สวัสดี วันนี้เรามีประสบการหลอนๆจากตอนเด็กๆจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง บังเอิญว่าชอบฟังเรื่องผีมาก เลยคิดว่าอยากจะแชร์ประสบการณ์ของตัวเองบ้าง เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้จะมีตัวละครหลักๆคือพี่สาวของเราเอง ซึ่งพี่จะเป็นคนที่มีเซนส์แรง มองเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็น ส่วนเราคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์
" เรื่องเกิดขึ้นตอนช่วงเรายังเด็ก ตอนนั้นเราอายุประมาณ 10 ขวบ พี่สาวเรา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง เพราะแกเป็นลูกของป้าเรา อายุห่างจากเรา 1 ปี สมมุติให้ชื่อว่าน้ำ ตอนเด็กๆ เรากับน้ำอยู่คนละจังหวัด เนื่องจากป้าที่เป็นแม่ของน้ำ แต่งงานกับลุงที่อยู่คนละจังหวัดเลย เราจะอยู่ทางภาคอีสาน ส่วนป้าและพี่เราอยู่จังหวัดนึงในภาคเหนือ เรากับพี่เราจะได้เจอกันทุกปิดเทอม เนื่องจากช่วงปิดเทอม ย่าและปู่จะชวนเราและพ่อไปเยี่ยมป้ากับลุงทุกปี ดังนั้นเราจึงได้เจอพี่เราในทุกๆปี เราค่อนข้างสนิทกับพี่เรามาก คือแบบเด็กน้อย พอมีพี่สาวก็จะติดเขามากๆ พอไปเจอพี่ พี่ก็จะชวนไปเล่นที่นั้นที่นี้ตามประสาเด็กต่างจังหวัด และก็ได้รู้เรื่องราวของพี่สาวจากตอนนั้น พี่สาวเราจะเป็นคนร่าเริงและมีเพื่อนเยอะ แต่มีบางครั้งที่เราอยู่กับพี่ แล้วพี่จะมีท่าทีแปลกๆ บางทีก็เหมือนกำลังกลัวอะไรซักอย่าง บางทีก็ตกใจกับอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจ ได้แต่ถามพี่สาว แต่น้ำก็ไม่เคยตอบอะไรเราเลย
" อยู่มาวันนึ่ง น้ำชวนไปเล่นที่โรงเรียนของน้ำ ซึ่งตอนนั้นปิดเทอมแล้ว และโรงเรียนเป็นโรงเรียนเล็กๆในหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านป้าไม่ไกล เรากับพี่สาวก็เลยจะไปเล่นที่โรงเรียน ซึ่งแต่ก่อนโรงเรียนจะอยู่ในวัด เราก็ไปให้อาหารปลาด้วย แล้วจากนั้นก็จะไปเล่นชิงช้าที่สนามเด็กเล่น พอเรากับพี่สาวเราเล่นไปได้ซักฟัก อยู่ดีๆพี่สาวเราก็หยุดชะงัก แล้วมองขึ้นไปบนอาคารเรียน ซึ่งเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น แล้วพี่สาวเราตกใจ กรี๊ดขึ้นมา เราเห็นแบบนั้นเราก็ตกใจ รีบไปหาพี่สาวแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่สาวเราเลยบอกว่า 'เห็นมั้ยๆ เห็นข้างบนนั้นมั้ย" ด้วยความที่เราก็งง ว่าเกิดอะไรขึ้น และก็กล้าๆกลัวๆ เลยพยายามแอบเหลือบไปมอง แต่เราก็ไม่เห็นอะไร แต่รู้สึกเสียววาบไปทั่วทั้งตัว และตอนนั้นเราก็ไม่พูดอะไร บอกพี่แค่ว่ากลับบ้านกันเถอะ เพราะเรากลัวมาก และอยู่ดีๆ ลมแรงๆก็พัดมา แล้วฟ้าก็ร้อง ยิ่งทำให้เรากลัวยิ่งขึ้น จนจะร้องไห้ พี่เราเลยรีบพาเราวิ่งกลับบ้าน พอถึงบ้านเราก็ร้องไห้แล้วถามพี่เราว่าเห็นอะไร พี่เราก็ไม่พูด จนป้าเข้ามาเห็นเราร้องไห้ แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เราเลยเล่าให้ฟังทั้งหมด
" เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน พี่เราเป็นไข้เลือดออก อาการหนักมาก แอดมิทที่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ช่วงแรกพี่สาวอาการแย่มาก เกือบไม่รอด แต่โชคดีที่เหมือนมีปาฏิหาริย์ พี่สาวรอดตายมาได้ แต่ตั้งแต่นั้นมา พี่สาวจะเห็นอะไรแปลกๆ ตอนแรกพี่ยังเด็กเลยไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร แต่ต่อมาพี่สาวก็รู้ว่าสิ่งที่เห็นคือผี และพี่สาวไม่เคยบอกใครว่าตัวเองเห็น สิ่งที่พี่เห็นที่โรงเรียน พี่สาวบอกว่าตอนเล่นชิงช้าอยู่ดีๆ ได้ยินเสียง ตึกๆๆ แล้วก็มีเสียงอะไรไม่รู้ลากไปกับพื้น ตอนนั้นพี่คิดว่าทางวัดคงกำลังสร้างอะไรรึป่าวเลยไม่ได้เอะใจ แล้วจู่ๆพี่ก็มองขึ้นไปบนอาคารเรียน แล้วเห็น ผญ ถูกลากตรวน เดินลากตรวนอยู่บนอาคาร แล้วผญ คนนั้นเหมือนจะรู้ว่าพี่สาวเห็น จึงหันมาแสยะยิ่มให้ พี่สาวเลยตกใจร้องกรี๊ดออกไป
" มีอีกเหตุการณ์ ที่ตอนนั้นทางจังหวัดภาคเหนือน้ำท่วม ในตำบลของพี่สาวน้ำก็ท่วม ทางเข้าหมูบ้านพี่สาวจะมีทางรถไฟตัดผ่าน ซึ่งพื้นที่รางรถไฟจะอยู่สูงกว่าถนนเข้าหมู่บ้าน พอน้ำท่วม มันเลยท่วมตรงทางเข้า แล้วตอนนั้นเด็กๆ พอเห็นน้ำ เรากะพี่สาวและเด็กๆในหมู่บ้านก็ไปเล่นน้ำตรงนั้น เรากะพี่เล่นน้ำสนุกมาก แต่เราก็สังเกตุเห็นพี่สาวพูดคนเดียวบ่อยๆ พอเรากลับบ้านไปอาบน้ำ เราเลยถามพี่สาวว่าตอนเล่นน้ำพี่คุยกับใคร พี่สาวก็บอกว่าคุยกับเพื่อน 2 คน ไม่เห็นหรอ เขามาขอเล่นด้วย เราก็งงว่าใคร เพราะเด็กคนอื่นก็ไปเล่นอีกฝั่ง มีแค่เรากับพี่ที่อยู่ตรงนั้น พี่เราโกรธเรามาก บอกว่ามีคนมาเล่นด้วยจริงๆ จนป้าเข้ามาถาม พี่สาวเลยบอกว่าน้องมันหาว่าหนูโกหกว่ามีเพื่อนมาเล่นน้ำด้วย เราก็บอกป้า เราไม่เห็นใครจริงๆ ป้าเลยถามว่าเด็ก 2 คนที่มาเล่นด้วยน่าตาเป็นยังไง พี่สาวเลยบอกว่ามีเด็กผู้ ญ อายุประมาณ 9 ขวบ กับเด็ก ผช อายุประมาณ 5 ขวบ เป็นพี่น้องกัน คนพี่ใส่เสื้อสีเขียวแล้ว คนน้องใส่เสื้อสีฟ้า และคนน้องก็ใส่แว่นตา ซึ่งเด็ก 2 คนนี้ขอเล่นน้ำด้วยเพราะไม่มีเพื่อน พี่สาวก็ถามว่าแล้วเด็ก 2 คนนี้มาจากไหน คนน้องก็ตอบพี่สาวมาว่า " มาจากต้นไม้ใหญ่ๆตรงโน้น ตรงทางรถไฟ พอป้าได้ฟังดังนั้นก็ตกใจมากกก รีบวิ่งไปหาลุงและบอกว่าไม่ไหวแล้ว ต้องพาไปทำบุญแล้ว ตอนนั้นเรากับพี่สาวก้ไม่เข้าใจ แต่เราไปได้ยินป้าคุยกับย่ากับลุงว่า เด็ก 2 คนที่พี่เราเจอ น่าจะเป็นเด็กที่พึ่งตายไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว โดยตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจ เราพึ่งมาถามเรื่องราวจากป้าตอนที่เราโตแล้ว โดยป้าเล่าให้ฟังว่า " วันนั้นที่มีอุบัติเหุต มีครอบครัวนึงมาเยี่ยมญาติที่ป่วย โดยมาด้วยกัน 5 คน ขับรถยนต์ซึ่งเป็นรถกะบะมา โดยคนที่มาคือ พ่อ แม่ ลูก 2 คน และญาติผู้ชายอีกคน ขากลับ พ่อเป็นคนขับรถ แม่นั่งหน้า และเด็กๆ 2 คนนั่งในแคป ญาติ ผช อีกคนนั่งหลังกะบะ คนที่เล่นเหตุการณ์ทั้งหมดคือ ญาติ ผช คนนั้นซึ่งรอดมาได้แค่คนเดียว สมมุติว่าญาติ ผช คนนั้นชื่อลุงเอ ลุงเอเล่าให้ฟังว่าหลังจากเยี่ยมญาติเสร็จแล้ว ก็จะพากันกลับ เนื่องจากช่วงนั้นน้ำเหนือกะลังมา กลัวที่บ้านน้ำจะท่วม เลยไม่นอนค้าง เลยจะกลับภายในวันนั้น คนขับคือพ่อเด็ก และแม่เด็กนั่งหน้า หลาน 2 คนนั้นในแคป และลุงเอนั่งหลังกะบะ ตอนขับรถออกมา ก็จะผ่านทางรถไฟ แต่ในสมัยก่อนมันไม่มีไม้กั้น มีแค่ไฟแจ้งเตือน พอรถขับไปถึงรางรถไฟ อยู่ดีๆรถก็ดับ และรถไฟกำลังจะมา ลุงเอตกใจพยายามเคาะกระจกเรียกเพื่อให้ลงจากรถ แต่เหมือนไม่มีใครได้ยิน แกพยายามเคาะ กระโดดจากรถไปจะเปิดประตู แต่ประตูล็อก และคนข้างในไม่มีท่าทีว่าจะได้ยิน และรถไฟเองก็เหมือนจะไม่เห็นรถ ไม่เบรค ไม่บีบแตร และสุดท้าย ลุงเอก็กระโดดหลบรถไฟ และรถไฟก็ชนรถยนต์เต็มๆ และลากรถไประยะทางเกือบ 3 กิโล ไปหยุดตรงต้นไม้ใหญ่ ตอนนั้นตำรวจถามคนขับรถไฟ คนขับก็แจ้งไม่เห็นรถจริงๆ ตำรวจถามลุงเอ ลุงเอก็บอกว่าพยายามเรียกสุดความสามารถแล้วจริงๆ เรื่องนั้นดังมากในหมู่บ้าน แล้วตอนกู้ภัยมาเก็บศพ ชาวบ้านก็นเห็นว่าเด็กๆ แต่งชุดยังไง ซึ่งตรงกับที่พี่สาวเราเล่าให้ฟังทั้งหมด สุดท้าย ป้าเราก็พาพี่สาวไปวัด แล้วแกก็บวชชีซักพัก แล้วเหมือนพี่สาวดีขึ้น ไม่ค่อยเห็นผีอีกเท่าไหร่ จนเรื่องมาเกิดอีกครั้งช่วงที่โต
"" ตอนเราอายุ 13 พี่สาวเราก็ได้ย้ายมาอยู่กับย่าที่บ้าน โดยเราจะบอกครอบครัวเราคร่าวๆ บ้านเราและย่าจะอยู่ในตัวอำเภอนึงในภาคอีสาน โดยบ้านเรากับย่าจะอยู่ในตัวตลาด ซึ่งครอบครัวเรามีอาชีพค้าขาย บ้านย่าจะเป็นตึกแถว 2 ชั้น ขายของเกี่ยวกับเสื้อผ้า ชุดเครื่องแบบนักเรียน โดยย่าอยู่กับอาซึ่งเป็นน้องสาวพอ ส่วนบ้านเราอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านย่าเลย บ้านเราเป็นบ้านชั้นเดียว ขายของชำ ส่วนมาก เราจะแค่มาช่วยพ่อแม่ขายของ ส่วนตอนเย็นพวกเราจะข้ามฝั่งไปกินข้าวบ้านย่า และเราก็นอนกับย่าที่นั้นเลย เราอยู่กับย่าตั้งแต่เด็กๆเลย และก็ยังมีบ้านญาติคนอื่นๆซึ่งอยู่หลังติดๆกัน ตอนพี่สาวเราจะขึ้น ม.2 ด้วยความที่อาเราไม่มีครอบครัว เลยขอป้าให้พี่สาวลงมาอยู่ด้วย เดี๋ยวอาจะเลี้ยงให้และออกค่าใช้จ่ายเรื่องการเรียนให้ทั้งหมด พี่สาวเราเลยย้ายโรงเรียนมาอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเรา ตอนนั้นเราพึ่งเข้า ม.1 ส่วนพี่เราย้ายมาเข้า ม.2 ตอนนั้นอาเรารีโนเวทบ้านใหม่ เพราะป้าที่อยู่บ้านติดกัน เขาจะย้ายบ้าน อาเลยซื้อตึกแถวตรงนั้นไว้ และก็ทุบผนังให้ติดกัน ตอนนั้นเราก็นอนกับย่า ส่วนพี่สาวเราขอแยกห้องไปนอนห้องเดี๋ยว ซึ่งเรื่องมันมาเกิดกับการที่อยู่บ้านหลังใหม่ด้วย
"" เรากับย่า ด้วยความที่ไม่เคยนอนบ้านปูน พออารีโนเวทบ้านใหม่ แกก็ทำห้องข้างบนเป็นปูนหมด แต่บ้านที่ซื้อมาข้างบนเป็นไม้ ย่าเลยขอให้อาไม่ทุบ เพราะย่าชอบนอนบ้านไม้ เรากับย่าเลยนอนบ้านหลังที่เป็นไม้ ส่วนปาและพี่สาวก็นอนหลังที่เป็นปูน บ้านไม้หลังนั้นในตอนแรกก็ไม่มีอะไร แต่พี่สาวมั๊กจะเล่าให้อาฟังเสมอว่าพอพี่ไปเอาของที่นั้น แกรู้สึกมีใครจ้องแกตลอด ทำให้พี่ไม่ชอบไปที่นั้น ส่วนเรา ก็มีเหตุการณ์ประหลาดๆเกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งๆที่เราไม่ค่อยมีเซ้นส์ แต่มันก็มีบางอย่างที่ทำให้เราหาเหตุผลไม่ได้ มีเหตุหารณ์นึง เรามั๊กจะนอนกับย่า โดยปูผ้าและกางมุ้งนอน ทุกๆคืนเรามั๊กจะฝัน เหมือนมีใครมาจับขาและดึงเรา ซึ่งพอเราตื่นมา ขาเราจะอยู่นอกมุ้งตลอด และยังมีอีกเรื่อง คือเรากะลังทำการบ้านตอนกลางคืน อยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงเด็กกระซิบและหัวเราะ ตอนนั้นเราคิดว่าหูแว่ว เลยไม่ได้เอะใจ แต่พี่สาวก็บอกว่าได้ยินเสียงเด็กบ่อยๆ ส่วนอาเรา ก็เจอเหตุการณ์เหมือนกัน มีวันนึง อากาศร้อนมาก ตอนนั้นยังไม่มีแอร์ อาบอกว่านอนในห้องปูนไม่ได้ เลยมานอนบ้านไม้ แกก็ปูผ้าและกางมุ้งถัดจากมุ้งเราไป คืนนั้นแกฝันว่ามี ผญ สวยๆ มายืนจ้องน่าแก และพูดกับ ผญ และ ผช แก่ๆว่าคนนี้ไม่ใช่ อีกคนหายไปไหน แกตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วตอนเช้า แกเลยโทรไปถามกับเจ้าของบ้านหลังเก่าว่าที่นี้มีอะไรอยู่รึป่าว
"" ป้าเจ้าของบ้านหลังเดิมแกก็ยอมรับว่าที่บ้าน แต่ก่อนแกเคยเลี้ยงกุมาร เลยอาจจะได้ยินเสียงเด็ก ส่วน ผญ สวยๆที่อาเจอ แกก็บอกลูกสาวแกเคยเจอ แต่ไม่รู้มาจากไหน ส่วน ผญ และ ผช แก่ น่าจะเป็นตายายที่อยู่ศาลตายายหลังบ้าน แกก็บอกให้อาไปจุดธูปบอกขอให้คุ้มครองคนที่อยู่ในบ้าน หลังจากนั้นทุกอย่างก็สงบ ถึงแม้เด็กๆจะกวนตอนกลางคืนมากก็เถอะ แต่การที่มีสิ่งคุ้มครองในบ้าน ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆๆในตอนนั้น เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับที่บ้าน
"" เซ้นส์ของพี่สาวจากตอนแรกที่เหมือนจะดีขึ้น อยู่ดีๆก็มีเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนที่บ้าน ในสมัยนั้นยังมีเรื่องคนเล่นของ ของเข้าตัว เรื่องปอบอยู่ ช่วงนั้นมีข่าวว่าแถวบ้านมีคนเล่นของและของเข้าตัว ทำให้ตอนเย็นพอเก็บร้านเสร็จ ทุกบ้านก็รีบพากันเข้านอน อยู่มาวันนึง ย่าก็รุ้สึกป่วย ย่ามีอาการเหมือนจะมีไข้มาหลายวัน พ่อเราก็พาย่าไปหาหมอ แต่หมอก็บอกว่าย่าไม่ได้เป็นอะไร ให้ยาแก้ปวดกับพวกเกลือแร่มา หมอบอกย่าอาจจะชาดวิตามินเกลือแร่ ให้กลับบ้านไปพักผ่อนและกินยา ย่าอาการไม่ดีมาหลายวัน ไปหาหมอ 2 ที่ หมอก็บอกไม่เป็นอะไร ทุกคนในบ้านต่างกลุ้มใจมาก ย่าไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย มีวันนึงมีญาติๆมาเยี่ยมย่าตอนเย็นๆ พี่สาวพอกลับมาจากโรงเรียนก็ขึ้นไปอาบน้ำบนบ้าน ห้องน้ำข้างบนบ้านจะอยู่ติดกับหน้าต่างที่มองไปหลังบ้านได้ พอพี่ขึ้นไปซักพัก ทุกคนข้างล่างก็ได้ยินเสียงกรี้ดของพี่สาว เรากับอากับทุกคนก็ตกใจ รีบวิ่งไปบนบ้าน ก็เห็นพี่สาวร้องไห้ตัวสั่นมาก พอพี่สาวเราสงบ ทุกคนก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่สาวเลยเล่าว่า ตอนกำลังอาบน้ำได้ยินเสียงครางต่ำๆ ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร พออาบน้ำเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำ สิ่งที่พี่สาวเจอคือ พี่สาวมองไปนอกหน้าต่าง เห็นโครงกระดูกที่มีเลือกไหลอยู่นอกหน้าต่าง มันทำท่าจะอยากเข้ามา แต่เหมือนมันเข้ามาไม่ได้ พี่สาวเห็นก็ตกใจและร้องกรี้ดออกมา พอทุกคนได้ฟังก็ลงความเห็นว่าไม่ดีแน่แล้ว อาการป่วยของย่าอาจเกี่ยวข้องกับที่พี่สาวเจอแน่ๆ อาจึงให้พ่อไปนิมนต์พระที่เคารพมาดูอาการย่า พ่อจึงไปนิมนต์พระอาจารย์มา พอพระอาจารย์มา ก็ทำพิธีปัดเป่าร้าน รดน้ำมนต์ทั่วร้าน และบอกให้ทุกคนในบ้านทำพิธีไหว้ศาลตายายหลังบ้าน เสร็จแล้วพ่อก็ไปส่งพระอาจารย์ที่วัด ตอนพ่อจะกลับ พระอาจารย์พูดกับพ่อว่า ดีนะที่บ้านมีสิ่งคุ้มครอง ถ้าไม่มีย่าจะโดนกินจากข้างในไปแล้ว ดีที่มันเข้าบ้านทำอะไรไม่ได้ พ่อเราจากที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ ก็ชื่อสนิทใจเรา หลังจากนั้นไม่นานอาการย่าเราก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็หายปกติ
"" เรื่องที่เราจะเล่าก็มีประมาณนี้ ถ้ามีประสบการณ์หลอนๆจะมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะค่าา

แชร์เรื่องหลอนๆจากตอนเด็กๆ
" เรื่องเกิดขึ้นตอนช่วงเรายังเด็ก ตอนนั้นเราอายุประมาณ 10 ขวบ พี่สาวเรา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง เพราะแกเป็นลูกของป้าเรา อายุห่างจากเรา 1 ปี สมมุติให้ชื่อว่าน้ำ ตอนเด็กๆ เรากับน้ำอยู่คนละจังหวัด เนื่องจากป้าที่เป็นแม่ของน้ำ แต่งงานกับลุงที่อยู่คนละจังหวัดเลย เราจะอยู่ทางภาคอีสาน ส่วนป้าและพี่เราอยู่จังหวัดนึงในภาคเหนือ เรากับพี่เราจะได้เจอกันทุกปิดเทอม เนื่องจากช่วงปิดเทอม ย่าและปู่จะชวนเราและพ่อไปเยี่ยมป้ากับลุงทุกปี ดังนั้นเราจึงได้เจอพี่เราในทุกๆปี เราค่อนข้างสนิทกับพี่เรามาก คือแบบเด็กน้อย พอมีพี่สาวก็จะติดเขามากๆ พอไปเจอพี่ พี่ก็จะชวนไปเล่นที่นั้นที่นี้ตามประสาเด็กต่างจังหวัด และก็ได้รู้เรื่องราวของพี่สาวจากตอนนั้น พี่สาวเราจะเป็นคนร่าเริงและมีเพื่อนเยอะ แต่มีบางครั้งที่เราอยู่กับพี่ แล้วพี่จะมีท่าทีแปลกๆ บางทีก็เหมือนกำลังกลัวอะไรซักอย่าง บางทีก็ตกใจกับอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจ ได้แต่ถามพี่สาว แต่น้ำก็ไม่เคยตอบอะไรเราเลย
" อยู่มาวันนึ่ง น้ำชวนไปเล่นที่โรงเรียนของน้ำ ซึ่งตอนนั้นปิดเทอมแล้ว และโรงเรียนเป็นโรงเรียนเล็กๆในหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านป้าไม่ไกล เรากับพี่สาวก็เลยจะไปเล่นที่โรงเรียน ซึ่งแต่ก่อนโรงเรียนจะอยู่ในวัด เราก็ไปให้อาหารปลาด้วย แล้วจากนั้นก็จะไปเล่นชิงช้าที่สนามเด็กเล่น พอเรากับพี่สาวเราเล่นไปได้ซักฟัก อยู่ดีๆพี่สาวเราก็หยุดชะงัก แล้วมองขึ้นไปบนอาคารเรียน ซึ่งเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น แล้วพี่สาวเราตกใจ กรี๊ดขึ้นมา เราเห็นแบบนั้นเราก็ตกใจ รีบไปหาพี่สาวแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่สาวเราเลยบอกว่า 'เห็นมั้ยๆ เห็นข้างบนนั้นมั้ย" ด้วยความที่เราก็งง ว่าเกิดอะไรขึ้น และก็กล้าๆกลัวๆ เลยพยายามแอบเหลือบไปมอง แต่เราก็ไม่เห็นอะไร แต่รู้สึกเสียววาบไปทั่วทั้งตัว และตอนนั้นเราก็ไม่พูดอะไร บอกพี่แค่ว่ากลับบ้านกันเถอะ เพราะเรากลัวมาก และอยู่ดีๆ ลมแรงๆก็พัดมา แล้วฟ้าก็ร้อง ยิ่งทำให้เรากลัวยิ่งขึ้น จนจะร้องไห้ พี่เราเลยรีบพาเราวิ่งกลับบ้าน พอถึงบ้านเราก็ร้องไห้แล้วถามพี่เราว่าเห็นอะไร พี่เราก็ไม่พูด จนป้าเข้ามาเห็นเราร้องไห้ แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เราเลยเล่าให้ฟังทั้งหมด
" เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน พี่เราเป็นไข้เลือดออก อาการหนักมาก แอดมิทที่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ช่วงแรกพี่สาวอาการแย่มาก เกือบไม่รอด แต่โชคดีที่เหมือนมีปาฏิหาริย์ พี่สาวรอดตายมาได้ แต่ตั้งแต่นั้นมา พี่สาวจะเห็นอะไรแปลกๆ ตอนแรกพี่ยังเด็กเลยไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร แต่ต่อมาพี่สาวก็รู้ว่าสิ่งที่เห็นคือผี และพี่สาวไม่เคยบอกใครว่าตัวเองเห็น สิ่งที่พี่เห็นที่โรงเรียน พี่สาวบอกว่าตอนเล่นชิงช้าอยู่ดีๆ ได้ยินเสียง ตึกๆๆ แล้วก็มีเสียงอะไรไม่รู้ลากไปกับพื้น ตอนนั้นพี่คิดว่าทางวัดคงกำลังสร้างอะไรรึป่าวเลยไม่ได้เอะใจ แล้วจู่ๆพี่ก็มองขึ้นไปบนอาคารเรียน แล้วเห็น ผญ ถูกลากตรวน เดินลากตรวนอยู่บนอาคาร แล้วผญ คนนั้นเหมือนจะรู้ว่าพี่สาวเห็น จึงหันมาแสยะยิ่มให้ พี่สาวเลยตกใจร้องกรี๊ดออกไป
" มีอีกเหตุการณ์ ที่ตอนนั้นทางจังหวัดภาคเหนือน้ำท่วม ในตำบลของพี่สาวน้ำก็ท่วม ทางเข้าหมูบ้านพี่สาวจะมีทางรถไฟตัดผ่าน ซึ่งพื้นที่รางรถไฟจะอยู่สูงกว่าถนนเข้าหมู่บ้าน พอน้ำท่วม มันเลยท่วมตรงทางเข้า แล้วตอนนั้นเด็กๆ พอเห็นน้ำ เรากะพี่สาวและเด็กๆในหมู่บ้านก็ไปเล่นน้ำตรงนั้น เรากะพี่เล่นน้ำสนุกมาก แต่เราก็สังเกตุเห็นพี่สาวพูดคนเดียวบ่อยๆ พอเรากลับบ้านไปอาบน้ำ เราเลยถามพี่สาวว่าตอนเล่นน้ำพี่คุยกับใคร พี่สาวก็บอกว่าคุยกับเพื่อน 2 คน ไม่เห็นหรอ เขามาขอเล่นด้วย เราก็งงว่าใคร เพราะเด็กคนอื่นก็ไปเล่นอีกฝั่ง มีแค่เรากับพี่ที่อยู่ตรงนั้น พี่เราโกรธเรามาก บอกว่ามีคนมาเล่นด้วยจริงๆ จนป้าเข้ามาถาม พี่สาวเลยบอกว่าน้องมันหาว่าหนูโกหกว่ามีเพื่อนมาเล่นน้ำด้วย เราก็บอกป้า เราไม่เห็นใครจริงๆ ป้าเลยถามว่าเด็ก 2 คนที่มาเล่นด้วยน่าตาเป็นยังไง พี่สาวเลยบอกว่ามีเด็กผู้ ญ อายุประมาณ 9 ขวบ กับเด็ก ผช อายุประมาณ 5 ขวบ เป็นพี่น้องกัน คนพี่ใส่เสื้อสีเขียวแล้ว คนน้องใส่เสื้อสีฟ้า และคนน้องก็ใส่แว่นตา ซึ่งเด็ก 2 คนนี้ขอเล่นน้ำด้วยเพราะไม่มีเพื่อน พี่สาวก็ถามว่าแล้วเด็ก 2 คนนี้มาจากไหน คนน้องก็ตอบพี่สาวมาว่า " มาจากต้นไม้ใหญ่ๆตรงโน้น ตรงทางรถไฟ พอป้าได้ฟังดังนั้นก็ตกใจมากกก รีบวิ่งไปหาลุงและบอกว่าไม่ไหวแล้ว ต้องพาไปทำบุญแล้ว ตอนนั้นเรากับพี่สาวก้ไม่เข้าใจ แต่เราไปได้ยินป้าคุยกับย่ากับลุงว่า เด็ก 2 คนที่พี่เราเจอ น่าจะเป็นเด็กที่พึ่งตายไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว โดยตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจ เราพึ่งมาถามเรื่องราวจากป้าตอนที่เราโตแล้ว โดยป้าเล่าให้ฟังว่า " วันนั้นที่มีอุบัติเหุต มีครอบครัวนึงมาเยี่ยมญาติที่ป่วย โดยมาด้วยกัน 5 คน ขับรถยนต์ซึ่งเป็นรถกะบะมา โดยคนที่มาคือ พ่อ แม่ ลูก 2 คน และญาติผู้ชายอีกคน ขากลับ พ่อเป็นคนขับรถ แม่นั่งหน้า และเด็กๆ 2 คนนั่งในแคป ญาติ ผช อีกคนนั่งหลังกะบะ คนที่เล่นเหตุการณ์ทั้งหมดคือ ญาติ ผช คนนั้นซึ่งรอดมาได้แค่คนเดียว สมมุติว่าญาติ ผช คนนั้นชื่อลุงเอ ลุงเอเล่าให้ฟังว่าหลังจากเยี่ยมญาติเสร็จแล้ว ก็จะพากันกลับ เนื่องจากช่วงนั้นน้ำเหนือกะลังมา กลัวที่บ้านน้ำจะท่วม เลยไม่นอนค้าง เลยจะกลับภายในวันนั้น คนขับคือพ่อเด็ก และแม่เด็กนั่งหน้า หลาน 2 คนนั้นในแคป และลุงเอนั่งหลังกะบะ ตอนขับรถออกมา ก็จะผ่านทางรถไฟ แต่ในสมัยก่อนมันไม่มีไม้กั้น มีแค่ไฟแจ้งเตือน พอรถขับไปถึงรางรถไฟ อยู่ดีๆรถก็ดับ และรถไฟกำลังจะมา ลุงเอตกใจพยายามเคาะกระจกเรียกเพื่อให้ลงจากรถ แต่เหมือนไม่มีใครได้ยิน แกพยายามเคาะ กระโดดจากรถไปจะเปิดประตู แต่ประตูล็อก และคนข้างในไม่มีท่าทีว่าจะได้ยิน และรถไฟเองก็เหมือนจะไม่เห็นรถ ไม่เบรค ไม่บีบแตร และสุดท้าย ลุงเอก็กระโดดหลบรถไฟ และรถไฟก็ชนรถยนต์เต็มๆ และลากรถไประยะทางเกือบ 3 กิโล ไปหยุดตรงต้นไม้ใหญ่ ตอนนั้นตำรวจถามคนขับรถไฟ คนขับก็แจ้งไม่เห็นรถจริงๆ ตำรวจถามลุงเอ ลุงเอก็บอกว่าพยายามเรียกสุดความสามารถแล้วจริงๆ เรื่องนั้นดังมากในหมู่บ้าน แล้วตอนกู้ภัยมาเก็บศพ ชาวบ้านก็นเห็นว่าเด็กๆ แต่งชุดยังไง ซึ่งตรงกับที่พี่สาวเราเล่าให้ฟังทั้งหมด สุดท้าย ป้าเราก็พาพี่สาวไปวัด แล้วแกก็บวชชีซักพัก แล้วเหมือนพี่สาวดีขึ้น ไม่ค่อยเห็นผีอีกเท่าไหร่ จนเรื่องมาเกิดอีกครั้งช่วงที่โต
"" ตอนเราอายุ 13 พี่สาวเราก็ได้ย้ายมาอยู่กับย่าที่บ้าน โดยเราจะบอกครอบครัวเราคร่าวๆ บ้านเราและย่าจะอยู่ในตัวอำเภอนึงในภาคอีสาน โดยบ้านเรากับย่าจะอยู่ในตัวตลาด ซึ่งครอบครัวเรามีอาชีพค้าขาย บ้านย่าจะเป็นตึกแถว 2 ชั้น ขายของเกี่ยวกับเสื้อผ้า ชุดเครื่องแบบนักเรียน โดยย่าอยู่กับอาซึ่งเป็นน้องสาวพอ ส่วนบ้านเราอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านย่าเลย บ้านเราเป็นบ้านชั้นเดียว ขายของชำ ส่วนมาก เราจะแค่มาช่วยพ่อแม่ขายของ ส่วนตอนเย็นพวกเราจะข้ามฝั่งไปกินข้าวบ้านย่า และเราก็นอนกับย่าที่นั้นเลย เราอยู่กับย่าตั้งแต่เด็กๆเลย และก็ยังมีบ้านญาติคนอื่นๆซึ่งอยู่หลังติดๆกัน ตอนพี่สาวเราจะขึ้น ม.2 ด้วยความที่อาเราไม่มีครอบครัว เลยขอป้าให้พี่สาวลงมาอยู่ด้วย เดี๋ยวอาจะเลี้ยงให้และออกค่าใช้จ่ายเรื่องการเรียนให้ทั้งหมด พี่สาวเราเลยย้ายโรงเรียนมาอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเรา ตอนนั้นเราพึ่งเข้า ม.1 ส่วนพี่เราย้ายมาเข้า ม.2 ตอนนั้นอาเรารีโนเวทบ้านใหม่ เพราะป้าที่อยู่บ้านติดกัน เขาจะย้ายบ้าน อาเลยซื้อตึกแถวตรงนั้นไว้ และก็ทุบผนังให้ติดกัน ตอนนั้นเราก็นอนกับย่า ส่วนพี่สาวเราขอแยกห้องไปนอนห้องเดี๋ยว ซึ่งเรื่องมันมาเกิดกับการที่อยู่บ้านหลังใหม่ด้วย
"" เรากับย่า ด้วยความที่ไม่เคยนอนบ้านปูน พออารีโนเวทบ้านใหม่ แกก็ทำห้องข้างบนเป็นปูนหมด แต่บ้านที่ซื้อมาข้างบนเป็นไม้ ย่าเลยขอให้อาไม่ทุบ เพราะย่าชอบนอนบ้านไม้ เรากับย่าเลยนอนบ้านหลังที่เป็นไม้ ส่วนปาและพี่สาวก็นอนหลังที่เป็นปูน บ้านไม้หลังนั้นในตอนแรกก็ไม่มีอะไร แต่พี่สาวมั๊กจะเล่าให้อาฟังเสมอว่าพอพี่ไปเอาของที่นั้น แกรู้สึกมีใครจ้องแกตลอด ทำให้พี่ไม่ชอบไปที่นั้น ส่วนเรา ก็มีเหตุการณ์ประหลาดๆเกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งๆที่เราไม่ค่อยมีเซ้นส์ แต่มันก็มีบางอย่างที่ทำให้เราหาเหตุผลไม่ได้ มีเหตุหารณ์นึง เรามั๊กจะนอนกับย่า โดยปูผ้าและกางมุ้งนอน ทุกๆคืนเรามั๊กจะฝัน เหมือนมีใครมาจับขาและดึงเรา ซึ่งพอเราตื่นมา ขาเราจะอยู่นอกมุ้งตลอด และยังมีอีกเรื่อง คือเรากะลังทำการบ้านตอนกลางคืน อยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงเด็กกระซิบและหัวเราะ ตอนนั้นเราคิดว่าหูแว่ว เลยไม่ได้เอะใจ แต่พี่สาวก็บอกว่าได้ยินเสียงเด็กบ่อยๆ ส่วนอาเรา ก็เจอเหตุการณ์เหมือนกัน มีวันนึง อากาศร้อนมาก ตอนนั้นยังไม่มีแอร์ อาบอกว่านอนในห้องปูนไม่ได้ เลยมานอนบ้านไม้ แกก็ปูผ้าและกางมุ้งถัดจากมุ้งเราไป คืนนั้นแกฝันว่ามี ผญ สวยๆ มายืนจ้องน่าแก และพูดกับ ผญ และ ผช แก่ๆว่าคนนี้ไม่ใช่ อีกคนหายไปไหน แกตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วตอนเช้า แกเลยโทรไปถามกับเจ้าของบ้านหลังเก่าว่าที่นี้มีอะไรอยู่รึป่าว
"" ป้าเจ้าของบ้านหลังเดิมแกก็ยอมรับว่าที่บ้าน แต่ก่อนแกเคยเลี้ยงกุมาร เลยอาจจะได้ยินเสียงเด็ก ส่วน ผญ สวยๆที่อาเจอ แกก็บอกลูกสาวแกเคยเจอ แต่ไม่รู้มาจากไหน ส่วน ผญ และ ผช แก่ น่าจะเป็นตายายที่อยู่ศาลตายายหลังบ้าน แกก็บอกให้อาไปจุดธูปบอกขอให้คุ้มครองคนที่อยู่ในบ้าน หลังจากนั้นทุกอย่างก็สงบ ถึงแม้เด็กๆจะกวนตอนกลางคืนมากก็เถอะ แต่การที่มีสิ่งคุ้มครองในบ้าน ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆๆในตอนนั้น เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับที่บ้าน
"" เซ้นส์ของพี่สาวจากตอนแรกที่เหมือนจะดีขึ้น อยู่ดีๆก็มีเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนที่บ้าน ในสมัยนั้นยังมีเรื่องคนเล่นของ ของเข้าตัว เรื่องปอบอยู่ ช่วงนั้นมีข่าวว่าแถวบ้านมีคนเล่นของและของเข้าตัว ทำให้ตอนเย็นพอเก็บร้านเสร็จ ทุกบ้านก็รีบพากันเข้านอน อยู่มาวันนึง ย่าก็รุ้สึกป่วย ย่ามีอาการเหมือนจะมีไข้มาหลายวัน พ่อเราก็พาย่าไปหาหมอ แต่หมอก็บอกว่าย่าไม่ได้เป็นอะไร ให้ยาแก้ปวดกับพวกเกลือแร่มา หมอบอกย่าอาจจะชาดวิตามินเกลือแร่ ให้กลับบ้านไปพักผ่อนและกินยา ย่าอาการไม่ดีมาหลายวัน ไปหาหมอ 2 ที่ หมอก็บอกไม่เป็นอะไร ทุกคนในบ้านต่างกลุ้มใจมาก ย่าไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย มีวันนึงมีญาติๆมาเยี่ยมย่าตอนเย็นๆ พี่สาวพอกลับมาจากโรงเรียนก็ขึ้นไปอาบน้ำบนบ้าน ห้องน้ำข้างบนบ้านจะอยู่ติดกับหน้าต่างที่มองไปหลังบ้านได้ พอพี่ขึ้นไปซักพัก ทุกคนข้างล่างก็ได้ยินเสียงกรี้ดของพี่สาว เรากับอากับทุกคนก็ตกใจ รีบวิ่งไปบนบ้าน ก็เห็นพี่สาวร้องไห้ตัวสั่นมาก พอพี่สาวเราสงบ ทุกคนก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่สาวเลยเล่าว่า ตอนกำลังอาบน้ำได้ยินเสียงครางต่ำๆ ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร พออาบน้ำเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำ สิ่งที่พี่สาวเจอคือ พี่สาวมองไปนอกหน้าต่าง เห็นโครงกระดูกที่มีเลือกไหลอยู่นอกหน้าต่าง มันทำท่าจะอยากเข้ามา แต่เหมือนมันเข้ามาไม่ได้ พี่สาวเห็นก็ตกใจและร้องกรี้ดออกมา พอทุกคนได้ฟังก็ลงความเห็นว่าไม่ดีแน่แล้ว อาการป่วยของย่าอาจเกี่ยวข้องกับที่พี่สาวเจอแน่ๆ อาจึงให้พ่อไปนิมนต์พระที่เคารพมาดูอาการย่า พ่อจึงไปนิมนต์พระอาจารย์มา พอพระอาจารย์มา ก็ทำพิธีปัดเป่าร้าน รดน้ำมนต์ทั่วร้าน และบอกให้ทุกคนในบ้านทำพิธีไหว้ศาลตายายหลังบ้าน เสร็จแล้วพ่อก็ไปส่งพระอาจารย์ที่วัด ตอนพ่อจะกลับ พระอาจารย์พูดกับพ่อว่า ดีนะที่บ้านมีสิ่งคุ้มครอง ถ้าไม่มีย่าจะโดนกินจากข้างในไปแล้ว ดีที่มันเข้าบ้านทำอะไรไม่ได้ พ่อเราจากที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ ก็ชื่อสนิทใจเรา หลังจากนั้นไม่นานอาการย่าเราก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็หายปกติ
"" เรื่องที่เราจะเล่าก็มีประมาณนี้ ถ้ามีประสบการณ์หลอนๆจะมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะค่าา