อยากถามเกี่ยวกับแม่ค่ะ อยากรู้ว่าบ้านอื่นเป็นเหมือนกันรึเปล่า?

ตั้งแต่เด็กจนโตป่านนี้เราค่อนข้างเป็นเด็กดีนะ แม้แต่พูดไม่เพราะยังไม่ได้เลย ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เพราะแม่จะโทรตามตลอด สมัยเรียนนี่กับบ้านช้าแค่นิดหน่อยตามแล้ว นั่งสอบอยู่ยังโทรตาม พอมาแล้วก็จะให้ทำงานช่วย ( แม่เราเป็นแม่ค้าค่ะ งานจะเยอะมาก ) เช่น เก็บบ้าน ล้างจาน เตรียมของ งานในบ้าน+ ของที่ขายบางอย่างเป็นเราทำแทบจะทั้งหมดเลย ด้วยความที่ตอน ม.ปลายเราเรียนสายวิทย์ งานที่โรงเรียนจะเยอะมากๆ เราก็พยายามจะกลับมาจัดการที่บ้านให้เรียบร้อย เราก็ว่าเราทำดีที่สุดแล้วนะ อะไรแบบนี้เป็นมาตั้งแต่เราเรียน ม.2 จนกระทั่งวันนึงเราได้มีโอกาสไปช่วยแม่ขายของที่ตลาด ( ไม่รู้ว่าส่วนตัวเป็นคนโลกสวยหรือยังไง รู้สึกอึดกับสังคมตลาดที่แม่ไปขายของมากๆ เพื่อนแม่แต่ละคน O_o ) พวกเค้านินทากันเก่งมากๆ บูลลี่คนมากๆ ลูกฉันลูกเธอเปรียบเทียบกันจนเวียนหัว ส่วนตัวแม่เรานั้น
ไม่รู้ว่า ใครมาพูดเรื่องอะไรให้ฟังบ้างในแต่ละวัน แม่เปลี่ยนไปมากๆๆๆๆ ผลกระทบส่งผลมาถึงเราโดยตรง เราจะยกเหตุการณ์ที่กระทบจิตใจเรามากๆมานะคะ ซึ่งที่จริงแล้วมันมีเยอะมากกกก

เช่น วันแม่แห่งชาติ ตอนเทอมสุดท้ายของ ม.6 เราได้รับเกียรติบัตร เราดีใจมาก พอรู้ว่าได้ เราร้องไห้จะกลับบ้านไปบอกแม่ เพราะตอน ม.4 เราจำได้แม่นว่าแม่เราเคยป้าคนนึงอวดว่าลูกนางได้เกียรติบัตรมาให้ทุกปี แม่บอกฉันทันทีว่า "ทำไมไม่เคยมีรางวัลอะไรแบบนี้มาให้แม่บ้าง " มันฝังอยู่ในใจฉันมาจนวันที่ฉันได้ใบสี่เหลี่ยมนี่มา ทุกอย่างเหมือนจะดีนะ แต่พอมาบอกแม่ แม่ฉันบอกไม่เอา เราก็ถามว่าทำไมล่ะ แม่บอก น้องอยู่โรงเรียนเดียวกันจะอยู่ลำบาก เดี๋ยวครูจะโทรหาแม่ให้บ่อยด้วยอีกอย่างเสียเวลาขายของด้วย ในตอนนี้เราก็พยายามจะบอกแม่ว่ารางวัลนี้กว่าจะได้มา มันยากมากนะ แม่ไปหลังขายของเสร็จ มันไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่แม่คือไม่เอาท่าเดียวเลย ฉันงงมากกกก ( ด้วยความที่ฉันเรียนเทอมสุดท้ายแล้ว ห้องวิทย์มีคนเก่งมากมาย ฉันไม่ใช่เด็กเก่งในห้อง แถมตอนนั้นขาดเรียนบ่อยเพราะต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัด พอกับมาเรียนต้องตามงานจนไม่ได้นอน ไม่มีวี่แววว่าจะได้เกรดดีด้วยซ้ำ แต่ครูที่ปรึกษาให้รางวัลนี้กับฉัน ตอนนั้นดีใจมาก จนกระทั่งถึงวันงาน ฉันร้องไห้หนักมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องร้อง เพื่อนๆ ก็รู้ว่าฉันเป็นอะไร ก็ปลอบใจกันไป ) 

ไม่นานเราได้กลับไปขายของช่วยแม่อีกครั้ง ทำให้เรารู้เรื่องนึง แม่เราบอกชาวตลาดไปหมดว่าแม่ได้รางวัลแม่ดีเด่น เราไม่เข้าใจว่า แม่ก็ดูดีใจขนาดนี้ทำไมไม่ยอมไปรับรางวัลล่ะ สักพักเพื่อนแม่มาเล่าเรื่อง เราได้ยินคร่าวๆ ว่า โรงเรียนลูกนางน่ะ ใครใด้แม่ดีเด่นน่ะไม่สำคัญหรอก เพราะลูกนางขาดเรียนบ่อย เกรดตก ยังได้เลย แม่บอกเพื่อนว่า เออนั่นสิ ลูกฉันจะได้รางวัลนี้ได้ยังไง เราในตอนนั้นคือต้องกลั้นน้ำตาอย่างสุดอ่ะ แม่ตอบเพื่อนแม่ เหมือนฉันเป็นคนไม่เก่ง ไม่รู้ได้รางวัลมายังไง สงสัยครูจะสุ่มรายชื่อ 

ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับแม่ คือ เงียบสงบในทันที มีอะไรที้เราเคยทำเราก็ทำต่อไป มีหน้าที่อะไรก็ทำ เราว่าเราก็ทำดีที่สุดแล้วนะ แน่ล่ะค่ะมันไม่พอ เราสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เราดีใจมาก แม่เราบอกว่า พักก่อน ทำงานช่วยสร้างบ้านก่อน ให้น้องเรียนคนเดียวไป เราก็เข้าใจในตรงนี้ ไม่เป็นไร เพราะแม่สัญญาว่าจะให้เราสอบในปีหน้า ซึ่งถึงปีต่อมา ที่บ้านโชคดีถูกรางวัลที่สอง 3 รางวัล หนี้สินหมด บ้านก็ทำเสร็จ เรามั่นใจว่าจะได้เรียนต่อแน่นอน แต่ไม่ค่ะ แม่ก็บอกอีกว่าให้เราช่วยทำงานก่อน ซึ่งแม่พูดเยอะมากเหตุผลเยอะมาก เราก็ด้วยความที่เชื่อฟังมาตลอดก็ว่าเค้าเป็นแม่ก็เชื่อท่านต่อไปเรื่อยกระทั่ง วันนึง บ้านเราได้ไปทำบุญ แม่คุยกับพระเจ้าอาวาส ซึ่งท่านก็ถามถึงลูกๆ ว่าอายุเท่าไหร่แล้ว ไม่ได้เรียนหนังสือเหรอ ( ตอนนั้นแม่ไม่รู้ว่าเราอยู่ด้านหลัง ) แม่ตอบว่า ไม่ค่ะ ให้จบ ม.6 ก็พอแล้ว จะเรียนไปทำไมเยอะแยะ เดี๋ยวก็มีแฟน เดี๋ยวก็เอาลูกมาให้เลี้ยง เราอยู่ด้วยกันแบบนี้มีความสุขกันดีอยู่แล้ว ใบปริญญาไม่จำเป็น แม่ว่างั้น หัวใจเจ็บขึ้นมาทันที แล้วให้ฉันตั้งใจเรียน เข้าห้องวิทย์คณิต พอมาได้ยินอะไรแบบนี้มันเหนื่อยมากนะ ท้อมากๆ ชีวิตหยุดนิ่งเลย แม่ไม่รู้ว่าเราได้ยินเราก็พยายามทำตัวให้ปกติ เพราะตอนนั้นไม่ได้อยู่บ้าน

 ด้วยอายุของเราที่บวกมาเพิ่ม เราไม่เคยมีแฟนมาก่อน ไม่เคยมีเรื่องเกี่ยวกับผู้ชาย หรืออะไรเลย เพราะทุกคนรอบข้างจะรู้ว่า แม่เราดุมาก ไม่มีใครกล้ามาจีบ พอกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด ญาติพี่น้องประชาชน ก็ถามกันละนาวเลย ทำไมไม่เรียนเมื่อไหร่จะมีผัว แม่เราไปว่า ขายของก็ได้เงินดีอยู่แล้วยังไงเรียนจบก็จะให้มันมาขายของ เพราะงั้นจะเรียนให้เสียเงินไปทำไม คำพูดนี้มาอีกว่า ครอบครัวเราอยู่กันแค่นี้มีความสุขกันดีอยู่แล้ว
  ้

และสถานการณ์นึง ที่เรา งง มากว่า เกิดอะไรขึ้น แม่เราเรียกเราไปคุย ประมาณว่าจะมีผัวมีแฟนในช่วงอายุเท่านี้ไม่ได้นะ ไม่งั้นจะได้คนไม่ดี ตบตีเรา ไม่เอาการเอางาน สารพัดจะพูดออกมา เราก็ไปอีกว่า อะไรของแม่ คือเราไม่มีใครมาจีบเลยแม้แต่คนเดียว แม่เราก็เล่าเรื่องนี้ให้ชาวตลาดญาติและชาวตลาดฟังด้วยนะ สรุปเลย แม่ได้ยินเราคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ซึ่งเราเหลือเพื่อนเพียงสามคนที่ สามารถคุยกันได้ ซึ่งวันนั้นเพื่อนผู้หญิงมันอกหัก เรากับเพื่อนอีกคนก็ทั้งปลอบใจทั้งให้กำลังใจ " แม่เราก็เลยไปดูดวงทันที หมอดูคงบอกฉันจะมีผัวล่ะมั้ง ซึ่งมั่วมากๆ "  ได้ยินลูกคุยโทรศัพท์แม่ไปดูหมอ งงมาก แล้วเอามาด่าเรา พอเราอธิบายก็ไม่ฟังด้วยนะ บอกว่าโตแล้วนิ คงไม่เชื่อฟังแล้วนี่ งงเข้าไปอีก จนอายุเรามันก็ 27 ละ ฉันไม่มีเพื่อนอีกต่อไป เพราะแม่บอกวา เพื่อนไม่ดี งงมาก ทำให้เราไม่กล้าจะคบเพื่อนแบบเปิดเผย เพราะแม่จะแบบมอง ฟังเราตลอด เรากับแม่อยู่ด้วยกันแทบจะ 24 ชั่วโมงเต็ม เราก็คิดว่าไม่เป็นไร แม่สำคัญที่สุดเราเลือกแม่ 

สถานการณ์ระหว่างเรากับแม่แย่ขึ้นเรื่อยๆ เราไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิดนักหนา แม่ไม่ชอบให้เสียงดังเราก็เงียบ ด้วยความที่เราไม่ได้ออกไปไหนเลย นอกจาก บ้าน ตลาด และไปวัดกับแม่เท่านั้น แต่นั้น เรากับแม่ก็ไม่ได้สนิทกันเลย แม่เริ่มจะหนักขึ้นเรื่อย อารมณ์เริ่มไม่ดี คำสบถคำไม่พูดไม่ดีเริ่มมามากขึ้นจากเมื่อก่อน เริ่มใจร้ายกับคนในบ้าน  พ่อกับน้องชายทำงานกับมาเหนื่อยๆ ไม่มีใครเข้ามาพักในบ้านเลย เพราะแม่เสียงดัง ไม่คุยโทรศัพท์เสียงดังก็เปิดทีวีเสียงดัง ไม่ก็เปิดบทสวดมนต์เสียงดังมากๆ และที่สำคัญเลย แม่เป็นคนขี้หนาว แม่จะไม่ชอบเปิดพัดลม วันนึงประมาณ 4 ทุ่ม แม่เข้านอนแล้ว เราถึงส่งข้อความไปตามพ่อกับน้องเข้าบ้าน น้องบ่นว่า ไม่รำคาญแม่เหรอ นอนหลับไปได้ยังไงเสียงดังไปทั่วขนาดนั้น เราตอบไปเลยว่า ิเราชินแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก นี่เกิดขึ้นตั้งแต่เด็กแล้ว 

 

อ่ะโอเค ถ้าใครอ่านจบ ขอบคุณมากค่ะ เราแค่ไม่เข้าใจในแม่ของเราแค่นั้นเอง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ พอเราเล่าอะไรให้ฟังแม่จะชอบเอาไปเล่าต่อ ซึ่งเราคิดว่านี่มันเรื่องครอบครัวมันเป็นความระหว่างคนในบ้านนะ 

ทำไมในโปรไฟล์ที่หลายคนเห็น แม่เข้าวัด ทำบุญสวดมนต์ สงสารนู่นนี่นั่น ช่วยเหลือคนอื่นไปทั่วใจดีกับคนทั่วโลก แต่ทำไมไม่เห็นใจดีกับคนในบ้านเลย ทำไมทวงบุญคุณการที่เลี้ยงเรามา ทำไมไม่ยอมให้เราสร้างอนาคตสักที ทำไมถึงได้เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมากๆ จนไม่สนคนรอบข้างเลย แล้วก็เอาคำว่าแม่มาอ้างเสมอ ถ้าเอะอะอะไรขึ้นมา ก็โดนสาป โดนไล่ออกจากบ้านแล้ว จนตอนนี้ บ้านที่แม่ชอบคุยว่า อยู่กันแบบนี้ก็มีความสุขกันดีอยู่แล้ว มันเหมือนว่าไม่จริงเลย แม่จะมีความสุขอยู่คนเดียวในโลกของแม่ เราที่แม่ชอบขี้หน้าก็เก็บตัวอยู่ในห้อง พ่อกับน้องก็ทำงานหาเงินมาให้แม่ จะพักผ่อนแต่ละวันต้องไปผูกเปนอน ยุงกัดก็ยอม เพราะสบายใจกว่า ้ 

เราไม่รู้จะทำไงต่อไปดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่