[รีวิว] ของแขก - ไสยศาสตร์ที่ควรจะน่ากลัวที่สุดแต่กลับไร้เอกลักษณ์และล้มเหลวในการเล่าเรื่อง

เรียกได้ว่ามีกระแสแรงพอตัวก่อนหน้าเข้าฉายได้เพียงไม่กี่วัน สำหรับภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของไสยศาสตร์ มนต์ดำ ตามความเชื่อของชาวมุสลิม (3จังหวัดชายแดนภาคใต้) ที่มีความเฉพาะตัว และยังไม่ค่อยได้รับการเผยแพร่มากนัก หากเทียบกับผีพุทธและผีคริสต์ที่ถูกเล่าซ้ำไปมาจนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แถมตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมาก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและสร้างความหวังได้อยู่ไม่น้อย

และด้วยประวัติของผู้กำกับ เกรียงไกร มณวิจิต ซึ่งเกิดและเติบโตในจังหวัดนราธิวาสจึงน่าจะเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเขาตั้งแต่วัยเด็ก และมีผลงานการกำกับเรื่องแรกอย่าง “รักนะ ซุบ ซุบ” ที่ฉายเมื่อปี 2563 (2020) ที่ก็ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวก จึงค่อนข้างเชื่อมือได้ว่า ใน “ของแขก” หรือ The Djinn's Curse เขาจะพาผู้ชมไปสัมผัสกับแง่มุมที่น่าค้นหาและทำให้ผู้ชมได้หวาดกลัวกับคุณไสยที่แก้ไม่ได้นี้

แม้จะมีความพยายาม แต่ “ของแขก” ก็ไม่สามารถพาผู้ชมดำดิ่งและหวาดกลัวไปกับเรื่องราวเหล่านั้นได้เท่าที่ควร ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างใหม่ในผู้ชมหมู่มาก และมีประเด็นมากมายที่ควรจะถูกเล่า เช่นทำไมของแขกจึงน่ากลัว ทำไมจึงแก้ไม่ได้ สิ่งที่เรียกว่า ญิน (Djinn /jinn) คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับของแขก และส่งผลต่อมนุษย์อย่างไร มีเงื่อนไขอะไรบ้าง และอีกมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าผู้ชมส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องพอๆ กับครอบครัวของตัวเอกในเรื่อง แต่ผู้กำกับเกรียงไกรก็ทิ้งโอกาสในการจะนำพาผู้ชมไปพบกับความเชื่อของไสยศาสตร์ของชาวมุสลิม (แน่นอนว่าไม่ใช่ความเชื่อหลัก) อย่างน่าเสียดาย (ทั้งๆ ที่โฆษณาเอาไว้เยอะ) กลายเป็นภาพยนตร์สยองขวัญพื้นๆ ที่มีความเป็นมุสลิมเติมเข้าไปแบบไม่ให้อะไร

แต่ที่แย่ไปกว่านั้น ก็ยังคงเป็นปัญหาเดิมๆ เรื่องของบทภาพยนตร์ ในที่นี้ควรจะเป็นเรื่องการเล่าเรื่องมากกว่า ที่ไม่รู้ว่าควรจะโทษใคร แต่ที่แน่ๆ หลังจบงานนี้ มือตัดต่อคงต้องถูกไล่ออก เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มีการตัดต่อ (การลำดับภาพ) ได้อยู่ในขั้น “เด็กน้อย” เอามากๆ เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ถูกเล่าต่อกันเป็นลำดับอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม จาก 1 ไป 2 ไป 3 ไป 4 แบบไม่แตกแถว และ “การเลือนภาพ” หรือ Fade Transition ถูกใช้บ่อยจนน่ารำคาญมาก (เหมือนเด็กเห่อของเล่นใหม่) บางฉากไม่สมควรใช้ก็ยังใช้ (ตอนเหตุการณ์กำลังลุ้น) ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย

ถึงอย่างนั้น มือตัดต่อคนนี้ก็ยังมีความพยายามในการสร้างไดนามิกซ์ให้กับการเล่าเรื่อง โดยเฉพาะช่วงหลัง ที่เหตุการณ์เริ่มมีการสลับกันระหว่างสองเส้นเรื่อง ถึงจะดูดีขึ้นแต่ภาพยนตร์ทั้งเรื่องมันคือ “ทั้งเรื่อง” การวางปม การหยอดคำใบ้ มันควรจะถูกคิดไว้ก่อนตั้งแต่ก่อนถ่ายทำแล้ว ไม่ใช่อยากจะทำก็ทำ อยากจะเล่าก็เล่า ผลสุดท้ายการหักมุมตอนท้ายเรื่องก็ไร้ความหมาย แทบไม่มีความรู้สึกว่าเซอร์ไพร์สเลยจริงๆ (อันที่จริงของแขกเป็นภาพยนตร์ที่ควรจะเล่าด้วยสูตรสำเร็จที่สุดแล้วตั้งแต่แรก นึกไม่ออกก็ The Conjuring ก็ได้)

สิ่งที่ของแขกพอจะเชิดหน้าชูตาได้บาง เห็นทีคงจะเป็นเรื่องการออกแบบงานสร้างที่ยังพอได้กลิ่นอายของความสยองขวัญและเอกลักษณ์ของความเป็นมุสลิมอยู่บ้าง (ก็แหงละ มีคนสวมฮิญาบขนาดนั้น) บ้านไม้หลักของเรื่องมีการหามุมที่จะสร้างความสั่นประสาทได้ดี ความรุนแรงให้ความรู้สึกสมจริง และความพิธีกรรมที่มีรายละเอียดที่น่าสนใจ (แต่มีน้อยไปหน่อย ซึ่งก็ย้อนกลับไปข้อบนๆ ว่าผู้กำกับไม่พาผู้ชมไปรู้จักกับโลกของเขาเลย) รวมถึงจังหวะหลอกที่อาจจะใช้คำว่า “ไม่ดีไม่แย่” พอปรุงให้เรื่องมีความระทึกอยู่ได้เป็นระยะๆ

ด้านนักแสดงหลัก ทับทิม-อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ และ โม-อมีนา พินิจ สองนักแสดงหญิงทำหน้าที่ได้ดีกับการคอยแบกรับเรื่องทั้งหมดเอาไว้ รวมถึงลูกทั้งสองคนทั้ง “หลิน” (ปีญารัตน์ จตุพงษ์) และ “มีนา” (มาริกา แพร่เกียรติเจริญ) ด้วยเช่นกัน แต่หัวหน้าครอบครัวอย่าง “วิน” (อัครา ลูคัส) ค่อนข้างจะถูกลืมไปอยู่หลายครั้ง ซึ่งเกิดจากการที่ตัวเรื่องเล่าแบบไร้ “ตัวเอก” หรือ Protagonist ทำให้มุมมองการเล่าเรื่องไหลไปมา ซึ่งถ้าคุมไม่ดีก็มีปัญหา รวมถึงบทพูดที่ก็ดูแปลกๆ ในหลายๆ ครั้ง จึงชื่นชมนักแสดงที่ยังสามารถถ่ายทอดตัวละครเหล่านี้ออกมาได้

สรุป ของแขก มาพลาดท่าให้กับการเล่าเรื่องที่ไร้ชั้นเชิงอย่างหาที่สุดไม่ได้ ซึ่งมันส่งผลถึงภาพรวมทั้งหมดไปโดยปริยาย กลายเป็นว่าจากงานที่ควรจะออกมาดีกว่านี้ กลายเป็นต้องมานั่งให้ข้อผิดพลาด และท้ายที่สุดภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ได้พาผู้ชมไปรู้จักกับของแขกได้ตามที่โฆษณาเอาไว้สักเท่าไหร่ ให้ความรู้สึกเป็นละครคุณธรรมธรรมดาๆ สักเรื่องหนึ่ง

Story Decoder
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่