชัดเจนว่าสนับสนุนให้ยุติการดำเนินคดี และการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองในอดีต ซึ่งแม้ว่ารายละเอียดบางประการจะมีความแตกต่างกัน แต่ก็หวังว่าพรรค พท.จะมีทิศทางสอดคล้องกับพรรค ก.ก. ที่มองว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในอดีต
 
ทางพรรค ก.ก.ยืนยันว่า การเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง หากพรรคการเมืองอื่นเห็นสอดคล้องกันในทิศทาง แต่เห็นต่างในรายละเอียด ก็สามารถยื่นร่างนิรโทษกรรมของตัวเองมาประกบร่างของพรรค ก.ก.ได้ และเราจะใช้เวทีของรัฐสภา ในการแลกเปลี่ยนในเชิงของรายละเอียด และหาข้อสรุปที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย” นายพริษฐ์กล่าว
 
นายพริษฐ์กล่าวอีกว่า การเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมครั้งนี้ เป็นข้อเสนอที่ถูกเสนอ โดยหลายฝ่ายทางการเมือง ไม่ใช่แค่พรรค ก.ก.ฝ่ายเดียว อย่างในสมัยช่วงปลายของสภาชุดที่แล้ว ก็เคยมี ส.ส.จากพรรคการเมืองขั้วรัฐบาล เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเช่นกัน
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า การนิรโทษกรรมจะรวมถึงคดีที่เกี่ยวกับมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ในตัวร่างกฎหมายเราไม่ได้ระบุฐานความผิดในเชิงข้อกฎหมายข้อใดข้อหนึ่ง เพราะภายในกรอบของฐานความผิดใดความผิดหนึ่ง ก็จะมีคดีที่ทั้งมีและไม่มีมูลเหตุจูงใจจากความขัดแย้งทางการเมือง ในเมื่อเจตนาของร่าง พ.ร.บ.ของพรรค ก.ก. คือการนิรโทษกรรมคดีที่มีมูลเหตุจูงใจมาจากความขัดแย้งทางการเมือง และเป็นในลักษณะของการแสดงออกทางการเมือง จึงไม่สามารถระบุฐานความผิดไปในตัวของกฎหมายได้
 
ทั้งนี้ สิ่งที่เราจะทําคือตั้งคณะกรรมการ ซึ่งเป็นตัวแทนจากทุกฝ่ายมาทำหน้าที่วินิจฉัยว่า กรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 ถึงปัจจุบัน มีคดีอะไรบ้างที่มองว่าเป็นการแสดงออกทางการเมือง หรือมีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมือง
 
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชูศักดิ์เสนอว่า ควรตกผลึกให้ชัดเจนก่อนว่า อะไรคือคดีการเมือง หรืออะไรคือการแสดงออกทางการเมือง นายพริษฐ์กล่าวว่า เป็นเรื่องท้าทายที่จะระบุฐานความผิดที่จะนิรโทษกรรมไปในตัวบทกฎหมาย เพราะในทุกฐานความผิด จะมีทั้งคดีที่เข้าข่ายและไม่เข้าข่าย ซึ่งก็จะมีคณะกรรมการที่จะมาวินิจฉัยว่าคดีไหนเข้าข่ายบ้าง แต่ในตัวกฎหมายฉบับนี้จะมีการระบุถึงบางฐานความผิดที่จะไม่ได้รับการนิรโทษกรรม ตนเข้าใจเจตนาของนายชูศักดิ์ที่ต้องการให้ทุกฝ่ายการเมืองหาข้อสรุปร่วมกัน คิดว่าเวทีที่ดีที่สุดก็ควรจะเป็นรัฐสภา ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรค พท.และพรรคอื่นๆ ในสภา ถ้ายังเห็นต่างในเชิงรายละเอียด ก็สามารถยื่นร่างกฎหมายมาประกบได้



หอการค้า แนะรบ. แจกเงินเฉพาะกลุ่ม ชี้ข้อดีรัศมี 4 กิโล หมุนเงินได้ดีกว่า แจกแบบประยุทธ์
https://www.matichon.co.th/economy/news_4220496

หอการค้า แนะรบ.ทบทวน แจกเงินเฉพาะกลุ่ม ชี้ข้อดีรัศมี 4 กิโล หมุนเงินได้ดีกว่า แจกแบบประยุทธ์ 
 
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงมาตรการของรัฐบาลที่จะแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (digital Wallet) โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ว่า ตามที่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องการให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเต็มศักยภาพ หรือมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 5-6% โดยที่ไม่เกิดปัญหาด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ จากนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ผ่านการใช้งบประมาณมูลค่ารวมกว่า 5.6 แสนล้านบาท โดยผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะขึ้นอยู่กับตัวทวีคูณทางการคลัง (Fiscal Multiplier) หรือจำนวนการหมุนของเงินในระบบว่าเกิดขึ้นกี่รอบ
 
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า จากการประเมินกรณีที่ไม่มีปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นในปี 2567 และมีการเติมเงินเข้าระบบเศรษฐกิจที่ 5.6 แสนล้านบาท เบื้องต้นได้ทำสมมติฐาน ถ้าจำนวนการหมุนเวียนที่ 1-3 รอบ จะเกิดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจถึง 1.6 ล้านล้านบาท ส่งผลให้จีดีพีโตเพิ่มขึ้นได้อีก 1.14-3.30% หรือสนับสนุนให้จีดีพีโตตามศักยภาพถึง 4-5% ในปี 2567 เป็นไปตามตามเป้าหมายของรัฐ
 
อย่างไรก็ตาม การทำนโยบายอาจเกิดผลข้างเคียงทำให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งนโยบายทางการเงิน จะไปหักล้างผลการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการทางการคลัง หรือส่งผลต่อประสิทธิภาพของการใช้จ่ายประชาชน
 
นอกจากนี้ จากการศึกษางานวิจัยสรุปได้ว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการโอนเงินหรือแจกเงิน โดยผลต่อจำนวนการหมุนเวียนของเงินที่ใส่ในระบบมีค่าไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับการใช้จ่ายของรัฐในการทำโครงการลงทุนต่างๆ ที่ทำให้เกิดการจ้างงาน ผลผลิต หรือเกิดโครงสร้างพื้นฐาน (กรณีที่ไม่มีการทุจริตรั่วไหล) อีกทั้งการทำนโยบายนี้ ต้องมองถึงค่าเสียโอกาสในการเอาเงินไปลงทุนด้านต่างๆด้วย ดังนั้น จึงมีข้อเสนอให้รัฐทบทวนการใช้เงิน โดยการแจกเงินคนทั้งหมดยังไม่จำเป็น รัฐควรจำกัดเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย (คนจน) และคนชั้นกลางที่มีปัญหาหนี้ครัวเรือน
 
การหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจจะมากหรือน้อยอย่างไรอยู่ที่วิธีการออกแบบการแจกเงิน แต่ด้วยพื้นฐานการแจกเงินด้วยวิธีการของรัฐบาลเศรษฐา มีผลต่อการหมุนของเงินมากกว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะการออกแบบ เช่น การกำหนดเงื่อนไขในรัศมี 4 กิโลเมตร ทำให้เม็ดเงินกระจายลงร้านค้าขนาดเล็กที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนมากขึ้น” นายอนุสรณ์กล่าว
 
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า สำหรับการทำนโยบายด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน และการที่ไม่ใช้โครงสร้างที่มีอยู่ เพราะเทคโนโลยีนี้สามารถใช้ได้ในหลากหลายธุรกรรม ถ้ารัฐต้องใช้งบประมาณในการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานของบล็อกเชนจะต้องคิดมากกว่าการแจกเงิน ซึ่งการแจกเงินเป็นการเริ่มต้นเรื่องการทดสอบระบบในด้านการเงิน แต่นโยบายมีเงื่อนไข เช่น การแจกเงินให้กับประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป และจำกัดใช้ในรัศมี 4 กิโลเมตร ซึ่งการกำหนดเงื่อนไขก็เป็นจุดแข็งของบล็อกเชนที่สามารถออกแบบโปรแกรมให้สามารถตอบสนองนโยบายนี้ได้
 
นอกจากนี้ เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถใช้ในระบบการทำงานของภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (government services) รวมถึงระบบการเลือกตั้งก็สามารถนำมาใช้ได้ หากมีการพัฒนาเทคโนโลยีไปถึงจุดหนึ่งแล้วจะเกิดประชาธิปไตยทางตรง (direct democracy) คือ รูปแบบการปกครองที่ให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าไปมีส่วนในการตัดสินใจทางการเมืองได้โดยตรง
 
เช่น รัฐบาลอยากขอความคิดเห็นจากประชาชนก็สามารถทำได้ผ่านโครงสร้างนี้ อีกทั้งยังมีผลต่อระบบการค้า ระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ และนวัตกรรม หรือปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งเป็นสิ่งเป็นประโยชน์ในอนาคต” นายอนุสรณ์กล่าว


 
ร้านทอง บ่น ขายฝืด ชี้ ราคาไม่หลุด 3 หมื่นบาท
https://www.matichon.co.th/economy/news_4220648

ร้านทอง บ่น ขายฝืด ชี้ ราคาไม่หลุด 3 หมื่นบาท
 
นายสมบูรณ์ เจ้าของร้านจำหน่ายทองคำ ย่านถนนเยาวราช กล่าวถึงบรรยากาศซื้อขายทองคำในประเทศว่า ยังอยู่ในช่วงผันผวน ส่งผลให้ราคาขายออกและรับซื้อปรับขึ้นหรือลงในช่วงวันเฉลี่ย 2-3 ครั้ง ส่วนหนึ่งตามทิศทางราคาน้ำมันโลกประเมินว่ากำลังขยับขึ้นอีกครั้ง ส่วนจะมากน้อยแค่ไหน อยู่ที่ภาวะอากาศปลายปี ในกลุ่มประเทศอากาศหนาวจะรุนแรงมากหรือน้อย ด้วยขณะนั้นมีความวิตกผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนิโญมากอยู่ บวกกับเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง และกำลังซื้อยังไม่ดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจ ฝนตก ปิดเทอม และจำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่สูงเท่าที่คาดไว้สำหรับเดือนตุลาคม จึงมีผลทำให้กำลังซื้อหน้าร้านทองค่อนข้างบางตา

เชื่อว่าราคาทองคำจะยังเคลื่อนไหวเกิน 3 หมื่นบาท เฉลี่ยน่าจะ 3.2-3.3 หมื่นบาท จนถึงปลายปีนี้ โดยยังมองไม่ออกว่าราคาทองคำปลายปีจะขึ้นหรือลง แต่หากพูดถึงกำลังซื้อยอมรับว่าไม่ดีขึ้น ตอนนี้รอกำลังซื้อเพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ และเป็นโบนัสแจกพนักงานขององค์กรต่างๆ แต่ด้วยราคาทองสูงขึ้น จากเคยซื้อเส้นครึ่งสลึง ถึง 1 บาท ก็จะเหลือ 1-2 สลึง” นายสมบูรณ์ กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงาน สมาคมค้าทองคำประกาศราคาทองคำ ณ วันที่ 7 ตุลาคม เพียงครั้งเดียว โดยเปิดตลาดปรับขึ้นทันที 150 บาทต่อ 1 บาททองคำ ทำให้วันนี้ ทองแท่งรับซื้อ 31,950 บาท ขายออก 32,050 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 31,381.20 บาท ขายออก 32,550 บาท ทั้งนี้ ย้อนหลังข้อมูลทั้งสัปดาห์ช่วงวันที่ 2-7 ตุลาคม พบว่าราคาทองคำขึ้นลงทุกวัน เมื่อรวมกันแล้วจะเป็นการลดลงรวม 250 บาท หักที่เพิ่มขึ้นรวมแล้ว 150 บาท เท่ากับสัปดาห์นี้ราคาทองคำลดจากสัปดาห์ก่อน 100 บาท ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนค่าบาทสูงขึ้น จาก 36.78 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เป็น 36.96 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่