ควรไปต่อยังไงหรือควรออกมาใช้ชีวิตตัวเอง

ควรไปต่อยังไงดีหรือควรออกมาใช้ชีวิตตัวเอง
คือเราอายุ 25 ปีค่ะ ส่วนแฟนเราอายุ 18 อายุที่เค้าบอกเรา แต่จริงๆแล้วเขาบอกเกิด 2549 ซึ่งเรามารู้ทีหลัง แล้วในบัตรประชาชนเขาเกิด 2551 คือแม่แจ้งเกิดผิดพ.ศ. เทียบตามบัตรประชาชนเขาอายุแค่ 15 แต่เรื่องแจ้งปีเกิดน่าจะเป็นเรื่องจริงเพราะเขากำลังกลับไปแก้ไข ซึ่งเราเป็นผู้หญิงที่อายุเยอะกว่าเขามาก จนเรารู้สึกไไม่กล้าที่จะบอกพ่อกับแม่ตัวเองให้ได้รู้เลย เขาโกหกเราบ่อยมาก เรื่องบ้าน เรื่องส่วนตัว เรื่องที่กุ
ขึ้นมา เอาจริงคือเรารู้อยู่แล้วว่าที่พูดมามันโกหกเพราะเราเคยเชื่อเขา แต่เราได้เห็นด้วยตัวเอง เราต่างคนก็ต่างทำงาน เราไม่เคยขอเงินเขาสักครั้งมีแต่ให้ด้วยตลอด ไปเที่ยวไหนทำอะไร จะช่วยออกคนละครึ่งแล้วส่วนใหญ่จะเป็นเราด้วยที่เลี้ยงเขา ข้อดีของเขาก็คือจริงใจกับเรา เหมือนจะรักจริงๆแต่ก่อนมีปัญหาจะพยายามเคลียร์กันตลอด แต่ผ่านมาจะปี เวลามีปัญหากันทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยเขาจะหนีออกจากบ้านตลอด แล้วเราก็ต้องไปตามหาเพราะกลัวเขาหลงทางไม่มีที่ไป ร้องไห้ฟูมฟายตามหาเขาจนเจอ เขาทำอย่างนี้ 2-3 รอบแล้ว แต่เราไปตามตลอด บางครั้งรู้สึกร้องไห้จนเหนื่อย วันที่เขาเข้ามาทำงานที่กรุงเทพ 2 เดือนแรก เงินเขาไม่พอใช้แต่เราอยู่คนละที่กับเขา เราก็สั่งแกรปไปส่งให้เขาบ้างเท่าที่เรามี ตอนเขาเกิดปัญหาเราช่วยเต็มที่ทุ
กครั้งที่จะช่วยได้ แต่ปัญหาหลักคือปัญหาครอบครัวของเขา เขามีพี่สาว 2 คน ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ทำงานมีลูกมีครอบครัวแล้ว ทุกเดือนแม่เขาจะทักมาขอเงินตลอด ทั้งที่ก็รู้ดีว่าเขามีเงินไม่พอกินแต่เขาก็โอนให้ตลอดแล้วสุดท้ายก็เป็นเราที่ต้องช่วยค่ากินเขาในแต่ละเดือน แต่พี่สาวคนโตจะให้แม่เดือนละ 5 พัน ส่วนพี่สาวคนกลางเราไม่รู้เลย คนกลางจะชอบยืมเงิน ชอบขอเงิน แล้วพอน้องตัวเองไม่มีก็บอกให้มาขอเราให้หน่อย ขอบ่อยจนรู้สึกว่าไม่มีจิตสำนึกแล้วอ่ะ เพราะไปขอพี่สาวคนโตเขาก็ไม่ให้ ขนาดคนในครอบครัวเดียวกันยังเอือมละอา ล่าสุดคือแม่เขาโทรมาคุยกับเขาบอกว่าจะขึ้นมาขายเหรียญเก่าที่กรุงเทพ เราก็บอกแฟนไปนะว่า ให้ถ่ายรูปส่งไปให้ร้านเขาดูก่อนจะได้ไม่เสียเงินเสียเวลาเงินก็ไม่ค่อยมีด้วย แต่แม่เขาก็ไม่ยอมจะขึ้นมาให้ได้กับพี่คนกลางและย่าของเขาเพื่อจะเอาเหรียญมาขาย ซึ่งขึ้นมากก็ไม่มีที่พักด้วย แล้วเรากับแม่ของเขาไม่เคยเจอกันสักครั้ง จะให้มาพักที่ห้องเรา 3 คนเลยคงไม่ไหวเพราะเราพักที่อพาร์ตเม้น ส่วนห้องเขาก็พักอยู่กับพี่ที่ทำงานด้วยอีกคนก็ต้องเกรงใจเขา แล้ววันที่แม่เขาขึ้นมาเขาต้องไปทำงานกับเถ้าแก่2คน ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไม่ไปก็ไม่ได้เดี๋ยวไม่มีคนทำงาน ตกหนักต้องมาอยู่ที่เราที่มีทำงานบ่าย 3 ต้องไปรับแม่เขาที่หมอชิตตอนบ่าย เพราะเขาเลิกงานไม่ทัน แล้วร้านที่รับซื้อพระก็ปิด 5 โมงเย็น เราก็เลยบอกให้พี่สาวคนกลางของเขานั่งแท็กซี่มาลงที่ bts หมอชิต เดี๋ยวจะไปรับที่นั่นแล้วพาขึ้น แต่คำตอบที่ได้มาคือกลัวเงินไม่พอจ่ายค่าแท็กซี่ทั้งที่บอกไปแล้วว่าไม่เกิน 100 บาท เรารู้เลยว่าเราต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแน่ เพราะไม่มีเงินกันติดตัวมาเลย ถ้าขายไม่ได้จะกลับยังไงกันเรารู้สึกแอบเหนื่อยใจกับครอบครัวแฟนตัวเอง พอเราไปถึงหมอชิตเราก็พาขึ้นแท็กซี่ ต่อบีทีเอส ไปร้านขายพระ ขายเหรียญ เราสาบานเลยว่าเราไม่เคยคาดหวังเงินจากครอบครัวเขาสักบาทเดียว ค่าเดินทางเราจ่ายให้หมด พอไปถึงร้านสรุปขายไม่ได้จริงๆด้วย แม่เขาก็ทำหน้าหงอยออกมา เราก็เลยถามจะเอายังไงต่อคะ จะกลับบ้านเลยมั้ย แม่เขาพูดกับเราว่าแม่ไม่มีเงินสักบาทแล้ว พี่สาวคนกลางที่มาด้วยก็บอกไม่มีทั้งที่ทำงานเงินเดือนก็13k-14k แล้วพึ่งวันที่ 3 เป็นต้นเดือนด้วย เราก็เลยบอกแม่เขาไปว่างั้นเอาที่หนูไปก่อน เดี๋ยวหนูไปเอาที่ลูกเขาคืน เขาก็ทำหน้าสะแหยะนิดๆ แต่เราให้เขาไปพันห้า มันค่าเดินทางรวมกันแค่ 800 กว่าได้ยังไงก็ถึงบ้านเพราะแฟนเราเงินเดือนน้อยมากแค่ 6-7 k เราไม่อยากเอาที่เขาเยอะเพราะเห็นใจว่าเขาไม่มีแล้วก็อยากให้ตนในครอบครัวเขาช่วยกันบ้างไม่ใช่แค่เขากับเรา แล้วเรายังไม่เคยเปิดตัวกันด้วยเลยสักครั้งแต่ยังต้องจ่ายอะไรต่างๆนานาให้ครอบครัวเขา แล้วเราเองก็มีภาระมีครอบครัวตัวเองที่ต้องดูแลเหมือนกัน พ่อแม่เราไม่เคยขอเราเลยสักครั้งมีแต่ถามว่าเงินพอมั้ยเดี๋ยวโอนให้ น้องเราก็ไม่เคยขอมีแต่ช่วยกันตลอด แต่ทำไมครอบครัวเขามันดูยุ่งยากลำบากกับเขาคนเดียวจัง หลังจากที่เราให้เงินแม่เขาไปเราก็ไปส่งเขาขึ้นบีทีเอส แล้วแยกกันตรงนั้นบอกให้พี่สาวคนเรื่องเดินทางเพราะเราพาขึ้นแล้วและต้องรีบกลับไปทำงานด้วย สรุปเราต้องไปทำงานสาย 40 นาที ทั้งที่ใช้ชั่วโมงชดขอเข้า 17.00 น. เพราะเราเคยทำงานล่วงเวลา แต่ก็กลับไม่ทันเพราะ 16.00 ฝนตกหนักมาก เรายังไม่ถึงที่ทำงานเลย พี่สาวคนกลางทักมาขอเงินเราอีกทั้งที่เราพึ่งโอนให้ เราว่ามันพอแล้ว แต่เขาบอกเราว่า รถที่บ้านไม่มีน้ำมันจะโอนไปให้พ่อเติมน้ำมันมารับที่รถตู้จอด แต่เรารู้สึกว่ามันควรเป็นเขาหรือไม่ก็พี่สาวคนโตแล้วที่ต้องช่วยกันเองไม่ใช่เรา เราก็เหลือเงินน้อยแล้วเหมือนกัน สรุปก็ต้องเป็นแฟนเราที่ขอเบิกเงินกับเถ้าแก่แล้วโอนไปให้ จนตอนนี้เงินแฟนเราเหลือแค่ 6 พัน อันนี้ยังไม่หักค่าห้องพัก ไม่ต่ำกว่า 2000 ค่าที่เราให้แม่เขาไป เกือบ 2 พัน เท่ากับว่าเดือนนี้เขาจะเหลือแค่ 2 พันที่ต้องใช้ วันต่อมาพี่สาวคนกลางทักมาหาเขาอีกว่าขอเงินเราให้หน่อย 200 บอกจะเอากลับไปเป็นค่าเดินทางไปที่ทำงาน แต่แฟนเราไม่ได้ขอเรา สุดท้ายแฟนเราก็ต้องเบิกแล้วโอนไปให้อีก แล้วก็ทักมาอีกบอกแม่ถามเงินออกรึยัง แม่ไม่พอใช้ ทั้งที่เมื่อวานแม่เดินทางมาที่กรุงเทพแล้วก็ใช้เงินเขา เขาเหลือใช้แค่พันกว่าบาทถ้าต้องโอนให้แม่อีกคงไม่ได้กินอะไรแล้ว เรารู้สึกเหนื่อยแทนเขามากเลย คือมันเป็นภาระที่ลูกควรช่วยกันไม่ใช่แค่เขาคนเดียว เราเลยรู้สึกว่าเราจะไปต่อกับเขาไหวมั้ย รักอย่างเดียวมันไม่เพียงพอจริงๆ อย่างน้อยก็ไม่ควรมีใครต้องแบกรับครอบครัวของอีกฝ่ายทั้งที่ยังพึ่งคบกันไม่ถึงปี เราควรทำยังไงคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่